ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: 01adxz45 ที่ สิงหาคม 09, 2018, 10:55:14 am



หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา
เริ่มหัวข้อโดย: 01adxz45 ที่ สิงหาคม 09, 2018, 10:55:14 am
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/25/NyOt0I.jpg)[/b]
[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทับทิม[/url]
ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมกินอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่เป็นผลสดเยอะที่สุดและก็ยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอย่างเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม อีกทั้งยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายประเภทที่มีสาระต่อสุขภาพร่างกาย ก็เลยมั่นใจว่าอาจมีประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากและก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานวิจัยที่เล่าเรียนการใช้ทับทิมในรูปแบบต่างกันกับการรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะกำหนดสมรรถนะของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้กระจ่างแจ้ง ซึ่งแบบอย่างการเรียนรู้เรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ยกตัวอย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต จึงอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในผู้ที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (ประกอบด้วยกรดแกลลิค 610 มก.) และวัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดสอบ พบว่าค่าดังที่กล่าวถึงมาแล้วน้อยลง จึงคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือด
นอกเหนือจากนั้น ยังมีงานศึกษาเรียนรู้อีกชิ้นให้คนไข้โรคหลอดเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ต่ำลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น จึงชี้ให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรจะมีการเรียนเพิ่มอีกในระยะยาวกับกลุ่มการทดลองขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลของทับทิมและการรักษาโรคเส้นโลหิตแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณลักษณะช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากการดูแลและรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีคุณภาพพอเพียงสำหรับการบรรเทาอาการจากโรคมากมายเท่าที่ควรและก็ลดการเสี่ยงด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองคุณภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยวิธีการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เรียนสมรรถนะของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกแบบอย่างเจลสำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจำนวน 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพช่องปากดีขึ้นและปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองป้องกันและทุเลาอาการของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดคราบจุลินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับในการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน และบางทีอาจนำไปสู่โรคทางโพรงปากอีกหลายชนิด ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่ว่าสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบจุลชีวันลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่ได้ต่างอะไรจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน ก็เลยพอเพียงจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดจังหวะสำหรับเพื่อการกำเนิดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ด้านในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ ซึ่งในการทดสอบได้เก็บรอยเปื้อนจุลอินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบผลก่อนและข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดไม่เหมือนกันในแต่ละกลุ่ม ตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน และยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพในการลดคราบจุลินทรีย์ลงมากที่สุดโดยประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% รวมทั้งยาหลอกที่ลดน้อยลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเป็นตัวเลือกในการใช้กำจัดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการติดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เพราะเหตุว่าระยะเวลาสำหรับการทดสอบค่อนข้างสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการศึกษาเล่าเรียนผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมทั้งมีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่ทานอาหารข้างใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมถึงของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าคนไข้มีระดับไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แม้กระนั้นไม่พบความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์แล้วก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนป่วยเบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกไม่ได้แจ่มกระจ่าง เหตุเพราะอาหารประเภทอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน แล้วก็กลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก ควรต้องขยายผลการศึกษาในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มอีก ยิ่งกว่านั้น การรักษาภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมของกินและก็การบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเยอะขึ้น
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่มักพบในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองระบุว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญสำหรับการบรรเทาอาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงมีการศึกษาสมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่ม โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกันเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกวี่ทุกวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดแล้วก็ฉี่ของผู้เจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่เจอความต่างอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กลุ่ม ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมรวมทั้งตรวจเจอได้ในเลือดหรือฉี่ แม้กระนั้นผลวิจัยกลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งบางทีอาจเป็นผลมาจากการสลายตัวสารกลุ่มนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจขั้นตอนซับสารอาหารที่แตกต่างกันก่อนจะกล่าวอ้างถึงประโยชน์ด้านของสุขภาพจากการกิน เพราะสารอาหารที่เจอในของกินที่กินอาจไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ผลดีในร่างกายคนเราทั้งหมด
โรครวมทั้งอาการอื่นๆเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามข้างหลังการออกกำลังกาย กลุ่มอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การต่อว่าดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และอื่นๆยังจึงควรทำการวิจัยวิจัยเพิ่มเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับในการรักษาโรค
(https://www.picz.in.th/images/2018/07/25/NyO98Z.jpg)[/b]
ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยปกติการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสภาพร่างกาย การกินรากและก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่มีอันตรายสำหรับการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจทำให้กำเนิดอาการแพ้เล็กน้อยในบางราย อย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการกินหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอความเห็นแพทย์ก่อนการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจส่งผลให้ความดันโลหิตลดลดลงน้อย ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนไข้ที่มีภาวะความดันต่ำอาการแย่ลง
คนที่มีลักษณะแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนป่วยที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ เนื่องจากว่าทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางชนิดอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อาทิเช่น ยาที่เกี่ยวกับลักษณะการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน คนที่กินยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อให้มีความปลอดภัย
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