หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ เริ่มหัวข้อโดย: one005464a5 ที่ สิงหาคม 30, 2018, 01:07:05 am (https://www.img.in.th/images/ed6ab7622d9f1f0f42f350984289db50.jpg)[/b]
สมุนไพรพญายอ[/size][/b] เสมหะพังพอนตัวเมีย เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE) สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url] มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (จังหวัดเชียงใหม่), พญาปล้องคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาบ้องทอง (ภาคกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) ฯลฯ รูปแบบของเสลดพังพอนตัวเมีย ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะหมดจด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นปล้องสีเขียว เพาะพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้ากิ้งก้านไปปลูก เจริญเติบโตเจริญในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบได้บ่อยขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วไป ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย ต้นพญายอ ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบลำพัง ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบแล้วก็โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. และก็ยาวราว 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากข้างล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงประมาณต.ค.ถึงมกราคม (แม้กระนั้นชอบไม่ค่อยมีดอก) ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย พญาปล้องทอง ลิ้นงูเห่า ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลแห้งรวมทั้งแตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราว 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเม็ดราวๆ 4 เมล็ด หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวกเป็นเสลดพังพอนตัวผู้ และเสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงมากหลายๆตำราเรียนจึงนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนตัวผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วก็ตำราเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก สรรพคุณของเสมหะพังพอนตัวเมีย รากรวมทั้งเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากรวมทั้งเปลือกต้น) ทั้งยังต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวคนป่วยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้แล้วก็ลักษณะของการปวดหัวจะหายไป (ใบ)6 ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (รับประทานอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มกินทีละประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก) ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดโดยประมาณ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6 ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป รวมทั้งอาการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที (ใบ) ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ต้นรวมทั้งใบ) รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับเมนส์ (ราก) ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ (ทั้งยังต้น) ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น) ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอแฉะ ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น (ใบ) ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ) ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดนำมาตำอย่างระมัดระวังผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกหนังสือเรียนกล่าวว่า นอกจากจะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยเนื่องด้วยถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด และก็แผลที่เกิดขึ้นจากการถูกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ) ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้พอเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองเจริญ ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ) ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ) ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวรวมทั้งเม็ดผดผื่นคัน (ใบ) ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาตำผสมกับเกลือแล้วก็เหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้ารวมทั้งเย็น (ใบ) ทั้งต้นและใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ได้แก่ งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้เพียงพอแหลก แช่ในเหล้าขาวโดยประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลบอกว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ) (https://www.img.in.th/images/95d9d55a77aaef8d4932ebe158d5fbff.jpg)[/b] คนกรุงจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ) พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดราวๆ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มวาว ไม่อ่อนหรือแก่กระทั่งเกินความจำเป็น) แล้วเอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและเอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้เตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโล เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ปริมาตรลดลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสลดพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับตำราเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ) พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลี้ลุกลนไฟให้ร้อน แล้วนำมากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ) ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า แล้วก็ยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ ใช้แก้ฝึก เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินแล้วก็ทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ) พญายอ ทั้งยังต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยเพราะเหตุว่าเย็นเปียกชื้น (ทั้งต้น) รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดปวดเมื่อยบั้นเอว (ราก) ขนาดและก็การใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลข้างนอก สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังพญายอ : แม้ในอดีตกาลจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ในขณะนี้วิธีนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจจะก่อให้ติดเชื้อเป็นหนองได้ ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides เป็นต้นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม จากการทดลองในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream และสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้ผล สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 โล มีคุณภาพต่อต้านการอักเสบได้ดิบได้ดี เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกก. จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโลกรัม ส่วนสารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล แล้วก็เอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านทานไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 และใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ตอนที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะเป็นพิษต่อเซลล์ และจากรายงานการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir รวมทั้งยาหลอก โดยให้คนป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่มีความแตกต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบรวมทั้งยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทภายใน 7 วัน ซึ่งไม่เหมือนกันกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่นำมาซึ่งการอักเสบแล้วก็ระคายเคือง ในตอนที่ acyclovir จะมีผลให้แสบ นอกเหนือจากนี้ยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสลดพังพอนตัวเมียในผู้เจ็บป่วยโรคเริม งูสวัด และแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบได้ดิบได้ดี พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสมหะพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดเริมและก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ จนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนไข้สุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน จะมีจำนวนหลายชิ้นกว่ากลุ่มสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บจะต่ำลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลกระทบอะไรก็แล้วแต่9 จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษนิดหน่อย แม้กระนั้นจะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโล (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกก.) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ทำให้เกิดอาการเป็นพิษใดๆ จากการศึกษาพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรัง ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 รวมทั้ง 540 มิลลิกรัมต่อกก. ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แต่พบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัสลดลง ในตอนที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แม้กระนั้นอ http://www.disthai.com/[/b]
|