ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: SEO.No1 ที่ สิงหาคม 31, 2018, 08:30:37 pm



หัวข้อ: 6 วิธีตรวจสอบคุณภาพสาย audio cable หาซื้อสาย audio cable ได้ที่
เริ่มหัวข้อโดย: SEO.No1 ที่ สิงหาคม 31, 2018, 08:30:37 pm
6 แนวทางตรวจสอบประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง
สายสัญญาณเสียง คือวัสดุอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องเสียงเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆโดยสายนี้จะเป็นตัวนำเสียงจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ให้มาแสดงออกในเครื่องเสียง ช่วยทำให้สามารถเล่นไฟล์เสียงด้วยเสียงที่ดังขึ้นได้
.
(https://static.mustlovemac.store/catalog/product/cache/image/700x560/e9c3970ab036de70892d86c6d221abfe/i/k/ik_multimedia_iline_stereo_aux.001.jpeg)
.
ตอนนี้ พวกเราสามารถหาซื้อสายสัญญาณเสียงได้ทั่วๆไปตามร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมีสินค้าหลายรุ่น หลายแบรนด์ให้เราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อสายสัญญาณเสียงบนตลาดมีอยู่หลายรุ่น หลายแบรนด์ ทำให้คุณภาพของสินค้ามีความต่างกันด้วย ถ้าเกิดพวกเราได้สายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีมาใช้ก็ดีแล้วไป แต่หากเราเผลอไปซื้อสายสัญญาณเสียงที่ไม่ได้คุณภาพมาใช้งานเข้า ก็จะต้องเจอกับปัญหาระหว่างใช้งานหลายประการ ทั้งเสียงไม่ออก คุณภาพเสียงไม่ดี มีอายุการใช้งานสั้น ใช้ไปได้เล็กน้อยก็เสียแล้ว อีกทั้งสายสัญญาณเสียงนั้นเป็นสินค้าที่ไม่อาจประเมินคุณภาพด้วยราคาได้ ด้วยเหตุว่าไม่ว่าจะเป็นสินค้าราคาถูกหรือผลิตภัณฑ์ราคาสูง ต่างก็มีทั้งยังคุณภาพดี คุณภาพแย่ และก็ปัญหาในตัวเองคละเคล้ากันไป โดยเหตุนี้ พวกเราจึงจึงควรมีวิธีการพื้นฐานสำหรับสำรวจคุณภาพสายสัญญาณเสียง เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาใช้งานได้ถัดไป
การพิจารณาคุณภาพ สายสัญญาณเสียง เราสามารถทำเป็น 6 วิธีดังต่อไปนี้
1. พิจารณาความแข็งแรง-ความอ่อนของสาย ข้อนี้เป็นสิ่งแรกที่พวกเราสามารถสำรวจด้วยตัวเองได้ แล้วก็ควรเช็คเป็นสิ่งแรก เนื่องมาจากสายสัญญาณเสียงในตอนนี้มีการผลิตสายออกมาให้มีความแข็งแรงแล้วก็ความอ่อนไม่เท่ากัน โดยทั่วไป ราคาสายสัญญาณเสียงที่มีราคาถูกมักจะมีสายค่อนข้างแข็ง ในขณะสายสัญญาณเสียงราคาสูงๆมักจะมีสายอ่อน ข้อเสนอแนะคือ ไม่ควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่แข็งเหลือเกิน เนื่องจากว่าจะไม่สามารถพับสายได้ แม้พับ ม้วนเก็บสายย่อมทำให้เกิดปัญหา ในเวลาเดียวกันก็ไม่ควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่อ่อนเกินไป ด้วยเหตุว่ายิ่งอ่อนนิ่มมากมาย สายก็จะยิ่งบอบบาง เมื่อใช้ประโยชน์งานเป็นประจำย่อมมีการเสี่ยงสูงที่สายจะขาด หรือหักพับได้อย่างง่ายๆสายสัญญาณเสียงที่ยอดเยี่ยม ควรเป็นสายที่อ่อนเพียงพอจะสามารถพับได้อย่างไม่มีการเสียหาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้อย่างไม่มีการฉีกให้ขาด ถ้าหากเราพบว่าสายสัญญาณเสียงใดมีลักษณะแบบนี้ สามารถซื้อมาไว้ใช้งานได้เลย
2. สำรวจสิ่งของที่ใช้สำหรับทำหัวสายว่าเป็นยังไง สายสัญญาณเสียงที่ผลิตออกมาขายในขณะนี้นั้น มีการใช้โลหะอยู่ 2 ชนิดใหญ่ๆสำหรับการทำหัวสาย อาทิเช่น ทองบรอนซ์ รวมทั้งอลูมินัม ขอเสนอแนะว่าควรจะเลือกใช้สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นทองสัมฤทธิ์จะดียิ่งกว่า เพราะเป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ดีกว่าอลูมินัม ไม่ค่อยมีปัญหาเสียงขาดเสียงหาย แม้จะเสียบสายไม่แน่นก็ตาม ตอนที่อลูมิเนียม เป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ไม่ดีนัก แม้เสียบไม่แน่นจะไม่สามารถนำสัญญาณเสียงได้ นอกเหนือจากนี้ ทองเหลืองยังเป็นโลหะที่มีความทนทานสูง มีอายุการใช้แรงงานช้านาน ไม่ค่อยเจอกับปัญหาประเด็นการหัก หรือการโค้งงอผิดรูป ตอนที่สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นอลูมิเนียมนั้นจะต้องใช้งานอย่างรอบคอบ หากไม่ฟูมฟัก หัวสายจะหักหรือโค้งงอได้ง่ายในเวลาอันรวดเร็ว
.
