ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: damonshoppu ที่ กรกฎาคม 16, 2018, 08:28:06 pm



หัวข้อ: วิธีเลือกหนังสือเด็กให้สมวัย
เริ่มหัวข้อโดย: damonshoppu ที่ กรกฎาคม 16, 2018, 08:28:06 pm
(https://i.imgur.com/ugS2A8a.jpg)
 
ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าหนังสือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็ก ตั้งแต่ปี 2014 ธุรกิจหนังสือเด็กเติบโตในอัตราที่สูงมากแล้วก็ทิศทางยังคงพุ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆ พวกเรามีตัวเลขรับรองความอะเมซิ่งของหนังสือกลุ่มนี้ได้ อย่างตลาดหนังสือเด็กในอังกฤษปี 2014 มีมูลค่า 332.2 ล้านปอนด์ มากขึ้น 7% ในปี 2015 แถมสูงขึ้นไปอีก 7% สู่ 379.5 ล้านปอนด์ในปี 2016
 
วิธีการเลือกหนังสือสำหรับเด็ก[/b]
 
แรกเกิด – 1 ขวบ
 
เด็กอ่อนที่ได้ฟังคนอ่านหนังสือให้ฟัง จะได้รับความสนุกจากการได้ยินเสียงและก็มีความสุขจากการถูกอุ้มไว้ บิดามารดาที่เริ่มอ่านหนังสือให้ทารกฟังตั้งแต่เกิด มักอ่านตลอดจนถึงโต ทำให้เด็กโตขึ้นเป็นคนรักการอ่าน
การเลือกหนังสือให้ทารก เมื่อทารกอายุ 6 เดือน จะเริ่มสนใจหนังสือสีแจ่มใส โดยเริ่มเอามือแตะที่หนังสือ และก็ส่งเสียงคำราม หรือ จับหนังสือ โบกหนังสือไปๆมาๆ ฟาดหนังสือ เอาหนังสือเข้าปาก หรือ ส่งเสียงตื่นเต้น
 
หนังสือที่เหมาะสม คือ หนังสือเล่มแข็งแรงทนทานที่มีรูปภาพสีแจ่มใส หรือ รูปเด็ก หนังสือบทกวี ขณะที่บางคนอาจชอบหนังสือที่คุณอ่าน แต่ว่าควรอ่านออกเสียงสลับกับการหยุดคุยกับเด็กแบเบาะบ่อยๆตอนวัยนี้เด็กทารกยังไม่รู้เรื่องภาษา แต่ว่าชอบฟังเสียงต่างๆ
เมื่ออายุ 9 เดือน เด็กทารกเริ่มแสดงความอยากได้ของตนเอง ได้แก่ อยากกินอาหารเอง อยากถือหนังสือและอ่านเอง ถ้าหากลูกไม่ยินยอมให้ท่านถือหนังสือ ให้คุณจัดแจงหนังสือให้ลูกถือเองเล่มหนึ่ง และก็คุณถืออีกเล่มหนึ่ง อ่านในช่วงสั้นๆหาหนังสือให้ลูกไว้ถือเล่น เปิดเล่น หรือ ใช้ฟาดตามแต่ต้องการ
 
