หัวข้อ: สุขภาพแข็งแรงสำคัญมากกว่าความร่ำรวยอย่างแน่นอนมาดูแลสุขภาพกันดีกว่า เริ่มหัวข้อโดย: Saichonka ที่ กรกฎาคม 27, 2018, 02:51:44 pm สิ่งที่พวกเราควรตระหนักไว้เสมอว่า รวยสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงกว่ามั่งคั่งเงิน อีกทั้งสุขภาพทางร่างกายและก็สุขภาพเกี่ยวกับจิตการบรรลุผลทางด้านการเงินจะไร้สาระอะไรเลยถ้าหากสุขภาพย่ำแย่ไป และบางคราวจำเป็นต้องนำเงินที่หามาได้จ่ายเป็นค่าพยาบาลจนถึงหมดคนบางบุคคลเพียรพยายามเก็บเงินมาชั่วชีวิต แต่ว่าปลดปล่อยให้สุขภาพทรุดโทรม และก็พบว่าเงินทั้งผองที่หามาไม่สามารถที่จะซื้อสุขภาพไว้ได้ก็เลยจำต้องเสียชีวิตไปอย่างเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสโดยปกติแม้ได้รับพรดีเลิศ 3 ข้อให้อธิษฐานได้ตามความฝันสิ่งที่คนเราชอบอธิษฐานกันก็คือขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตขอให้มีครอบครัวที่ดีรวมทั้งขอให้ร่ำรวยแต่ว่าถ้ามีพรให้เลือกอธิษฐานได้เพียงข้อเดียวสิ่งที่ต้องเลือกเป็นลำดับต้นๆคือการมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ด้วยเหตุว่าถ้ามีโรครุมเร้า การจะมีคู่ที่ดีหรือมั่งคั่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังเป็นภาระหน้าที่ให้คู่ควงหรือครอบครัวจะต้องมาคอยดูแลรักษาอีกสุขภาพที่แข็งแรง คือการบรรลุเป้าหมายที่ตีค่าไม่ได้ แม้กระนั้นหาได้น้อยมากที่คนไหนจะหันมาดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอย่างจริงจัง จวบจนกระทั่งจะไม่สบายขึ้นมาจึงค่อยเริ่มรู้สึกแต่ว่าก็ชอบสายเหลือเกินการบรรลุเป้าหมายในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านคู่ครอง การศึกษาการงาน การคลัง ฯลฯ จะไร้ค่าอะไรเลยถ้าเกิดปราศจากสุขภาพที่ดี ปัญหาสุขภาพสามารถทำลายการบรรลุผลทุกสิ่งที่เคยมีมาไดภายในช่วงระยะเวลาอันรวดเร็ว
ความสำราญของยังอยู่ในโลกของโลกียะก็คือ ความสำราญที่ได้มาจากการเร่งเร้าประสาทสัมผัสนั่นเอง ทั้งยังรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส หรือนามธรรมทั้งหลายที่เข้ามากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย หัวใจ นำมาซึ่งสุขเวทนา ตัณหา อุปาทานเพราะฉะนั้นเมื่อทวารใดทวารหนึ่งเสียหาย ความสำราญที่ได้รับจากทวารนั้นจะหมดไปโดยทันที จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากมีเงินซื้อหน้าจอแอลซีดี (LCD) สามมิติราคาหลายแสนบาทแม้กระนั้นตามองไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรกับการท่องเที่ยวต่างถิ่น ในเวลาที่ตนเองเดินไม่ได้ จะมีสาระอะไรกับการมีครอบครัวที่อบอุ่น ถ้าเกิดตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน สุขภาพที่ดี คือการบรรลุเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคนสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงจะดูสดชื่น เค้าหน้าผ่องใส มีพลังกายพลังใจสูง ซึ่งจะมีผลทางอ้อมไปสู่การบรรลุผลด้านอื่น ๆ อีกด้วยมนุษย์เรามักไม่ค่อยทราบดีว่า สิ่งที่เราเองครอบครองอยู่มีค่าเท่าไรจนกระทั่งจะสูญเสียมันไป