หัวข้อ: สุขภาพแข็งแรงสำคัญมากกว่าความมั่งมีอย่างไม่ต้องสงสัยมาดูแลสุขภาพกันเลยดีกว่า เริ่มหัวข้อโดย: promiruntee ที่ สิงหาคม 10, 2018, 04:46:06 am สิ่งที่เราควรตระหนักไว้เสมอว่า รวยสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงกว่าร่ำรวยเงิน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพทางจิตการบรรลุเป้าหมายด้านการเงินจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยถ้าหากเสียสุขภาพไป และบางคราวจำต้องนำเงินที่หามาได้จ่ายเป็นค่าหมอกระทั่งหมดคนบางคนอุตสาหะคิดเงินมาตลอดชีพ แต่ปล่อยให้สุขภาพทรุดโทรม และจากนั้นก็พบว่าเงินทั้งหมดทั้งปวงที่หามาไม่อาจจะซื้อสุขภาพไว้ได้ก็เลยต้องเสียชีวิตไปอย่างทุกข์ทรมานโดยธรรมดาหากได้รับพรดีเลิศ 3 ข้อให้อธิษฐานได้ตามความฝันสิ่งที่มนุษย์เราชอบอธิษฐานกันก็คือขอให้มีร่างกายแข็งแรงจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตขอให้แต่งงานที่ดีและก็ขอให้ร่ำรวยแต่ว่าถ้าหากมีพรให้เลือกอธิษฐานได้เพียงแค่ข้อเดียวสิ่งที่จะต้องเลือกเป็นลำดับแรกๆคือการมีร่างกายที่แข็งแรง เนื่องจากว่าหากมีโรครุมเร้า การจะมีคู่ที่ดีหรือมีเงินมีทองแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังเป็นภาระให้คู่รักหรือครอบครัวจำเป็นต้องมารอดูแลรักษาอีกสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง คือการบรรลุผลที่ตีค่ามิได้ แม้กระนั้นหาได้น้อยมากที่คนไหนกันจะหันมาดูแลสุขภาพอย่างเอาจริงเอาจัง จวบจนกระทั่งจะป่วยขึ้นมาจึงค่อยเริ่มรู้สึกแต่ก็ชอบสายเหลือเกินการบรรลุเป้าหมายในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านคู่ควง การศึกษาเล่าเรียนงานการ การคลัง อื่นๆอีกมากมาย จะไร้ค่าอะไรเลยถ้าเกิดปราศจากสุขภาพที่ดี ปัญหาสุขภาพสามารถทำลายการบรรลุผลทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เคยมีมาไดภายในช่วงระยะเวลาอันรวดเร็วทันใจ
ความสำราญของคนที่ยังอยู่ในโลกของโลกียะก็คือ ความสุขที่ได้มาจากการกระตุ้นประสาทสัมผัสนั่นเอง อีกทั้งรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส หรือนามธรรมทั้งหลายที่เข้ามากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย หัวใจ ทำให้เกิดสุขเวทนา ราคะ อุปาทานด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อทวารใดทวารหนึ่งเสียหาย ความสำราญที่ได้รับจากทวารนั้นจะหมดไปทันที จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากมีเงินซื้อหน้าจอแอลซีดี (LCD) สามมิติราคาหลายแสนบาทแต่ว่าตามองมองไม่เห็นจะมีสาระอะไรกับการท่องเที่ยวต่างถิ่น ในเวลาที่ตนเองเดินไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรกับการแต่งงานที่อบอุ่น ถ้าเกิดตนเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน สุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุดคนสุขภาพดีจะมองมีชีวิตชีวา ใบหน้าแจ่มใส มีพลังกายกำลังใจสูง ซึ่งจะส่งผลทางอ้อมไปสู่ความสำเร็จด้านอื่น ๆ อีกด้วยคนเรามักไม่ค่อยทราบว่า