1-2 ขวบ
 
เมื่ออายุ 12-15 เดือน เด็กแบเบาะอาจตั้งใจถือหนังสือกลับหัวกลับหาง ตอน 18 เดือน เด็กแรกเกิดบางทีอาจเปิดหนังสือจากด้านหลังมาด้านหน้า
วัยกระเตาะกระแตะส่วนมากรักการเคลื่อนไหว ส่วนคนที่ยังเดินไม่ได้ ชอบการโยก การจั๊กจี้ และการกอดช่วงเวลาที่ฟังบิดามารดาอ่าน ส่วนเดินได้แล้ว บางทีอาจนั่งฟังได้นานเพียง 2-3 นาที แต่ว่ายังชอบที่จะฟังไปเดินเล่นไปด้วย เด็กวัยนี้ชอบถือหนังสือเดินไปมาและก็เอามาให้ผู้ใหญ่อ่านให้ฟัง
เพื่อเลี่ยงการโต้เถียง ควรวางหนังสือไว้ภายในตำแหน่งที่ลูกจับออกมาและก็เก็บเข้าที่เข้าทางได้เอง ควรจะวางหนังสือให้ลูกเลือกทีละ 3-4 เล่มแค่นั้น ด้วยเหตุว่าหนังสือยิ่งมาก ยิ่งเลือกยากและก็คุณจำเป็นต้องเสียเวลาเก็บจากพื้นห้อง ให้เข้าที่เก็บหนังสือเป็นเวลายาวนานมากขึ้น
เมื่ออายุ 18 เดือน เด็กเดินได้คล่องแคล่วแล้ว กิจกรรมที่รู้สึกชื่นชอบเป็นการถือหนังสือเดินไปทั่วๆและลูกเริ่มเรียนรู้แล้วว่า หนังสือเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่ได้ โดยการเลือกหนังสือแล้วเดินไปนั่งที่ตักพ่อแม่ แล้วพูดว่า “อ่านให้ฟังหน่อย”
เมื่ออายุ 2 ขวบ ลูกเริ่มรู้เรื่องภาษาเยอะขึ้น หนังสือช่วยให้รู้จักสิ่งต่างๆพ่อแม่ชี้รูปภาพในหนังสือและถามลูกว่าเป็นรูปอะไร คอยคำตอบ แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเฉลย หรือยกย่อง ถ้าเกิดลูกตอบได้ถูกต้อง หรือถ้าลูกตอบไม่ถูก ให้สอนคำตอบที่ถูก
เด็กวัยนี้จำเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้น หนังสือจำพวกบทกลอน คำคล้องจองจะเหมาะกับเด็กวัยนี้ อีกทั้งโปรดปรานสัตว์ทุกประเภท จำเป็นจะต้องหาหนังสือที่มีภาพสัตว์หรือภาพคน มีอักษรตัวโตๆมาอ่านให้ฟัง ควรเป็นหนังสือบอร์ดบุ๊คที่ทำมาจากกระดาษแข็ง คงทน เพราะว่าเปิดง่าย ควรปล่อยให้ลูกได้ตรวจสอบหนังสือ และพลิกหน้ากระดาษเอง โดยพ่อแม่แสดงแนวทางเปิดหน้าหนังสือที่ถูกให้ดูก่อน ไม่ช้าเจ้าตัวเล็กจะคว้าหนังสือมากลับดูซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือไม่ก็ทำท่าอ่านหนังสือให้ตุ๊กตาตัวโปรดฟัง
 
2-3 ขวบ
 
ตอนวัย 2-3 ขวบ ลูกสามารถใช้ภาษาติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้อย่างเข้าใจแล้วก็ดีมากขึ้น กล่าวเป็นประโยคสั้นๆได้แล้ว และมีความเป็นตัวของตัวเองมาก อยากทำทุกๆอย่างด้วยตัวเอง อย่างเช่น กินข้าวเอง แต่งตัวเอง เลือกเสื้อผ้าเอง
 
วัยนี้เป็นวัยที่เด็กๆกำลังเข้าเตรียมอนุบาล เป็นวัยที่มีการปรับพฤติกรรมอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของระเบียบรวมทั้งการช่วยเหลือตัวเอง ควรหาหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวและก็กิจวัตรประจำวันง่ายๆ ที่ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อย่างเช่น การแต่งตัว การแปรงฟัน แล้วก็การเข้าห้องน้ำ การมีวินัย การทำสิ่งที่ดีงาม ส่งเสริม IQ, EQ, MQ อาทิเช่น บึ้กซ่าขี้โมโห กุ๋งกิ๋งปวดฟัน หนูไม่เคยลืม อื่นๆอีกมากมาย มาอ่านกับลูกๆเพราะว่าการสอนที่ให้เด็กได้เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรม แถมยังสนุกสนานแบบนี้ จะทำให้เขาเกิดการเรียนรู้ได้ดีมากว่าการถูกติเตียนหรือถูกอบรมเวลาที่ตัวเขาเองทำผิดเป็นไหนๆ
 
4-6 ขวบ
 
วัยนี้มีจินตนาการเลิศล้ำ มั่นใจว่ามีคาถาวิเศษ มั่นใจว่าความสุขทำให้ดวงตะวันส่องแสง หรือ ซานตาคลอสมีจริง ด้วยเหตุนั้นเด็กวัยนี้ก็เลยชอบการอ่านนิทาน วิธีสนุกสนานกับการอ่านหนังสือให้ลูกวัยนี้ ทำได้โดย
 
- มีหนังสือเอาไว้ในทุกที่ในบ้าน ยกตัวอย่างเช่น ห้องนั่งเล่น สุขา ห้องกินข้าว ห้องนอน
- จัดเวลาก่อนนอนหรือตอนเช้าหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว ตรงเวลาอ่านหนังสือร่วมกัน
- หยุดอ่าน เมื่อคุณหรือลูกต้องการหยุด (ลูกหลับหรือไม่ตั้งใจฟัง)
- จำกัดเวลาการดูทีวี ด้วยเหตุว่าการดูทีวีทำลายจินตนาการของเด็ก และก็ทำให้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับการอ่านหนังสือ
- พาลูกไปหอสมุด แทนที่จะพาไปเดินห้างสรรพสินค้า
- ให้ลูกมีส่วนร่วมในการอ่าน อย่างเช่น ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวหรือตัวละคร
- ทดลองให้ลูกช่วยคุณแต่งนิทานแล้วก็อ่านด้วยกัน
 
ตอนวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่โลกใบเล็กของลูกขยายกว้างจากรั้วบ้านออกไปสู่สังคมข้างนอก นอกเหนือจากการส่งเสริมประสบการณ์ในบ้าน ที่บิดามารดาสามารถใช้กิจวัตรประจำวันเป็นช่องทางในการสอนอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว บิดามารดายังจะต้องเตรียมความพร้อมให้ลูกมีความชำนาญสำหรับในการช่วยเหลือตัวเองเยอะขึ้น เพื่อจะดำเนินชีวิตในสังคมโรงเรียนได้เป็นอย่างดี
 
6 ขวบขึ้นไป
 
วัยนี้ก็คือเด็กวัยประถมนั่นเอง เด็กวัยนี้เริ่มอ่านหนังสือได้เองแล้ว และก็มีช่วงความสนใจนานขึ้น โดยเหตุนี้ หนังสือที่เด็กๆในวัยนี้จะเริ่มให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับความรู้รอบตัวนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โลกใต้ทะเล อวกาศ ฯลฯ
การอ่านออกเสียงให้ลูกฟังยังทำได้ในเด็กวัยนี้ เนื่องจากเป็นการช่วยทำให้คุณและก็ลูกได้มีเวลาที่มีความสุขร่วมกัน ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ลดความตึงเครียดจากความเห็นที่ขัดแย้ง ซึ่งคือเรื่องธรรดาเมื่อลูกโตขึ้น
การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ยังช่วยให้ลูกสนใจอ่านหนังสือที่ยากเกินความสามารถของเขา จวบจนกระทั่งจะถึงวัยที่เขาเริ่มอ่านได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งยิ่งช่วยมากขึ้น ถ้าเกิดลูกเป็นเด็กที่มีปัญหาในการอ่าน ด้วยเหตุว่าเด็กแต่ละคนมีความเข้าใจในการอ่านเอง ช้าเร็วแตกต่างกัน บางคนอ่านก้าวหน้าตั้งแต่ประถมหนึ่ง แต่บางคนบางทีอาจช้าไปอีกสองปี แม้จะมีความฉลาดเท่ากันก็ตาม เด็กที่อ่านได้ช้ากว่า ถ้ามีบิดามารดาคอยอ่านหนังสือให้ฟัง บางทีอาจช่วยทำให้เขารักรวมทั้งเป็นสุขกับการอ่าน
การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ยังช่วยพัฒนาความสามารถสำหรับการฟัง ควรจะอ่านและหยุดเพื่อคุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องให้ลูกเข้าใจ เป็นภาษาที่ลูกเข้าใจได้ง่าย รวมทั้งมีการเสนอคำถามเพื่อให้ลูกตอบ แล้วก็ให้ลูกทดลองเดาเนื้อเรื่องตอนต่อไป
 
