หัวข้อ: บุก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณประโยนช์ที่น่าอัศจรรย์ เริ่มหัวข้อโดย: xcv05s0df1 ที่ สิงหาคม 06, 2018, 06:42:34 pm (https://www.picz.in.th/images/2018/07/24/Nesvry.jpg)[/b]
บุก บุก [/color]มีคุณประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีเมนส์มาเปลี่ยนไปจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผารวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำดำเขียว ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก อย่างเช่น บุกระอุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว แพทย์ยื่อ เป็นต้น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นบุก ต้นบุก นับว่าเป็น ไม้ล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน รูปแบบของลำต้นอ้วนแล้วก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบเดี่ยว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดและใบแผ่ขึ้นราวกับร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในเวลาเย็น มีกลิ่นฉุน ลักษณะเสมือนดอกหน้าวัว ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราวๆ 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของหัวเป็นรูปออกจะกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่ ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราว 15-20 เซนติเมตร ดอกบุก มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราว 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม สรรพคุณของบุก สำหรับสรรพคุณของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากและก็เนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังนี้ หัวบุก มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาแตกต่างจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกรวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ ใช้เป็นยาพารา แก้บวมช้ำ รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี (https://www.picz.in.th/images/2018/07/24/NesaN2.jpg)[/b] ข้อควรพิจารณาในการบริโภคบุก สำหรับข้อห้ามในการกินบุกเป็นหัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร ฉะนั้น ในฝูงคนที่ ม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะหลบหลีกกิน และไม่กินมากจนเกินไป ซึงข้อควรคำนึงในการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังต่อไปนี้ ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะๆ ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าและก้านใบถ้าหากปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะทำให้ลิ้นพองรวมทั้งคันปากได้ ก่อนเอามากินต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่กินกากยาหรือยาสด กรรมวิธีการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นทีแรก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วในการปรุงอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าหากอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์ เพราะว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกวันหลังการกิน แต่ว่าให้กินก่อนที่จะกินอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตขึ้นจากวุ้น ได้แก่ วุ้นก้อนแล้วก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังอาหารได้ เพราะเหตุว่าวุ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้ผ่านวิธีการแล้วก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว และการการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นจึงเป็นได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณประโยชน์ทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพราะว่าไม่มีการเสื่อมสภาพเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินและแร่ หรือสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายเลยกลูโคแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่ว่าจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจจะเป็นผลให้มีลักษณะอาการท้องเสียหรือท้องขึ้น มีลักษณะอาการกระหายน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการอ่อนแรงเพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลงได้http://www.disthai.com/[/b]
|