สุขภาพเป็นของที่มีค่าที่สุดในชีวิต แต่บางคนไม่เคยทะนุถนอมรวมทั้งดูแลรักษาเลย จนถึงเมื่อป่วยไข้ขึ้นมาจึงค่อยใส่ใจ แม้กระนั้นเมื่อถึงเวลานั้นก็ยากเกินที่จะเยียวยาหรือแม้จะเยียวยารักษาได้ ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเยอะมากๆบางทีอาจเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตเลยก็ได้ หากว่าโรคภัยไข้เจ็บบางชนิดจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากพันธุกรรม ซึ่งมียีนแฝงที่กระตุ้นให้เกิดโรคหลบซ่อนอยู่ (Initiator Gene) แต่ว่ายีนนี้จะไม่ทำงาน ถ้าเกิดไม่มีการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม (Promoter) ดังเช่น ผู้ที่มียีนโรคมะเร็งปอดแอบแฝงอยู่ แม้กระนั้นถ้าเกิดดำรงชีวิตอย่างมีสติไม่สูบบุหรี่ บากบั่นหลีกเลี่ยงควันพิษ ไอระเหยต่าง ๆ ทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ยีนโรคมะเร็งที่มีอยู่ก็จะฝ่อไปท้ายที่สุด ไม่อาจจะแสดงผลลัพธ์ได้ โรคโดยมากมิได้มีผลมาจากพันธุกรรมร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งแวดล้อมก็เป็นสาเหตุก่อโรคได้เหมือนกัน หากรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่ง อย่างเช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต ตับ หรือแม้แต่โรคประสาท เพราะว่ามีประวัติคนภายในครอบครัวเจ็บป่วยก็ต้องเฝ้าระวัง เพียรพยายามศึกษาหาข้อมูลการปฏิบัติตน เพื่อเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดโรค ถึงแม้มีโรคประจำตัวที่เลี่ยงไม่ได้ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นค่อยได้การจริงแล้วธรรมชาติสร้างอวัยวะให้เราไว้อย่างแข็งแกร่งมาก ชู ดังเช่น “ฟัน” สามารถบดบดได้ตรงเวลา 70 ปีโดยที่จะเกิดการสึกเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ถ้านำเหล็กขนาดพอๆกับฟันมาสีกัน น่าเชื่อว่าไม่เกิน 2 ปีเหล็กนั้นจะกุดจนหมดไป แต่ขณะนี้ก็มีคนที่ฟันผุ ฟันเสียกันมากไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ใช่ด้วยเหตุว่าธรรมชาติวางแบบมาไม่ดี แต่ว่าเพราะผู้ที่ใช้ปล่อยปละละเลยรักษา เหมือนกับอวัยวะอื่น ๆ หัวใจ ไต ตับ ปอด หรือแม้กระทั้งเส้นเลือด นับได้ว่าเป็นประติมากรรมลำดับสูงสุดของธรรมชาติที่สร้างมาให้ใช้งานได้อย่างน้อย 100 ปี แต่ว่าด้วยการดำเนินชีวิตอย่างประมาท ทำให้อายุขัยของอวัยวะสั้นลง อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถมีผลกระทบต่อร่างกายได้อย่างกะทันหันกะทันหันเป็นอุบัติเหตุแม้ว่าจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงแค่ไหนแต่ว่าเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะมีปัญหาด้านสุขภาพในทันที แล้วก็บางทีถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ เป็นเจ้าชายนิทรา เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต อื่นๆอีกมากมาย การดำรงชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะจะช่วยคุ้มครองป้องกันได้ เพียรพยายามหมั่นฝึกฝนรุ่งเรืองสติอยู่เป็นประจำ ๆ อุบัติเหตุต่าง ๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแม้กระนั้นมีสาเหตุมาจากกรรมเก่า มนุษย์เราสามารถเอาชนะบาปได้ด้วยสติ ตามที่หลวงพ่อชาเคยกล่าวไว้ว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฎแห่งกรรมยังมีวิปัสสนาการเข้าฌาน”ตามแนวความคิดของ อับราฮัม มาสโลว์ ปรมาจารย์ด้านจิตวิทยาบอกไว้ว่า มนุษย์จะมีความต้องการทางด้านร่างกายเป็นขั้นแรก เช่น ของกิน ยารักษาโรค การหายใจ การขับถ่ายการนอน อื่นๆอีกมากมาย ตราบเท่าที่สิ่งที่ต้องการในระดับต่ำสุดนี้ยังไม่ได้รับการโต้ตอบ จะไม่มีความใฝ่ฝันไปถึงความมุ่งมาดปรารถนาในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งแม้ว่าจะบรรลุผลสำเร็จในชีวิตเพียงใด ถ้าเกิดสิ่งที่ต้องการพื้นฐานนี้ไม่ได้รับการโต้ตอบก็จะใส่ความสุขมิได้ ยกตัวอย่างเช่น มาริลีน มอนโร, เอลวิส เพรสลีย์, ไมเคิล แจ็กสัน ฯลฯ ที่ล้วนเสียชีวิตด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด จะมองเห็นได้ว่า แม้กระทั้งความปรารถนาขั้นต้นอย่างการนอนให้หลับยังทำไม่ได้ การมั่งมีเป็นพันล้านแต่มีปัญหาสุขภาพไม่ว่ากายหรือจิตใจ สุดท้ายเงินที่มีก็ซื้อความสุขไม่ได้ ความสุขที่แท้จริงมาจากสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งคำว่า “สุขภาพ” แปลตรงตัวก็ได้ความหมายว่า สภาพแห่งสุข เมื่อแก่ขึ้นจะทราบว่าร่างกายที่แข็งแรงมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด แม้มีชีวิตที่มิได้ร่ำรวยอะไร แต่ว่ามีสุขภาพแข็งแรงก็จะสุขสบาย การดำรงชีวิตของคนเราในปัจจุบัน ถ้าหากเทียบแล้ว สะดวกและดีมากกว่าฮ่องเต้ในสมัยโบราณด้วย ยุคนั้นไม่มีส้วมแบบบ้านในขณะนี้ ต้องใช้กระโถน ไม่มีระบบท่อ พัดลม แอร์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ อื่นๆอีกมากมาย ยารักษาโรคยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง มีแต่สมุนไพรซึ่งได้ผลการรักษาไม่แน่นอนซึ่งคนที่ตรากตรำที่สุดในโลกปัจจุบันก็ยังสามารถเข้าถึงยารักษาโรคที่มีคุณภาพได้มากกว่าใครๆก็อยากได้มีสุขภาพดี อายุยืนยาว แล้วก็ดูอ่อนกว่าวัย จึงคัดสรรกลวิธีสำหรับในการชะลอวัย และก็เสริมความแข็งแรงด้วยแนวทางต่างๆนานา ในช่วงเวลาที่หลายๆคนบางทีอาจตั้งปัญหาว่า ที่เรากินวิตามินหรืออาหารเสริมเข้าไปอย่างใหญ่โตนั้น แท้จริงแล้วเราได้รับวิตามินมากเกินความจำเป็น หรือวิตามินนั้นไปเสริมส่วนที่ขาดจริงหรือไม่ขอทําความเข้าใจก่อนว่า ความนิยมในการรับประทานวิตามินเริ่มขึ้นในยุโรปและก็อเมริกา ด้วยเหตุว่าผู้คนมีความประพฤติการกินอาหารที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพ กระทั่งมีผู้เจ็บป่วยมากไม่น้อยเลยทีเดียว ก็เลยพอๆกับเปิดทางทางให้บริษัทอาหารเสริมทั้งหลายใช้ข้อบกพร่องนี้เป็นแนวทางตลาด โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไข้โดยตรง รวมทั้งท้ายที่สุดก็เลยขยายมาสู่กลุ่มชนปกติทั่วไป โดยอ้างถึงว่าต้องได้รับอาหารเสริมเพียงแค่นั้นเท่านี้เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่พูดว่าแหล่งที่มาของวิตามินเหล่านั้นมาจากการกินของกินอะไรบ้าง เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้คุณอาจจะเคยได้ฟังข่าวสารสะเทือนแวดวงอาหารเสริมในอเมริกาอย่างมากมาย เมื่อนักกีฬาซีอดังเสียชีวิตไม่ทราบต้นสายปลายเหตุขณะฝึกหัด ซึ่งเขามีอายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น และพบอาหารเสริมประเภทหนึ่งที่มีส่วนผสมของ Ephedro อยู่ในล็อกเกอร์ของเขา ก็เลยทําให้องค์การของกินรวมทั้งยา ทบทวนการใช้อาหารเสริมดังกล่าวมาแล้วข้างต้นด้วยเหตุนั้น ถ้าคุณอยากได้กินอาหารเสริมก็อย่าได้หลงเชื่อเพียงแค่คำชวนเชื่อถึงประโยชน์อันล้นหลาม ควรจะพึงระวังผลร้ายด้วย เนื่องจากว่าถ้าเกิดรับประทานมากและก็รับประทานติดต่อนานเกินความจำเป็น อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ยกตัวอย่างการกินวิตามินบี 6 วันแล้ววันเล่าเกินวันละ 10 มก. บางทีอาจทําให้สูญเสียความรู้สึกที่มือแล้วก็เท้าได้ หรือกินสารเบต้าแคโรที่มีขนาดสูง โดยรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็บางทีอาจกระตุ้นมะเร็งในผู้ดูดบุหรี่ได้แบบเดียวกัน อย่างที่เราเข้าใจกันอยู่ว่าหากทานอาหารให้นานาประการ จะพบว่าการขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก และก็แทบไม่มีความจําเป็นสำหรับเพื่อการกินอาหารเสริมเลย ในช่วงเวลาที่ฝูงชนที่ขาดสารอาหาร มักกำเนิดในกรุ๊ปผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากว่าไม่สามารถเลือกทานอาหารได้ครบบริบรูณ์ หรือบางรายก็รับประทานอาหารเดิมๆโดยเฉพาะอาหารจานด่วนทั้งหลาย มาถึงที่ตรงนี้คนจำนวนไม่น้อยบางทีอาจนึกสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าร่างกายของเราควรได้รับวิตามินใดบ้าง ง่ายสุดเลยก็จำเป็นต้องพิเคราะห์จากของกินที่เราเลือกรับประทาน ควรจะรับประทานให้นานาประการ รวมทั้งผักสดและผลไม้ (วิธีกล้วยๆรับประทานให้ครบ 5 สี) แต่หากไม่สามารถเลือกได้ ก็ให้เลือกรับประทานวิตามินที่ไม่สะสมในร่างกาย เนื่องจากว่าถ้าเกินสิ่งที่จำเป็นจะสามารถขับทิ้งได้ อาทิเช่น วิตามิน B และก็ C แต่วิตามินที่รับประทานแล้วสะสมได้ก็คือวิตามิน A, D, E, K ค่ะ สำหรับคนที่รับประทานวิตามินเป็นประจํา อย่าลืมทดลองพิจารณาปริมาณที่ควรรับประทานต่อวันด้วย อย่างเช่น วิตามินซีในจำนวน 500-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นขนาดพอดีที่ร่างกายควรจะได้รับในวันแล้ววันเล่า หรือแคลเซียม 2000 มิลลิกรัมต่อวัน เหมาะสําหรับสตรีวัยหมดประจําเดือน เพราะว่าช่วยป้องกันกระดูกพรุนได้ หรือสาวขึ้นมาอีกนิดและกําลังตั้งท้อง ชี้แนะว่าให้กิน 1,500 มก.พอดีค่ะ ส่วนธาตุเหล็กนั้น โดยธรรมดาในคนปกติควรจะได้รับ วันละ 8-15 มิลลิกรัม ส่วนผู้เจ็บป่วยโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็ก ควรได้รับวันละ 50-100 มก.ค่ะ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : วิธีสุขภาพดี ขอบคุณบทความจาก : https://health-2561.blogspot.com/ Tags : สุขภาพดี,วิธีทําให้ ร่างกายแข็งแกร่ง,สุขภาพ
|