สิ่งที่เราเองครอบครองอยู่มีค่าเยอะแค่ไหนจนกระทั่งจะสูญเสียมันไป สุขภาพเป็นของมีราคาที่สุดในชีวิต แม้กระนั้นบางบุคคลไม่เคยถนอมกล่อมเกลี้ยงและดูแลเลย กระทั่งเมื่อป่วยไข้ขึ้นมาจึงค่อยตระหนัก แต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็ยากเกินที่จะแก้ไขหรือแม้จะเยียวยารักษาได้ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเยอะมากๆบางคราวบางทีอาจเป็นเงินเก็บชั่วชีวิตเลยก็ได้ ถึงแม้ว่าโรคภัยไข้เจ็บบางประเภทจะเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากพันธุกรรม ซึ่งมียีนแฝงที่ก่อให้เกิดโรคซ่อนอยู่ (Initiator Gene) แต่ว่ายีนนี้จะไม่ทำงาน ถ้าไม่มีการกระตุ้นจากสภาพแวดล้อม (Promoter) อย่างเช่น มียีนมะเร็งปอดซ่อนเร้นอยู่ แม้กระนั้นถ้าดำรงชีวิตอย่างมีสติไม่ดูดบุหรี่ มานะหลบหลีกควันพิษ ไอระเหยต่าง ๆ กินอาหารที่มีสาระ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยีนมะเร็งที่มีอยู่ก็จะฝ่อไปในที่สุด ไม่สามารถที่จะแสดงผลลัพธ์ได้ โรคจำนวนมากไม่ได้ส่งผลมาจากกรรมพันธุ์ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งแวดล้อมก็เป็นต้นเหตุก่อโรคได้เช่นกัน ถ้าหากรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่ง ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต ตับ หรือแม้แต่โรคประสาท เนื่องจากมีประวัติคนภายในครอบครัวเจ็บป่วยก็จำต้องเฝ้าระวัง พยายามเรียนหาข้อมูลการกระทำตน เพื่อเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรค แม้มีโรคประจำตัวที่เลี่ยงมิได้ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นค่อยได้เรื่องจริงแล้วธรรมชาติสร้างอวัยวะให้เราไว้อย่างกล้าแกร่งมากมาย ชู ยกตัวอย่างเช่น “ฟัน” สามารถบดเคี้ยวได้ตรงเวลา 70 ปีโดยที่จะมีการสึกเพียงเล็กน้อย ถ้าหากนำเหล็กขนาดพอๆกับฟันมาสีกัน เชื่อได้ว่าไม่เกิน 2 ปีเหล็กนั้นจะกุดจนกระทั่งหมดไป แต่กระนั้นทุกวันนี้ก็มีบุคคลที่ฟันผุ ฟันเสียกันเยอะแยะ ไม่ใช่เพราะว่าธรรมชาติวางแบบมาไม่ดี แต่ว่าเพราะว่าใช้ไม่ให้ความสนใจดูแลรักษา เหมือนกับอวัยวะอื่น ๆ หัวใจ ไต ตับ ปอด หรือแม้แต่เส้นเลือด นับว่าเป็นประติมากรรมขั้นที่สูงที่สุดของธรรมชาติที่สร้างมาให้ใช้งานได้ขั้นต่ำ 100 ปี แม้กระนั้นด้วยการดำรงชีวิตอย่างประมาท ทำให้อายุขัยของอวัยวะสั้นลง อีกสิ่งหนึ่งซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้อย่างกะทันหันปัจจุบันทันด่วนคืออุบัติเหตุแม้จะมีสุขภาพที่ดีแค่ไหนแต่เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะมีปัญหาด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยทันที และบางทีถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ เป็นเจ้าชายนิทรา เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ การดำรงชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะจะช่วยปกป้องได้ พยายามหมั่นฝึกฝนเจริญก้าวหน้าสติอยู่เสมอ ๆ อุบัติเหตุต่าง ๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ว่ามีเหตุที่เกิดจากกรรมเก่า