ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: sdfi5dsf1q2d1 ที่ สิงหาคม 09, 2018, 10:38:07 am



หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา
เริ่มหัวข้อโดย: sdfi5dsf1q2d1 ที่ สิงหาคม 09, 2018, 10:38:07 am
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/25/NyOt0I.jpg)[/b]
ทับทิม[/size][/b]
ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมกินอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดเยอะที่สุดรวมทั้งยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆดังเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความสวยสดงดงาม อีกทั้งยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายแบบที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย จึงมั่นใจว่าบางทีอาจมีประโยชน์ในการปกป้องโรคหรือบรรเทาอาการ ตัวอย่างเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจแล้วก็เส้นโลหิต คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่เรียนการใช้ทับทิมในแบบไม่เหมือนกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถกำหนดคุณภาพของทับทิมต่อการรักษาโรคได้กระจ่าง ซึ่งแบบอย่างการเรียนรู้เรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ และก็ลดการแข็งตัวของหลอดเลือด จึงบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดมึงลลิค 610 มก.) รวมทั้งวัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์ในการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดลอง พบว่าค่าดังที่กล่าวผ่านมาแล้วน้อยลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด
นอกจากนี้ ยังมีงานค้นคว้าอีกชิ้นให้คนไข้โรคเส้นโลหิตแดงแข็งจำนวน 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่กินอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่น้อยลงโดยประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงชี้ให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรจะมีการเรียนรู้เพิ่มเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดลองขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมและการดูแลและรักษาโรคเส้นโลหิตแดงแข็งได้อย่างชัดเจน
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เพราะการดูแลและรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียงสำหรับการบรรเทาอาการจากโรคมากซักเท่าไหร่แล้วก็ลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับคนไข้โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูคุณภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้วิธีรักษาที่ไม่เหมือนกัน ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการดูแลและรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะดีขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เล่าเรียนคุณภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกรูปแบบเจลสำหรับเพื่อการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจำนวน 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นรวมทั้งปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้ทำให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนผสมในสินค้าดูแลรักษาโพรงปาก ได้แก่ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาอาการโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวัน สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพในการลดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ตามผิวฟัน และบางทีอาจส่งผลให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในช่องปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่ว่าสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวันน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งกว่ายาหลอก แม้กระนั้นมีคุณภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน จึงพอเพียงจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดโอกาสสำหรับเพื่อการเกิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ด้านในช่องปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดรอยเปื้อนจุลชีวัน ซึ่งสำหรับเพื่อการทดสอบได้เก็บคราบเปื้อนจุลชีวันจากช่องปากของอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรงแล้วก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบผลก่อนแล้วก็ข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทต่างกันในแต่ละกลุ่ม เป็นต้นว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับการลดคราบเปื้อนจุลชีวันลงมากที่สุดประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% แล้วก็ยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการใช้ขจัดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุว่าช่วงเวลาสำหรับการทดลองออกจะสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาเล่าเรียนผลการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนป่วยเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมทั้งมีสภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่ทานอาหารภายใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมถึงของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าผู้ป่วยมีระดับไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดลง แต่ว่าไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนเจ็บโรคเบาหวานลง แต่ยังบอกมิได้แน่ชัด เนื่องด้วยของกินชนิดอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เหมือนกัน และก็กลุ่มการทดลองมีขนาดเล็ก ควรต้องขยายผลการศึกษาในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติม นอกจากนี้ การดูแลรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมของกินและการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบมากในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องแลปบอกว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับในการทุเลาลักษณะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแล้วก็อาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างเร็ว ก็เลยมีการศึกษาเล่าเรียนสมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่ม โดยให้คนไข้โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอกติดต่อกันทุกวันเป็นระยะ 5 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและเยี่ยวของคนป่วย อีกทั้งยังไม่เจอไม่เหมือนกันอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจพบได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แต่ว่าผลวิจัยกลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งบางทีอาจเกิดจากการสลายตัวสารพวกนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร จะต้องทำความเข้าใจกระบวนการดูดซับสารอาหารที่ต่างกันก่อนจะอ้างถึงผลดีด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการกิน เพราะสารอาหารที่พบในอาหารที่กินบางทีอาจไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ผลดีในร่างกายคนเราทั้งหมด
โรคและอาการอื่นๆเป็นต้นว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังจำต้องทำการค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/25/NyO98Z.jpg)[/b]
ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพร่างกาย การกินรากรวมทั้งลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างไม่เป็นอันตรายในการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแพ้เล็กน้อยในบางราย เป็นต้นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ว่ายังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องหารือหมอก่อนที่จะมีการกินทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะเป็นผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงเล็กน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้คนป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ด้วยเหตุว่าทับทิมส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา เช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับรูปแบบการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน คนที่รับประทานยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอคำแนะนำแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อให้มีความปลอดภัย

Tags : สมุนไพรทับทิม
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