นิทานอีสป
 
อีสป (Aesop) เป็นนักเล่านิทานหรือนักเล่าเรื่องชาวกรีกโบราณ ซึ่งถือได้ว่าเจ้าของนิทานปริมาณหนึ่งซึ่งตอนนี้รู้จักกันรวมๆว่า นิทานอีสป แม้การดำรงอยู่ของเขาจะยังไม่ชัดแจ้ง และไม่มีงานด้านการเขียนของเขาเหลือรอดมาเลย (หากมี) แต่ว่านิทานมากมายซึ่งถือได้ว่าของเขาถูกเก็บตลอดหลายศตวรรษในหลายภาษาในขนบธรรมเนียมการเล่าเรื่องซึ่งดำเนินมาจวบปัจจุบันนี้ นิทานหลายเรื่องใช้สัตว์หรือวัตถุไม่ใช่สัตว์ซึ่งสามารถพูด แก้ปัญหา และก็โดยทั่วไปมีคุณลักษณะอย่างมนุษย์
รายละเอียดชีวิตของอีสปที่กระจัดกระจายสามารถเจอได้ในแหล่งข้อมูลโบราณ รวมทั้งอริสโตเติล เฮโรโดตัส และพลูทาร์ก งานวรรณกรรมโบราณชื่อ The Aesop Romance เล่าชีวิตอีสปเป็นตอนๆแล้วก็บางทีอาจเป็นฉบับที่เป็นนิยายอย่างสูง ซึ่งรวมทั้งคำชี้แจงเขาแต่เดิมว่าเป็นทาสที่น่าเกลียดสะดุดตา ซึ่งได้รับอิสระของตนเองมาด้วยความฉลาด และกลายเป็นผู้มอบข้อคิดเห็นแด่พระราชา แล้วก็นครรัฐต่างๆประเพณียุคหลัง (ซึ่งมาจากสมัยกลาง) พรรณนาอีสปว่าเป็นชาวเอธิโอเปียผิวดำ
 
ตัวละคร นิทานอีสป?
ตัวละครของนิทานอีสป มักจะเป็นสัตว์ที่เป็นตัวชูโรงโดยสัตว์จะกระทำและก็พูดคุยเสมือนคน แม้กระนั้นจะรักษารูปแบบของสัตว์จำพวกนั้นๆไว้ ยกตัวอย่างเช่น เสือดุร้าย ลาโง่เขลาเบาปัญญาอืดอาดยืดยาด หมาป่ากะล่อน
จุดเด่น นิทานอีสป?
นิทานอีสป เป็นเรื่องราวที่มีชื่อเสียงแล้วก็ให้ความบันเทิงที่ดีสำหรับเด็ก นิทานหรือเรื่องราวทั้งสิ้นที่สั้นมากๆเพื่อให้เด็กมีความสนใจ และก็มีสัตว์เป็นตัวเอกของเรื่องซึ่งสัตว์ที่รักของเด็กๆ
 
การเปรียบเทียบของนิทานอีสป
ตัวละครส่วนใหญ่ของอีสปเป็นสัตว์ เขาเทียบให้ หมาจิ้งจอก มักจะหมายถึงคนเจ้าเล่ห์ สิงโตหรือราชสีห์ มักจะหมายถึงเป็นผู้แทนของผู้มีอิทธิพล คนบุญบารมีมาก ผู้ดูแล หนููเป็นผู้ต้อยต่ำ ลา มักจะเป็นคนที่ด้อยสติปัญญา ฯลฯ
 
การฝึกฝนความสามารถการลากเส้นต่อจุด
 
เพื่อฝึกสมาธิและการสังเกตให้กับลูก ควรเริ่มจากการลากเส้นต่อจุดจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง เพื่อเด็กเกิดความเข้าใจและก็สนุกกับแบบฝึกหัด โดยเรามีวิธีการง่ายๆมานำเสนอ
 