มนุษย์เราสามารถเอาชนะกรรมได้ด้วยสติ ดังที่หลวงพ่อชาเคยกล่าวไว้ว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฎแห่งกรรมยังมีวิปัสสนาการเข้าฌาน”ตามแนวคิดของ อับราฮัม มาสโลว์ ปรมาจารย์ด้านจิตวิทยาบอกไว้ว่า มนุษย์จะมีความต้องการทางด้านร่างกายเป็นขั้นแรก เป็นต้นว่า ของกิน ยารักษาโรค การหายใจ การขับถ่ายการนอน อื่นๆอีกมากมาย ตราบใดที่ความต้องการในระดับที่ถือว่าต่ำสุดนี้ยังมิได้รับการตอบสนอง จะไม่มีความปรารถนาไปถึงความประสงค์ในระดับที่สูงขึ้น และแม้ว่าจะบรรลุเป้าหมายในชีวิตเพียงใด ถ้าเกิดความอยากได้พื้นฐานนี้มิได้รับการโต้ตอบก็จะกล่าวโทษสุขไม่ได้ ได้แก่ มาริลีน มอนโร, เอลวิส เพรสลีย์, ไมเคิล แจ็กสัน อื่นๆอีกมากมาย ที่ล้วนเสียชีวิตด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด จะเห็นได้ว่า แม้กระทั้งความอยากขั้นพื้นฐานอย่างการนอนให้หลับยังทำไม่ได้ การมีเงินมีทองเป็นพันล้านแต่ว่ามีปัญหาสุขภาพไม่ว่ากายหรือหัวใจ ในที่สุดเงินที่มีก็ซื้อความสบายไม่ได้ ความสำราญที่แท้จริงมาจากสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งคำว่า “สุขภาพ” แปลตรงตัวก็ได้ความหมายว่า ภาวะแห่งสุข เมื่อแก่ขึ้นจะรู้ว่าสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งปวง มีชีวิตที่ไม่ได้มีเงินมีทองอะไร แม้กระนั้นมีร่างกายแข็งแรงก็จะสุขสบาย ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเราในตอนนี้ ถ้าหากเทียบเคียงแล้ว สบายและก็ดียิ่งกว่าฮ่องเต้ในโบราณกาลด้วยซ้ำ ยุคนั้นไม่มีห้องอาบน้ำแบบบ้านในปัจจุบัน จำต้องใช้กระโถน ไม่มีระบบท่อ พัดลม แอร์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ อื่นๆอีกมากมาย ยารักษาโรคยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีแม้กระนั้นสมุนไพรซึ่งให้ผลการดูแลรักษาไม่แน่นอนซึ่งคนที่ลำบากที่สุดในโลกปัจจุบันก็ยังสามารถเข้าถึงยารักษาโรคที่มีคุณภาพได้มากกว่าใครๆก็ต้องการมีร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว และก็มองอ่อนกว่าวัย ก็เลยคัดเลือกกลเม็ดสำหรับเพื่อการชะลอวัย รวมทั้งเสริมความแข็งแรงด้วยวิธีต่างๆนานา ในเวลาที่หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า ที่เรากินวิตามินหรืออาหารเสริมเข้าไปมหาศาลนั้น โดยความเป็นจริงแล้วเราได้รับวิตามินมากจนเกินไป หรือวิตามินนั้นไปเสริมส่วนที่ขาดใช่หรือไม่ขอทําความรู้ความเข้าใจก่อนว่า ความนิยมสำหรับเพื่อการกินวิตามินเริ่มขึ้นในยุโรปและก็อเมริกา เพราะผู้คนมีพฤติกรรมการกินของกินที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพ จนกระทั่งมีคนเจ็บเยอะแยะ จึงพอๆกับเปิดโอกาสทางให้บริษัทอาหารเสริมทั้งหลายใช้จุดอ่อนนี้เป็นแผนการตลาด โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนป่วยโดยตรง แล้วก็สุดท้ายจึงขยายมาสู่กลุ่มชนปกติทั่วไป โดยอ้างถึงว่าจำต้องได้รับอาหารเสริมเพียงแค่นั้นเท่านี้เพื่อร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่บอกว่ามูลเหตุของวิตามินพวกนั้นมาจากการกินของกินอะไรบ้าง เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้คุณอาจจะเคยรับรู้ข่าวสารกระเทือนแวดวงอาหารเสริมในสหรัฐฯอย่างมากมาย เมื่อนักกีฬาซีอดังเสียชีวิตไม่รู้สาเหตุขณะฝึก ซึ่งเขาแก่เพียง 23 ปีเท่านั้น แล้วก็เจออาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของ Ephedro อยู่ในล็อกเกอร์ของเขา ก็เลยทําให้องค์การของกินรวมทั้งยา ทบทวนการใช้อาหารเสริมดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นฉะนั้น แม้คุณอยากทานอาหารเสริมก็อย่าได้เชื่อเพียงแต่คำชวนเชื่อถึงผลดีอันมากไม่น้อยเลยทีเดียว ควรควรระวังผลกระทบในทางร้ายด้วย เพราะเหตุว่าถ้าหากรับประทานมากมายและรับประทานติดต่อนานเกินความจำเป็น บางทีอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ยกตัวอย่างการกินวิตามินบี 6 ทุกวี่วันเกินวันละ 10 มก. บางทีอาจทําให้สูญเสียความรู้สึกที่มือรวมทั้งเท้าได้ หรือรับประทานสารเบต้าแคโรที่มีขนาดสูง โดยรับประทานติดต่อกันนานๆก็บางทีอาจกระตุ้นโรคมะเร็งในผู้ดูดบุหรี่ได้เช่นกัน อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าถ้าหากรับประทานอาหารให้นานัปการ จะพบว่าการขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก และก็แทบไม่มีความจําเป็นสำหรับเพื่อการรับประทานอาหารเสริมเลย ในเวลาที่กลุ่มคนที่ขาดสารอาหาร มักเกิดในกรุ๊ปผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากไม่อาจจะเลือกทานอาหารได้ครบสมบูรณ์ หรือบางรายก็ทานอาหารเดิมๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจานด่วนทั้งหลายแหล่ มาถึงตรงนี้ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจคิดสงสัยว่า แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของเราควรจะได้รับวิตามินใดบ้าง ง่ายสุดเลยก็จะต้องพิจารณาจากอาหารที่เราเลือกรับประทาน ควรจะรับประทานให้มากมาย รวมถึงผักสดและก็ผลไม้ (แนวทางง่ายๆกินให้ครบ 5 สี) แม้กระนั้นถ้าเกิดไม่สามารถที่จะเลือกได้ ก็ให้เลือกกินวิตามินที่ไม่สะสมภายในร่างกาย เพราะว่าหากเกินความจำเป็นจะสามารถขับทิ้งได้ เช่น วิตามิน B และ C แต่ว่าวิตามินที่กินแล้วสะสมได้ก็คือวิตามิน A, D, E, K ค่ะ สำหรับรับประทานวิตามินเป็นประจํา อย่าลืมทดลองพิจารณาปริมาณที่ควรกินต่อวันด้วย อย่างเช่น วิตามินซีในปริมาณ 500-1,000 มก.ต่อวัน เป็นขนาดเหมาะเจาะที่ร่างกายควรจะได้รับในทุกวัน หรือแคลเซียม 2000 มิลลิกรัมต่อวัน เหมาะสมสําหรับสตรีวัยหมดประจําเดือน เพราะช่วยปกป้องกระดูกพรุนได้ หรือสาวขึ้นมาอีกนิดและก็กําลังมีครรภ์ เสนอแนะว่าให้รับประทาน 1,500 มิลลิกรัมพอดีค่ะ ส่วนธาตุเหล็กนั้น โดยทั่วไปในคนปกติควรได้รับ วันละ 8-15 มิลลิกรัม ส่วนคนป่วยโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็ก ควรจะได้รับวันละ 50-100 มก.ค่ะ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : การกินอาหารเสริม ที่มา : https://healthtime88.wordpress.com/ Tags : บทความสุขภาพน่ารู้
|