หัวข้อ: เครื่องสลิท เริ่มหัวข้อโดย: Petchchacha ที่ กรกฎาคม 24, 2018, 02:45:43 pm ความรู้เบื้องต้นการสลิทงานพิมพ์กราเวียร์
ด้านล่างมีบทความเกี่ยวกับการสลิทที่น่าสนใจ * อันดับแรกที่มีความสำคัญที่สุดคือ ต้องทราบเสียก่อนว่า งานที่จะผลิตคือชื่องานงานอะไร มีลักษณะอย่างไร ถ้ายังไม่ทราบไม่ต้องไปหาข้อมูลเครื่องจักรให้เสียเวลา หรือว่าหาข้อมูลไปก็ผิดพลาดเสียเวลาไปเปล่าๆ หรืออาจจะเสียเงิน เพราะว่าข้อมูลเริ่มต้นว่าจะผลิตงานอะไรก็ยังไม่รู้เลย***การแก้ไขทีหลังเป็นเรื่องยาก*** ***เครื่องจักรแต่ละรูปแบบไม่สามารถผลิตงานได้ดีทุกงาน ต้องเลือกเครื่องจักร ที่เหมาะสม ผู้ขายเครื่องจักรที่ไม่มีประสบการณ์ จะแจ้งว่าเครื่องจักร สามารถผลิตงานได้ แต่ไม่ได้บอกว่าผลิตได้ดีหรือไม่ดี เมื่อผลิตไม่ได้หรือไม่ดีก็จะโทษว่าคนทำงานไม่ดี***ปัจจุบันสินค้ามีการแข่งขันด้านการตลาดแข่งขันกันด้านราคากันมาก ซึ่งด้านราคาผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดหรือเลือกผู้ผลิต ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันกันด้านราคา ในการควบคุมราคาหรือต้นทุนการผลิตให้ต้นทุนต่ำ อยู่ที่การควบคุมคุณภาพให้ได้ดีไม่มีการ REJECT. และที่สำคัญคือการลดการสูญเสีย NC & WASTE จึงต้องเลือกเครื่องจักรที่ถูกต้องเหมาะสมกับงานที่ต้องการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ*** สอบถามผมได้ครับ แต่ว่าผมถามกลับทุกครั้ง ที่มีคนที่สนใจสอบถามมาว่าจะทำงานลักษณะใด โปรดเตรียมคำตอบไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถคุยต่อเรื่องงานได้เลยครับ #การตั้งขนาดงาน ควรวัดขนาดงาน( ตั้งตำแหน่งที่วางมีด)จากภาพที่อยู่กึ่งกลาง( กึ่งกลางม้วน,ภาพที่อยู่แถวกลาง กรณีที่งานมีสามแถว )แล้ววัดออกไปด้านข้าง ที่มีภาพด้านข้าง (แถวข้าง ซ้ายและขวา กรณีงานมี สามแถว ) แล้วให้สลิทงานออกมาเพียงเล็กน้อย ตัดภาพงานที่สลิทออกมา วางงานทับซ้อนกันเพื่อตรวจเช็คว่างานที่ออกมาทุกภาพ ทุกแถวที่อยู่ในม้วนเดียวกัน มีขนาดตรงกันหรือไม่ และภาพตรงกันทุกภาพหรือไม่ ให้ยึดภาพเป็นหลักเพราะว่าอาจจะพบกับการที่งานมีขนาดความกว้างเท่ากันแต่ทำไมเมื่อส่งไปทำซอง ซีลกลางหรือส่งม้วนให้ลูกค้าจะพบปัญหาการทำซองสำเร็จรูปซีลออกมาแล้วขนาดซองมีขนาดได้ตรงตามสเปคแต่ภาพพิมพ์ที่ออกมาไม่อยู่กึ่งกลางซอง หรือเมื่อมีม้วนเศษงาน จำนวนความยาวต่อม้วนไม่ครบตามสเปคลูกค้า นำม้วนมากรอรวมกันเพื่อให้ความยาวได้ตรงตามสเปค จะเกิดการที่ขนาดงานกว้างเท่ากันแต่ภาพไม่ตรงกัน รูปแบบเครื่่องสลิทสำหรับงานกระดาษม้วนใหญ่และงานอลูมิเนียม งานออกมาเป็นม้วนเล็ก (http://gravurecon.com/wp-content/uploads/2017/03/sliter-paper-294x300.jpg) (http://gravurecon.com/wp-content/uploads/2017/03/CCI12072560_0004-260x300.jpg) 2.