1. วางหนังสือให้ตรง ห้ามหมุนหนังสือ เพื่อฝึกหัดให้เด็กได้ตีเส้นหลายทิศทาง
2. ห้ามใช้ไม้บรรทัด เพื่อฝีกการควบคุมการเขยื้อนของนิ้วมือ
3. เมื่อฝึกแรกๆให้ลากเส้นจุดต่อจุด เมื่อฝึกหัดกระทั่งเชี่ยวชาญให้แล้วขีดเส้นจาก จุดเริ่มต้นไปถึงจุดสิ้นสุด
4. ควรลบให้น้อยที่สุด เพื่อฝึกฝนให้พินิจตำแหน่งให้ดีก่อนขีดเส้น
5. บรรยากาศในการทำควรสดชื่น แจ่มใส ให้เด็กทำเท่าที่อยากทำ ทำวันละนิด แต่เน้นในเรื่องคุณภาพของเส้นไม่เน้นในเรื่องจำนวน และไม่ควรเคี่ยวเข็ญ บังคับเพราะเด็กจะเบื่อ และไม่ต้องการทำ
6. ควรจะให้เด็กทำด้วยตัวเอง ไม่ควรช่วยเด็กทำผู้ดูแลเพียงให้กำลังใจ และก็ชมเชยเพียงแค่นั้น หากเด็กยังทำไม่ได้ผู้ดูแล ควรให้เด็กได้ทำกิจกรรมสนับสนุนการสังเกต การใช้กล้ามเนื้อมือ แล้วก็การประสานสัมพันธ์ของตา และก็มืออย่างเสมอ และก็ชี้แนะการลากเส้นตามขั้นตอนข้างต้น

(https://i.imgur.com/cxwml0p.jpg)

5 หนังสือเด็กที่แนะนำ โดยร้านหนังสือนายอินทร์[/b]
 
1. 100 สุดยอดนิทานอีสปแสนสนุก ฉบับ ภาษาไทย+MP3
พบกับเรื่องราวสนุก ๆ ชิงไหวพริบ และมิตรภาพอันน่าประทับใจของเหล่าสัตว์ป่า คัดสรรมาจากนิทานเรื่องเด่นของ "อีสป" นักเล่านิทานระดับโลก เช่น มดกับนกพิราบ กระต่ายป่ากับเต่า สิงโตกับหนู หมากับเงา เด็กเลี้ยงแกะ หมาหางด้วน อึ่งอ่างกับวัว หมาจิ้งจอกกับนกกระสา แม่ห่านกับไข่ทองคำ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สร้างความประทับใจให้แก่คนทั่วโลกมาแล้วทุกยุคทุกสมัย สอดแทรกคำถามชวนคิด ช่วยให้น้องๆ ฝึกคิดแบบสร้างสรรค์และแก้ปัญหาเป็น ความรู้น่าทึ่งของเหล่าสัตว์โลก ที่จะทำให้น้องๆ ประหลาดใจและได้รู้ความรู้ไปพร้อมกัน ตลอดจนมีซีดีเสียงนิทาน ฟังสนุกทุกเรื่อง ฟังเพลินทุกเวลา
คำถามชวนคิดช่วยให้น้องๆ ฝึกคิดแบบสร้างสรรค์และแก้ปัญหาเป็น ความรู้น่าทึ่งของเหล่าสัตว์โลก ที่จะทำให้น้องๆ ประหลาดใจและได้ความรู้ไปพร้อมกัน ซีดีเสียงนิทาน ฟังสนุกทุกเรื่อง ฟังเพลินทุกเวลา
 
2. ชุด นิทานพัฒนาความฉลาดทางด้านอารมณ์ (EQ) 4 เล่ม
หนังสือนิทาน 1 เล่ม สามารถส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้มากกว่า 1 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านอารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา หนังสือนิทานจึงเป็นสื่อสำคัญในการพัฒนาภาษา ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนทักษะต่างๆ นอกเหนือจากการจรรโลงจิตใจให้เบิกบาน และการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน อันเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เปิดอ่านได้ 2 ด้าน (2 ภาษา อังกฤษ-ไทย)
 
