|
หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา เริ่มหัวข้อโดย: plawan1608 ที่ สิงหาคม 07, 2018, 02:12:38 pm (https://www.picz.in.th/images/2018/07/25/NyOt0I.jpg)[/b]
ทับทิม[/size][/b] ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างล้นหลาม โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดเยอะที่สุดและก็ยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม อีกทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงเชื่อว่าอาจเป็นประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองโรคหรือบรรเทาอาการ ดังเช่นว่า โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ ในขณะนี้ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาการใช้ทับทิมในแบบต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะเจาะจงคุณภาพของทับทิมต่อการดูแลและรักษาโรคได้แจ่มแจ้ง ซึ่งแบบอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้ โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านทานอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นเลือด จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง จากการศึกษาฤทธิ์การต่อต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (ประกอบด้วยกรดมึงลลิค 610 มก.) และก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดลอง พบว่าค่าดังที่กล่าวถึงมาแล้วลดลง จึงคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิต นอกจากนี้ ยังมีงานค้นคว้าอีกชิ้นให้คนไข้โรคหลอดเลือดแดงแข็งจำนวน 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ไม่ได้กินอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่น้อยลงราวๆ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรจะมีการเล่าเรียนเพิ่มในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่เยอะขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมและก็การดูแลรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างชัดเจน โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกในการรักษาโรคเหงือก เนื่องด้วยการดูแลและรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีสมรรถนะเพียงพอสำหรับในการบรรเทาอาการจากโรคมากซักเท่าไหร่และก็ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี จากการทดสอบทางสถานพยาบาลกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้วิธีรักษาที่แตกต่าง ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยแนวทางการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการดียิ่งขึ้นด้านใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยบางทีอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการดูแลและรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่เรียนคุณภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกแบบอย่างเจลสำหรับในการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากรวมทั้งปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษาค้นคว้าวิจัยในครั้งนี้ทำให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนประกอบในสินค้าสำหรับการบำรุงโพรงปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองและก็บรรเทาลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ คุ้มครองปกป้องการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับการลดรอยเปื้อนจุลชีวันตามผิวฟัน รวมทั้งบางทีอาจทำให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลากหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี ปริมาณ 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวันลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่มีคุณภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน จึงพอจะพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดโอกาสในการกำเนิดรอยเปื้อนจุลชีพข้างในช่องปาก ขณะเดียวกัน การศึกษาเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดคราบจุลชีวัน ซึ่งสำหรับในการทดลองได้เก็บคราบจุลชีพจากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน ข้างหลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบผลก่อนแล้วก็ข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดไม่เหมือนกันในแต่ละกลุ่ม อาทิเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน และก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับเพื่อการลดรอยเปื้อนจุลชีพลงมากที่สุดโดยประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% รวมทั้งยาหลอกที่น้อยลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและก็เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการใช้กำจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เนื่องมาจากระยะเวลาสำหรับการทดลองออกจะสั้น สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเรียนผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และก็มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่รับประทานอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนไข้หรูหราไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกไม่ได้แจ่มแจ้ง เนื่องด้วยของกินประเภทอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน และกลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก จึงควรขยายผลการเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มอีก นอกจากนี้ การรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงต้องมีการควบคุมอาหารรวมทั้งการออกกำลังกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากเพิ่มขึ้น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายประเภท โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบได้ทั่วไปในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องทดลองบอกว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญในการบรรเทาลักษณะของโรคปอดอุดกันเรื้อรังและบางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการศึกษาเล่าเรียนประสิทธิภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติม โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกต่อเนื่องกันทุกเมื่อเชื่อวันเป็นระยะ 5 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลทั้งในเลือดและปัสสาวะของคนเจ็บ ทั้งยังไม่เจอความไม่เหมือนอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยธรรมดาสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือฉี่ แม้กระนั้นผลการค้นคว้ากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งอาจมีเหตุมาจากการย่อยสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลอินทรีย์ในระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหาร จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจแนวทางการซึมซับสารอาหารที่แตกต่างกันก่อนที่จะอ้างถึงประโยชน์ด้านสุขภาพจากการรับประทาน เพราะเหตุว่าสารอาหารที่พบในอาหารที่กินบางทีอาจไม่ได้ถูกนำไปใช้ผลดีในร่างกายคนเราทั้งหมดทั้งปวง โรครวมทั้งอาการอื่นๆอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และอื่นๆยังควรต้องศึกษาค้นคว้าวิจัยเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของทับทิมสำหรับเพื่อการรักษาโรค (https://www.picz.in.th/images/2018/07/25/NyO98Z.jpg)[/b] ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ) น้ำ 77.93 กรัม พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 1.67 กรัม ไขมัน 1.17 กรัม คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม เส้นใย 4.0 กรัม น้ำตาล 13.67 กรัม แคลเซียม 10 มก. เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม แมงกานีส 12 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 236 มก. โซเดียม 3 มก. สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม วิตามินซี 10.2 มก. วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.053 มก. วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.075 มก. โฟเลต 38 ไมโครกรัม วิตามินอี 0.60 มก. วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม โดยปกติการกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลใกล้กันจากการดื่มน้ำทับทิมได้ รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพร่างกาย การกินรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่มีอันตรายสำหรับเพื่อการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย เช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น ดังเช่นว่า สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอคำแนะนำแพทย์ก่อนจะมีการกินทุกคราว น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันเลือดลดต่ำลงน้อย ซึ่งอาจก่อให้ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ ผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม คนป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เหตุเพราะทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยบางทีอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางจำพวกอาจจะเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ตัวอย่างเช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน คนที่รับประทานยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรหารือหมอก่อนที่จะมีการกินเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
|