รูปแบบเครื่องสลิทสำหรับงานกระดาษม้วนใหญ่และงานอลูมิเนียม งานออกมาเป็นม้วนสำเร็จรูปม้วนใหญ่ ม้วนจะมีความแน่น,ม้วนด้านข้างเรียบ ไม่ไหลล้นขอบออกมา แกนไม่ยุบ (http://gravurecon.com/wp-content/uploads/2017/03/1499856277703-vert-300x295.jpg) รูปแบบเครื่องสลิทงานม้วนเล็กต้องการความเรียบและความแน่นของม้วนมาก (http://gravurecon.com/wp-content/uploads/2017/03/17-08-20-10-53-53-315_deco-300x195.jpg) ด้านล่างบทความมีการตอบปัญหางาน ***ทีมเรา” gravurecon กราเวียร์คอน”ให้คำปรึกษาด้านโรงพิมพ์ “กราเวียร์” แบบครบวงจรในด้านเทคนิคการผลิต, การป้องกันปัญหาและการแก้ไขปัญหา ,ให้ตอบสนองตรงตามความต้องการของลูกค้า จากประสบการณ์ในการทำงานในโรงงาน สายการปฎิบัติงานในสายการผลิต โดยตรงกว่า30 ปี ในระดับผู้ปฎิบัติงาน(operater)ในฝ่ายผลิตไม่ต่ำกว่า 15 ปี และ เลื่อนขึ้นระดับจัดการฝ่ายผลิตถึงผู้จัดการโรงงานไม่ต่ำกว่า 15 ปีในโรงงานมาตรฐานที่มีพนักงานตั้งแต่ 50 คนจนถึงโรงงานที่มีพนักงาน 150 คนขึ้นไปขึ้นไป ยอดขายตั้งแต่ 3ล้านบาทจนถึงขนาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อเดือน ( สรุปผ่านประสบการณ์มาทั้งโรงงานเล็กและโรงงานใหญ่ ) ผ่านประสบการณ์การทำงาน เครื่องพิมพ์กราเวียร์( GRAVURE PRINTING ) , เครื่องลามิเนทหรือเนย์( COATING EXTRUSION) , ดรายลามิเนท(DRY LAMINATE ) , เครื่องทำซอง ( BAG MAKING ) , เครื่องสลิท ( SLIT ), เครื่องเป่าฟิล์ม( BLOWN FILM )……etc ” อาจมีปํญหา ที่ทุกๆโรงงาน มีการมองข้ามสาเหตุของปัญหาไปและชอบบอกว่า “ไม่เกี่ยวข้องกัน”แต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที ( ถ้าไม่เปิดกว้างทางด้านความคิดและรับเรื่องใหม่ๆเข้ามาเพื่อหาสาเหตุ ก็หาคำตอบไม่ได้) ***ลูกยางกดทับ ( nip roll ) ไม่ดี แข็งเกินไป,นิ่มเกินไป,บวม,เป็นร่อง,เป็นขุย etc. มีผลกับ ระบบควบคุมความตึง-หย่อน ( tension) ของเครื่องจักร เพราะะว่าเมือกดทับได้ไม่ดี ทำให้ระบบ จะไม่แยกการควบคุมเป็นช่วงๆ UNWINDER – IN FEED – OUT FEED- REWINDER จะทำงานไม่แยกส่วนการควมคุม มีผลทำให้ ฟิล์มที่ใช้ผลิตงานจะควบคุมความตึง หย่อนไม่ได้ จะยึดและหดเกินกว่าค่ามาตรฐานที่ใช้งาน*** ***ในบทความมีหลายๆระดับความรู้ เลือกหาอ่านเนื้อหาที่อ่านแล้วมีความเข้าใจ ตามพื้นฐานความรู้เรื่องพิมพ์กราเวียร์ ของแต่ละบุคคลครับ ถ้าบางเรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจก็อ่านผ่านๆไปก่อน แล้วลองกลับมาอ่านซ้ำเพื่อทำความเข้าใจ เพราะว่ามีรายละเอียดมากทุกขั้นตอนอาจจะเขียนได้ไม่ครอบคลุมทุกเรื่องได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ปัญหาต่างๆเกิดจาก เครื่องจักร , คน ,วิธีการทำงาน ,วัตถุดิบ ถ้าแยกออกเป็นเรื่องย่อยๆแล้วจะใช้เวลาเขียนนาน ควรอ่านเฉพาะที่มีเข้าใจและที่ต้องการอ่านก่อน เพื่อนำไปใช้ทำความเข้าใจแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงาน อาจจะตรงประเด็นกันบ้าง ไม่ตรงประเด็นกันบ้าง คิดเสียว่ายังมีเรื่องราวเรื่อง พิมพ์ระบบกราเวียร์ ให้อ่านบ้างก็ดีนะครับผม ***อ่านบทความก็จะทราบดีว่ามีประสบการณ์จริง เขียนบทความจากประสบการณ์จริง ภาษาที่ใช้เขียนเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในการปฎิบัติงานในโรงงาน ถ้าผู้อ่านไม่ได้มาจากสายปฎิบัติหรือยังไม่มีประสบการณ์ ในการทำงานในสายงานนี้ อาจจะอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจบ้างพอสมควร *** มีความต้องการสอบถามเรื่องเครื่องจักร ชนิดที่ต้องการทำงานทุกขั้นตอนการผลิต สอบถามได้นะครับ เราสามารถแนะนำบริษัท ที่ขายเครื่องจักรให้ได้ เป็นบริษัทนำเข้าจากประเทศจีน ที่ให้ความสำคัญ ความคิดเห็นของลูกค้า รับฟังความต้องการของลูกค้า และให้คำแนะนำเครื่องจักรที่ตรงกับชนิดสินค้าที่การผลิตสินค้า, มีบริการหลังการขายที่ดี , มีราคาที่เหมาะสม, สเปคเครื่องที่เหมาะสม ไม่มากเกินความจำเป็นหรือน้อยเกินไปทำให้ทำงานดีๆได้ยาก , มีเครื่องจักร หลากหลายสเปคตามแบบงานที่ทำง่ายๆตั้งแต่ แบบงาน OTOP จนถึงงานที่ต้องการทำสเปคสูง จนถึงงานส่งออกต่างประเทศ เปรียบเทียบราคาและประสิทธิภาพ กับเครื่องจักรจาก ประเทศญี่ปุ่นหรือเครื่องยุโรปที่มีราคาที่สูง เครื่องจักรประเภทเดียวกันได้ในราคาที่ถูกกว่า *** ****ไม่ขอแนะนำเครื่องจักรมือสองสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ เพราะต้องใช้ประสบการณ์มาก และต้องมีเทคนิคการผลิตสูง ต้องมีความเข้าใจเบื้องต้น เรื่องการซ่อมแซมบำรุงรักษาด้วยตนเองในระดับหนึ่งเพราะเครื่องจักรจะมีการเสียบ่อย ถ้าจ้างช่างเข้ามาซ่อมจะเสียเวลารอ ค่าใช้จ่ายสูง และข้อจำกัดของเครื่องจักรในด้านการพิมพ์ คุณภาพงานพิมพ์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่การคาดหวังเริ่มต้นจะคาดหวังเพียงเล็กน้อย ผลิตงานง่ายๆ ตามความเข้าใจของตนเองหรือเห็นการทำงานของคนอื่นที่มีประสบการณ์ แต่จริงๆแล้วไม่ง่ายเลย ลองๆสอบถามคนที่ใช้งานเครื่องมือสองผลิตงานกว่าที่จะได้ผลิตงานได้ระดับที่ขายให้ลูกค้าได้ เขาใช้เวลานานเท่าไร ใช้เงินลงทุนไปเท่าไร ใช้เวลานานเท่าไร คงไม่มีใครตอบว่าใช้งานได้ในเดือนแรกที่เริ่มทำงาน อาจจะใช้เวลา 6 เดือนหรือ 1 ปี หาข้อมูลเปรียบเทียบให้ครบถ้วนทุกๆด้านก่อนการตัดสินใจนะครับ*** บทความ ***ในบทความมีหลายๆระดับความรู้ เลือกหาอ่านเนื้อหาที่อ่านแล้วมีความเข้าใจ ตามพื้นฐานความรู้เรื่องพิมพ์กราเวียร์ ของแต่ละบุคคลครับ ถ้าบางเรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจก็อ่านผ่านๆไปก่อน เพราะว่ามีรายละเอียดมากทุกขั้นตอนอาจะเขียนไม่ครอบคลุมทั้งหมด ส่วนใหญ่ปัญหาต่างๆเกิดจาก เครื่องจักร , คน ,วิธีการทำงาน ,วัตถุดิบ ถ้าแยกออกเป็นเรื่องย่อยๆแล้วน่าจะใช้เขียนนาน อ่านเฉพาะที่เข้าใจและที่ต้องการอ่าน เพื่อนำไปใช้ทำความเข้าใจแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงาน อาจจะตรงประเด็นกันบ้าง ไม่ตรงประเด็นกันบ้าง คิดเสียว่ายังมีเรื่องราวพิมพ์กราเวียร์[/i]ให้อ่านบ้างก็ดีนะครับผม ***ในส่วนเครื่องสลิทนี้อาจจะถูกมองข้ามไปไม่ให้ความสำคัญ แต่ที่จริงแล้วมีความสำคัญมากนะครับเป็นขั้นตอนการทำงานขั้นสุดท้ายสำหรับงานที่ส่ง แบบเป็นม้วนสำเร็จรูป อาจจะเกิดปัญหาม้วนไหล , ม้วนไม่เรียบ, ม้วนไม่แน่น ,ม้วนมีกลิ่นพลาสติก, ม้วนขนาดความกว้างไม่ตรงตามสเปค,ที่สำคัญคือความกว้างของงานอาจสลิทขนาดงานไม่ตรงกึ่งกลาง ( แต่ขนาดความกว้างฟิล์มได้ตรงตามสเปค เพราะไม่ได้วัดความกว้างจากภาพพิมพ์ แต่วัดขนาดจากขอบฟิล์ม ) เมื่อลูกค้านำไปแพ็คที่เครื่องแพ็คอัตโนมัติ แล้วเกิดปัญหาว่าซองที่ออกมาประกบไม่กึ่งกลาง เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ซองที่แพคออกมาไม่สวยงามและข้อความที่พิมพ์ ไม่อยู่ด้านหน้าซองเต็มหน้า หรือการสลิทแล้วส่งไปทำซองที่แผนกทำซองก็จะพบปัญหาเช่นเดียวกัน ***คำแนะนำควรต้องอ่านบทความการเลือกเครื่องสลิท ***ในหัวข้อบทความของทุกขั้นตอนการผลิต แต่ละบทความมี เรื่องปัญหาต่างๆที่พบในการพิมพ์ระบบกราเวียร์ และในขบวนการผลิต ได้มีการตอบวีธีการแก้ไขหลายๆปัญหาที่พบในการพิมพ์ ระบบกราเวียร์ โปรดอ่านเผื่อว่าจะตรงกับ ปัญหาที่ท่านกำลังหาคำตอบอยู่ ถ้าเปิดผ่านๆไปไม่ได้ความรู้ ขอแนะนำว่า ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง “การเลือกเครื่องจักรให้ถูกต้องกับชนิดของงาน เป็นสิ่งสำคัญ” เพราะว่าเครื่องจักรมีหลายแบบ แม้รูปร่างเครื่องจักรจะเหมือนๆกัน แต่เครื่องจักรแต่ละแบบ ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานตรงและเหมาะสมกับชนิดของสินค้า จะทำงานได้ดีมีคุณภาพสินค้าที่ดีถูกต้องตรงกับความต้องการ ส่วนสินค้าที่มีความแตกต่างกันออกไป ผู้ที่ต้องการซื้อ ต้องให้ข้อมูลผู้ผลิตหรือผู้ขายเครื่องจักรเพื่อให้ได้เครื่องจักรตรงกับสินค้า… เครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาทั่วๆไป จะผลิตสินค้าได้คุณภาพได้ไม่ดีเท่ากับเครื่องจักร ที่ออกแบบมาตรงชนิดกันกับความต้องการผลิตสินค้าชนิดนั้นๆ (เพราะสินค้ามีรูปแบบและคุณสมบัติที่หลากหลายชนิดแตกต่างกันมาก) ***** การที่จะทราบว่างานมีปัญหาหรือไม่เริ่มตั้งแต่ รับงานที่ถูกลูกค้า nc – complen- reject ร่วมประชุมเพื่อหาสาเหตุ ,การแก้ไข ,การป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ ถ้าได้รับคำตอบที่ไม่มีข้อสรุป โทษกันไป โทษกันมา ยกเว้นโทษตนเอง วนเป็นวงกลม ไม่สิ้นสุดและหาผลสรุปไม่ได้ ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ลูกค้าก็จะหมดความน่าเชื่อถือ ถึงที่สุดท้ายงานก็จะหายไป ปัญหาก็ยังคงอยู่ต่อไป **** ****ในแต่ละหัวข้อด้าน ช่วงกลางๆบทความ จนถึงจบจะมีเรื่องแสดงปัญหาที่เกิดขึ้นและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นคร่าวๆเพื่อเป็นข้อควรระวัง ขอแนะนำ ครับ**** *** ปัจจุบันการซื้อ -ขายเครื่องจักร ที่ผู้ขายเครื่องจักรมีความต้องการแต่เพียงต้องการขายเครื่องจักรอย่างเดียว มีการนำเสนอ ในการแนะนำสิ่งแรกที่ให้เกิดความจูงใจกับผู้ซื้อคือราคาที่ถูก มีการลดราคาได้มากจากการต่อรองของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะมีความภูมิใจว่าได้ซื้อเครื่องจักรที่มีราคาถูก (ถูกกว่าที่ผู้ซื้ออื่นที่ได้ซื้อไปก่อนหน้า ) เป็นการเริ่มต้นที่ให้ผู้ซื้อให้ความสนใจมากที่สุด หรือเพิ่มเติม วิธีการใช้งานเครื่องจักร ,การควบคุมเครื่องจักร แค่เพียงเท่านั้นไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ เพราะผู้ซื้อเครื่องจักรอาจจะไม่มีความเข้าใจ ว่าลักษณะงานที่ผู้ซื้อเครื่องจักรมีความต้องการผลิตสินค้าชนิดนั้นๆได้เลือกเครื่องจักร ตรงตามความต้องการหรือไม่ อาจจะเกิดความผิดพลาดซื้อเครื่องจักรที่ไม่สามารถผลิตงานได้ตรงความต้องการ จะเกิดความเสียหายสูงมากเมื่อซื้อเครื่องจักรมาจอด เพราะเครื่องจักรที่ซื้อมาไม่ตรงกับการผลิตสินค้าที่ต้องการผู้ขายเครื่องควรให้คำแนะนำผู้ซื้อว่าลูกค้าต้องการผลิตสินค้าชนิดใด เครื่องจักรที่เหมาะสม คือเครื่องจักรต้องมีลักษณะอย่างไร ให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับชนิดงานนั้นๆ การป้องกันงานสูญเสียที่มีผลกับต้นทุนการผลิต และแนะนำขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันผู้ซื้อเครื่องจักร จะคำนึงถึงราคาเครื่องจักรที่มีราคาถูกเป็นลำดับแรก จุดนี้เองเป็นจุดที่ผู้ขายใช้เป็นสิ่งจูงใจลำดับแรกแต่เมื่อซื้อเครื่องจักรแล้วไม่ตรงกับความต้องการผลิตหรือผลิตได้คุณภาพไม่ดี มีการสูญเสียสูง ผู้ขายเครื่องจักรไม่เข้ามาเยี่ยมเยียน ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกันให้กับผู้ซื้อได้รับความพึงพอใจในการใช้งานเครื่องจักรได้ตรงตามความต้องการ ปล่อยให้ผู้ซื้อเครื่องจักรรับปัญหาในการที่ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ เรื่องนี้มีความสำคัญที่ผู้ซื้อควรคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ( ผู้ขายเครื่องจักรประเภทที่เมื่อมีปัญหาในการผลิตงานก็เพียงให้คำพูดการยืนยันอย่างเดียวว่าเครื่องจักรที่ตนเองขายนั้นดี ที่สุดในโลกโทษว่าคนที่ทำงาน(operator )ไม่ดี ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องจักร ควรให้การพิจารณาเป็นพิเศษ *** สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องสลิท(slitter ) ข้อมูลงานที่จะนำมาสลิทควรทราบข้อมูลดังนี้ – ทิศทางการดึงของงานที่ต้องการ – วัตถุดิบที่นำมาสลิทชนิดอะไร – ความหนา ,น้ำหนัก ต่อม้วนหนักเท่าไร – ขนาดเส้นรอบวงของม้วนและเส้นผ่าศูนย์กลางม้วน สำเร็จรูปมีขนาดเท่าไร – ความกว้างของม้วนที่สำเร็จรูป – จำนวนแถวงาน สลิทครั้งละจำนวนม้วนสำเร็จรูปได้ครั้งละเท่าไร – ความอัดแน่นของม้วนสำเร็จรูป ต้องการขอบข้างเรียบมากน้อยเพียงใด งานที่ต้องการสลิทออกเป็นม้วนสำเร็จรูป -เป็นงานสเปคอะไร เช่น ฟิล์มบางหรือฟิล์มหนา ,กระดาษ,อลูมิเนียม ,LLD.PE. – ทิศทางการดึงม้วนที่ลูกค้าใช้งาน ดึงด้านหัวซองหรือดึงด้านท้ายซอง – ความยาวม้วนต่อม้วนสำเร็จรูป – เส้นรอบวงม้วน – เส้นผ่าศูนย์กลางม้วนสำเร็จรูป – ขนาดสลิท ความกว้างของงาน – จำนวนแถวสลิท เช่น 3 แถวงานออกมาสามม้วน – ความต้องการม้วนเรียบด้านข้างม้วนเรียบขนาดใดต้องตรงไม่มีขอบฟิล์มโผล่ – ความต้องการม้วนแน่นขนาดใดเพราะบางงานที่งานมีความหนาต้องการม้วนที่แน่นมาก ห้ามม้วนไหล – ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแกนที่ใช้ ใช้ขนาดแกนที่เข้ากับเครื่องจักรของลูกค้า – ชนิดของแกนที่ใช้ แกนกระดาษ, แกน pvc หนาหรือบาง, -ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางม้วน ความโตของม้วนเพื่อเข้ากับขนาดของเครื่องจักรลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะเป็นองค์ประกอบในการเลือก เครื่องจักรให้มีความเหมาะสมควรทราบข้อมูล – เครื่องจักรต้องมีความกว้างเท่าไร – รับน้ำหนักได้เท่าไร – แรงดึงของเบรคและตัวเก็บม้วนควรเท่าไร – ชนิดของใบมีดตัดแบ่งแถวงานควรมีจำนวนเท่าไร (ใบ ) – ชนิดของใบมีดควรเป็นใบมีดชนิดใด ( กลม, ตรง,ใบมีดโกน )
