หัวข้อ: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณอันน่าทึ่ง เริ่มหัวข้อโดย: h5s5s8c54fgjnz ที่ สิงหาคม 04, 2018, 03:00:17 pm (https://www.img.live/images/2018/07/24/Ginger-1.jpg)[/b]
ขิง[/size][/b] ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาประกอบอาหารเพราะส่งกลิ่นหอม ยิ่งกว่านั้น ขิงยังคงใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ แล้วก็เครื่องแต่งหน้าทั้งหลายแหล่ด้วยเหมือนกัน ด้านคุณประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลายประเภทมาอย่างยาวนาน ดังเช่นว่า โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารอย่างท้องร่วง มีก๊าซในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อ้วก ไม่อยากอาหาร คุณสมบัติของขิงมั่นใจว่าประกอบด้วยสารที่อาจช่วยลดอาการคลื่นไส้รวมทั้งลดการอักเสบ โดยนักค้นคว้าส่วนใหญ่คาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะและก็ไส้ และสารนี้บางทีอาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอาเจียนด้วย แต่ข้อสมมติฐานดังที่กล่าวถึงมาแล้วยังไม่ชัดเจนนัก และคุณสมบัติด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยชน์ซึ่งมาจากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น ในตอนนี้ด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลชี้แจงไว้ดังต่อไปนี้ การดูแลและรักษาที่อาจเห็นผล อาการอาเจียนคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต่อต้านไวรัสไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง สรรพคุณบรรเทาอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ของขิงบางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อคนไข้โรคนี้ที่อยากได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาเล่าเรียนคนไข้จำนวน 102 คน แบ่งให้กรุ๊ปหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต้านรีโทรไวรัส เป็นเวลาทั้งหมดทั้งปวง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อ้วกที่เกิดขึ้นมาจากการดูแลรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้ อาการอาเจียนอาเจียนภายหลังจากการผ่าตัด ขิงอาจช่วยทุเลาอาการคลื่นไส้แล้วก็อ้วกจากการผ่าตัดได้อย่างเดียวกัน โดยการเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์จำนวนมากชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในตอน 1 ชั่วโมงก่อนจะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอ้วกคลื่นไส้ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง 1 วันข้างหลังได้รับการผ่าตัด งานค้นคว้าหนึ่งทดสอบแบ่งผู้เจ็บป่วยจำนวน 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้รับประทานแคปซูลขิง 1 กรัม แล้วก็อีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแต่แบ่งให้ 2 ครั้งกระโน้นผ่าตัด ซึ่งผลสรุปพบว่าคนไข้ในกรุ๊ปข้างหลังมีลักษณะอาการอ้วกอาเจียนน้อยครั้งรวมทั้งมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยการวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้ความสามารถสูงสุดเมื่อรับประทานเสมอๆแล้วก็สม่ำเสมอโดยแบ่งปริมาณการใช้ ยิ่งไปกว่านี้ การทดลองทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของผู้เจ็บป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยปกป้องอาการอ้วกในคนไข้ราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งผอง แต่ว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนร่วมกับยาลดอ้วกคลื่นไส้นั้นบางทีอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก แล้วก็การใช้ขิงกับคนป่วยที่เสี่ยงต่อการอาเจียนอ้วกน้อยอยู่และก็บางทีอาจไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน อาการแพ้ท้อง การกินขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง อย่างเช่น อาเจียน คลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณลักษณะนี้เป็นการทดลองในหญิงที่แก่ท้องต่ำยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ จำนวน 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกวี่วันนานอย่างต่ำ 1 สัปดาห์ และไม่กระปรี้กระเปร่าขึ้นแม้ว่าจะแปลงการทานอาหารแล้วก็ตาม ภายหลังรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ทำให้เห็นว่าขิงอาจสามารถนำมาใช้ผลดีในฐานะการดูแลและรักษาลู่ทางต่ออาการแพ้ท้องได้ นับว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ในหญิงมีครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้องได้ แต่การใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้อาจมองเห็นการดูแลรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนคลื่นไส้ นอกนั้น การเรียนเกี่ยวกับคุณลักษณะช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดแล้วก็พบคำตอบที่ไม่บ่อยนัก โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงอาจไม่ได้มีส่วนช่วยสำหรับในการลดอาการแพ้ท้องด้วยเหมือนกัน อาการหน้ามืดหัว อาการที่เกิดขึ้นพร้อมกับการอ้วกนี้อาจทุเลาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน รวมทั้งตากระตุๆกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิกินผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการตาลายศีรษะได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นมิได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก โรคข้อเสื่อม มีการศึกษาบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีสรรพคุณลดอาการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้คนไข้รับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในปริมาณ 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อหัวเข่าหลังจากการรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกการค้นคว้าวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าได้ผลลัพธ์ในการช่วยลดอาการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บหลังเดิน รวมทั้งอาการข้อติด ยิ่งกว่านั้น มีการเรียนเทียบประสิทธิภาพระหว่างขิงและก็ยาพารา โดยให้คนไข้โรคข้ออักเสบในกระดูกบั้นท้ายรวมทั้งข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มิลลิกรัมวันแล้ววันเล่า วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลบรรเทาลักษณะของการปวดได้เทียบเท่ากับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง แล้วก็ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงรวมทั้งส้มบางทีอาจช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดและก็อ่อนล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีอาการเจ็บเข่าได้ด้วย อาการปวดเมนส์ นอกจากลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณลักษณะช่วยทุเลาลักษณะของการปวดรอบเดือน เป็นต้นว่า การทดลองในนักศึกษามหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้กินผงเหง้าขิงครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีเมนส์สม่ำเสมอไปจนถึง 3 วันแรกของการมีระดู รวมทั้งหมดเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของอาการปวดประจำเดือนได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการเล่าเรียนเปรียบสมรรถนะของขิงแล้วก็ยาลดอาการปวดเมนส์อย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มกินแคปซูลขิงหรือยาแต่ละชนิดในจำนวน 250 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีเมนส์ ผลสรุปปรากฏไปในทำนองเดียวกันกับงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยแรกเป็นขิงมีคุณภาพบรรเทาความร้ายแรงของอาการปวดระดูไม่มีความต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน การรักษาที่อาจไม่ได้ผล อาการเมารถแล้วก็เมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการเอ๋ยถึงกันมากมาย ทว่าหากแม้ขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการเวียนหัวได้ แต่ว่าสำหรับในการตาลายอาเจียนที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานวิจัยส่วนมากบอกว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง เช่น การแบ่งกรุ๊ปให้เด็กนักเรียนนายเรือ 80 ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากรุ๊ปที่รับประทานขิงนั้นมีอาการอ้วกแล้วก็ตาลายลดน้อยลงจริงแม้กระนั้นอยู่ในระดับน้อยเพียงแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่ชี้ว่าการกินผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการป้องกันอาการเมารถหรือการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการกำหนดคุณภาพ อาการอ้วกคลื่นไส้จากกระบวนการทำเคมีบำบัดรักษา อีกหนึ่งสรรพคุณเป็นลดอาการอ้วกและคลื่นไส้ ซึ่งมีการศึกษาเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนเจ็บที่รับเคมีบรรเทานั้นยังเป็นที่โต้วาทีกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การเล่าเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้คนเจ็บรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดรักษานานต่อเนื่องเป็นเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรักษาน้อยกว่ากรุ๊ปที่มิได้กินแคปซูลขิง แต่เห็นผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับได้ผลน้อยกว่า หมายความว่าการกินขิงในปริมาณมากก็เลยอาจไม่ได้ทำให้อาการอ้วกอย่างที่น่าจะเป็น อย่างไรก็ดี มีหลักฐานที่โต้เถียงข้อส่งเสริมดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งเป็นงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่เผยว่าการรับประทานขิงมิได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อาเจียน ดังนี้ ผลวิจัยที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นเหตุมาจากปริมาณขิงที่ใช้ทดลองนั้นแตกต่าง รวมถึงตอนที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้คุณประโยชน์ด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วเห็นผลไหมอาจควรมีการรับรองเพิ่มเติมอีกต่อไป เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานในปัจจุบันยังมีผลการศึกษาที่ไม่แน่นอน งานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนไข้เบาหวานประเภทที่ 2 และก็บางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางจำพวกจากโรคเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยอื่นๆที่ชี้แนะว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่กลับไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาวิจัยบอกว่าขิงส่งผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ซึ่งผลการศึกษาวิจัยที่แตกต่างนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดสอบนั้นไม่เท่ากันนั่นเอง ของกินไม่ย่อย มีการศึกษาค้นคว้าเรียนคุณภาพของขิงในผู้ป่วยที่มีลักษณะอาหารไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมภายหลังจากการงดอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยอาหารแล้วก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย ทว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในลำไส้ แม้กระนั้น ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีปริมาณน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจระบุได้อย่างเห็นได้ชัดว่าขิงช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้แน่นอนแค่ไหน อาการเมาค้าง เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยบรรเทาอาการแฮงค์ซึ่งได้ผลสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับผลดีข้อนี้มีการค้นคว้าแต่ก่อนที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน และน้ำตาลก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในภายหลัง รวมทั้งอาการคลื่นไส้ อ้วกและท้องร่วง แม้กระนั้น การศึกษาเล่าเรียนดังที่กล่าวถึงแล้วยังจัดว่าไม่ชัดแจ้งอยู่มากและไม่บางทีอาจรับประกันได้ว่ามีเหตุมาจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้คนไข้ที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงรับประทานแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 กรัม คำตอบกล่าวว่าเมื่อเทียบกับคนเจ็บกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีจนถึงสามารถประยุกต์ใช้รักษาผู้ป่วยภาวะนี้ได้หรือไม่อาจจะต้องรอคอยการเรียนรู้ในอนาคตที่กระจ่างกันถัดไป อาการเจ็บกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดและลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงคลุมเครือและเป็นที่โต้วาทีกันอยู่เช่นกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมกินขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างสม่ำเสมอนาน 124 ชั่วโมง พบว่าขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามเนื้อได้ในระดับปานกลางไปจนกระทั่งระดับมาก แต่ว่าอีกงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งกลับพบผลสรุปในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ทำกิจกรรมบริหารร่างกายยืดหดกล้ามเนื้อเหมือนกัน กินขิง 2 กรัมในตอน 1 วันรวมทั้ง 48 ชั่วโมงภายหลังการออกกำลังกาย พบว่ามิได้ทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อ การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารร่างกายลดลง แม้กระนั้นผู้ศึกษาวิจัยพบว่าการกินขิงบางทีอาจช่วยทำให้ลักษณะการเจ็บกล้ามค่อยๆดียิ่งขึ้นในวันแล้ววันเล่า หากแม้อาจไม่เห็นผลตอบแทนทันที อาการปวดศีรษะไมเกรน มีการศึกษาเล่าเรียนกับผู้เจ็บป่วย 100 คน ที่เคยมีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/[/b]
|