หัวข้อ: กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ หากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่า เริ่มหัวข้อโดย: mmhaloha ที่ สิงหาคม 27, 2018, 03:57:57 am เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าจำใส่ใจจนจำต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจักยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก ครั้นเมื่อข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น “กล้องถ่ายภาพ” นั่นเอง ซึ่งในยุคนี้ ใครๆ ต่างก็มีมือถือที่มีกล้องพร้อมมาด้วย เพราะว่าง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังมีความชัดมิได้ต่างไปจากกล้องถ่ายภาพ DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ดีความจริงนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่ต่างกันอยู่ไม่เบาเลยเชียว
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เหตุเพราะกล้องถ่ายภาพจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรวบรวมแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า เนื่องด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าไหร่นัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นเมื่อย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องถ่ายรูปมือถือก็จะเจอ Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายภาพทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องมือถือเล็กกว่ากล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ คุณสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จะมีคุณสมบัตินี้ เพราะว่าภาพบางภาพ ก็ต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความเกี่ยวข้องของสิ่งของบนภาพที่ดีที่สุด รวมทั้งหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องจากในมือถือของคุณอาจจะมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่นอน ถ้าหากเจ้าคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายรูปคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือพาคู่ควงท่องเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าท่านคงไม่อยากมานั่งลบรูปถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือไม่ก็ลิสภาพยนตร์ดังของเธอหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมด้วยเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าท่านได้ทั้งรูปถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน นั่นเป็นข้อมูลขั้นแรกว่าทำไมคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องสมาร์ทโฟนไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดหลัก ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเปล่า กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่มากที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่ลงตัวของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี ประเด็นสำคัญของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องจากกล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยถ้าถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ในที่แสงสว่างน้อย โดยที่เธอมิจำเป็นต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ แถมกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของเจ้าไม่เป็นอุปสรรคเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งเฟรมเพื่อบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน จะเห็นว่านี่แค่จุดแข็งเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็ชนะกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนขาดลอยแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะหลายอย่าง อีกเยอะแยะเลยที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง ตัวอย่างเช่น โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เจ้าปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายอยู่เหมือนกัน เพื่อภาพมีความน่าสนใจมากเพิ่มขึ้น และข้อเด่นอีกอย่างของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาง่ายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า “กล้องมันหนัก” ไปได้เลย Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา
|