– เพลาแกนเก็บม้วนสำเร็จรูปควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร ( 6 นิ้ว,3 นิ้ว ) -เพลาเก็บม้วนเป็นแบบ เพลาเบ่งลม ( air shaft )หรือแบบ ลูกปืน ( friction ring ) -เพลาขึ้นม้วน (unwind ) ควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร – ชนิดของแกนสินค้าสำเร็จรูปใช้ประเภทอะไร ( แกนกระดาษ, PVC ) – ลักษณะต้วจับแกนที่สวมเพลา ( rewind ) ควรเป็นชนิดใด ( แกนกระดาษใช้ตัวจับไม่เหมือนแกน PVC ) – ลูกยางทับม้วนควรเป็นแบบแยกทับงานแต่ละม้วน หรือเป็นแบบลูกยาวลูกเดียวทับงานทุกม้วน ในเพลาเดียวกันตัวเก็บเศษขอบข้างหลัง การสลิทควรเป็นแบบลมดูดหรือเป็นชุดมอเตอร์เก็บม้วน – ตัวจับขอบฟิล์ม ( EPC ),ตัวจับขอบฟิล์มควรเป็นแบบปั๊มไฮไดรลิค(น้ำมัน)หรือเป็นมอเตอร์ขับสกรู (ball screw ) -ชนิดของงานเป็นงานสเปค อะไร เช่น กระดาษ ,อลูมิเนียม, ฟิล์มบาง ,ฟิล์มหนา ,งานหน้าแคบ ,งานหน้ากว้าง -งานที่มีความบางมากๆ, นิ่มมากๆกับ งานที่มีความหนามากและหนัก จะมีความแตกต่างของสเปคเครื่องจักร ** เครื่องจักรที่ออกแบบมาจะสามารถผลิตสินค้าได้ดี คือเครื่องจักรที่ออกแบบ มาเพื่อสินค้านั้นๆ หรืออาจจะใกล้เคียงบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่สามารถผลิตสินค้าได้ดี ทุกชนิดเพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือการเลือกเครื่องจักรที่ถูกต้องตรงกับการผลิตสินค้าจะได้งานคุณภาพสินค้าออกมาดีที่สุด *** ***รูปแบบเครื่องจักรที่ออกแบบมาเพื่อสามารถสลิทงานฟิล์มบาง หรือ ออกแบบมาเพื่อสลิท งานกระดาษ,งานอลูมิเนียมที่มีความหนา เพราะว่าเครื่องจักรจะต้องมีความแตกต่างกันเรื่องขนาดของเครื่องจักร , แรงดึงของชุดควบคุมความตึงหย่อนของม้วน (tension) ,เพลาเก็บม้วน ( rewind ), เพลาปล่อยม้วน (unwind ), ชุดใบมีดสลิทแยกม้วน.,ลูกยางกดทับม้วน ( touch roll)….สรุป รูปแบบเครื่องจักรแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปัญหางานสลิทม้วน
การบริการหลังการขาย…มีทีม SERVICE หรือไม่มี, หรือ ว่ามีทีมแต่ไม่มีคุณภาพ เครดิตบทความจาก : http://www.gravurecon.com Tags : พิมพ์กราเวียร์,เครื่องพิมพ์กราเวียร์,กราเวียร์
|