3. ชุด แบบฝึกเสริมทักษะ อายุ 4 ปี รูปทรงหรรษา+Sticker
"ชุด แบบฝึกเสริมทักษะ รูปทรงหรรษา สำหรับเด็กอายุ 4 ปี" เล่นนี้ เน้นกิจกรรมการแยกแยะรูปทรง การจับคู่ และการรวมรูปร่างรูปทรง ฯลฯ ซึ่งการฝึกฝนให้เด็ก ๆ คิดวิเคราะห์เรื่องรูปร่างรูปทรงนั้น จะค่อยๆ พัฒนาเป็นขั้นเป็นตอน จากรูปธรรมไปหานามธรรม และจากรูปทรงสามมิติไปหารูปทรงสองมิติ ถึงเวลาแล้วที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องรูปร่างรูปทรงอย่างสนุกสนาน เพื่อเป็นการให้เด็กๆ ฝึกคิดวิเคราะห์อย่างตั้งใจ และแบ่งปันความรู้ รวมทั้งความสำเร็จในการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน
ค้นหาคำตอบตามเงื่อนไขที่กำหนดให้ เรียนรู้รูปร่างรูปทรงที่ซับซ้อนขึ้น ฝึกให้เด็กๆ เรียนรู้รูปร่างรูปทรงจากสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ล้อรถกลมๆ ที่แล่นอยู่บนท้องถนน หลังคาบ้านมุมแหลม ตู้ไปรษณีย์สี่เหลี่ยม พระจันทร์เสี้ยว สัญลักษณ์เครื่องหมายบวก ดอกไม้ รูปดาว รูปหัวใจ และสิ่งของที่เด็กๆ พบเห็นได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวันเหล่านี้ล้วนมีรูปร่างรูปทรงซ่องอยู่มากมาย การที่เด็กๆ รู้จักชื่อของรูปร่างรูปทรงและสามารถแยกแยะรูปร่างรูปทรงของสิ่งต่างๆ ได้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ดังนั้นจึงควรได้รับการฝึกฝน และส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้รูปร่างรูปทรงจากสิ่งของต่างๆ รอบตัวทั้งที่บ้านและโรงเรียน เช่นลูกบอล กล่อง บล็อกไม้ เป็นต้น
 
4. จับคู่ลับสมอง ชุด แบบฝึกเสริมทักษะ (อายุ 5 ปี)
"ชุด แบบฝึกเสริมทักษะ จับคู่ลับสมอง สำหรับเด็กอายุ 5 ปี" เล่มนี้ มีคำถามให้เด็กๆ ได้คิดวิเคราะห์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ผ่านวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น เกมเขาวงกต การติดสติกเกอร์ การลากเส้นจับคู่ การระบายสี เพื่อไม่ให้เด็กๆ เกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยดึงดูดให้เด็กๆ เข้าสู่โลกแห่งการจับคู่ ที่ทำให้เพวกเขารู้สึกว่ากำลัง "เล่น" ไม่ใช่กำลัง "เรียน"
ขณที่เด็ก ๆ กำลังคิดหาคำตอบ ควรจะให้เวลาพวกเขาอย่างเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเร่งให้พวกเขาตอบคำถาม เพราะจะเป็นการปิดกั้นโอกาสในการคิดของเด็ก ๆ แต่อาจจะแนะนำหรือชี้แนะแนวทางในการตอบคำถามให้เด็กๆ บ้าง เมื่อสมองส่วนซีรีเบลลัมได้ทำการคิดวิเคราะห์ จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ให้เด็กๆ ไปอีกหนึ่งขั้น
แยกแยะประเภทและปริมาณของสิ่งต่างๆ แล้วนำมาคิดวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบ "การจับคู่" หมายถึง การหาสิ่งที่มีลักษณะเด่นสอดคล้องกันมาเข้าคู่กัน นอกจากจะนำสิ่งที่เหมือนกันมาจับคู่แล้ว ยังรวมไปถึงการจับคู่ความสัมพันธ์หรือตัวเลขอีกด้วย กิจกรรมการจับคู่จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจความหมายของ "มูลค่าที่เท่ากัน" ช่วยพัฒนาความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ดังนั้นการจับคู่จึงเป็นพื้นฐานการพัฒนาการเรียนรู้ในอนาคตที่จะมองข้ามไม่ได้ ลงมือทำแบบฝึกหัดจับคู่ ใน "จับคู่ลับสมอง" เล่มนี้ เพื่อเป็นพื้นฐานการพัฒนาการเรียนรู้ในอนาคต
 
5. ลากเส้นลีลามือ พื้นฐาน
แบบฝึกเตรียมความพร้อม ลากเส้นลายมือและระบายสี สำหรับฝึกบังคับกล้ามเนื้อมือ และทักษะการขีดเขียนลากเส้นตามเส้นประ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ฝึกเตรียมความพร้อมเพื่อเสริมทักษะการเขียนสำหรับเด็กวัย 2 ปีขึ้นไป
 
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