(https://static.mustlovemac.store/catalog/product/cache/image/700x560/e9c3970ab036de70892d86c6d221abfe/b/e/belkin_rca_studio_audio_cable.jpg)
.
3. สำรวจการยึดระหว่างหัวสายกับสายไฟว่าเป็นยังไง มีการเชื่อมต่ออย่างสนิทดีหรือไม่ โดยปกติสายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีจะยึดจุดเชื่อมต่อระหว่างสายไฟกับหัวเสียบได้อย่างสนิท ขณะที่สายสัญญาณเสียงคุณภาพไม่ดีมักยึดท่อนหัวสายกับสายไฟได้ไม่แน่น บางรุ่นทำเพียงแค่เอาสายใส่เข้าไปในหัวแบบมิได้ยึด สิ่งที่จะตามมาเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็คือ สายไฟหลุดออกมาจากหัวเสียบ และก็ถ้าเกิดสายสัญญาณเสียงใดมีปัญหานี้ขึ้นมาย่อมไม่อาจจะซ่อมแซมได้ ต้องทิ้งสิ่งเดียว โดยเหตุนี้ในการเลือกซื้อสาย audio cable เราจึงจะต้องตรวจตราจุดเชื่อมต่อระหว่างหัวเสียบกับสายไฟด้วย
4. ตรวจสอบความยาวของโลหะหัวเสียบว่ามีความสั้นยาวแค่ไหน โดย สายสัญญาณเสียงที่ดี ควรจะมีความยาวระหว่างโลหะหัวเสียบอยู่ที่ 2-5 ซม. เพราะเป็นความยาวที่เหมาะสมสำหรับเพื่อการเสียบเข้ากับวัสดุอุปกรณ์ต่างๆได้โดยไม่เกิดการโยกหรือหละหลวม ทั้งยังยังเสียบได้สนิท ไม่มีโลหะหัวเสียบโผล่พ้นขึ้นมา ถ้าเกิดเป็นสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวของโลหะหัวเสียบสั้นเกินความจำเป็น จะไม่อาจจะแทงกับอุปกรณ์ได้ กำเนิดปัญหาเสียงไม่ออก หรือเสียงมาเป็นช่วงๆจะต้องคอยประคับประคองไว้ ส่วนหากโลหะที่หัวแทงมีความยาวมากจนเกินความจำเป็น เมื่อแทงกับเครื่องไม้เครื่องมือจะก่อให้มีโลหะเล็กน้อยโผล่ขึ้นมา หากเผลอไปชนเข้าอาจจะส่งผลให้สายมีการหักได้
5. สำรวจความยาวของสายไฟว่ามีมากมายน้อยแค่ไหน ข้อนี้ถึงแม้จะไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพการใช้งานโดยตรง แต่ก็สำคัญ เนื่องจากการซื้อสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวพอเพียงต่อการใช้แรงงาน จะช่วยทำให้สามารถต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก ไม่เกิดปัญหาสายตึงรั้งเกินความจำเป็นจนถึงเสี่ยงต่อการหัก หรือหย่อนยานเหลือเกินจนเกิดความรู้สึกเกะกะ ซึ่งความยาวที่เหมาะสมของสายไฟขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราว่าคืออะไร ถ้าเป็นสายสัญญาณเสียงสำหรับแทงเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องเสียงในรถยนต์ หรือลำโพงทั่วๆไป ควรจะมีความยาวอยู่ที่ 30-60 ซม. ส่วนถ้าหากเป็นสานสำหรับต่อลำโพงขนาดใหญ่ จำต้องลากสายยาวๆก็จะต้องมีความยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป
6. ตรวจตราแบรนด์ของสาย ส่วนแบรนด์นี้ก็จัดว่ามีความหมายไม่แพ้กันสำหรับเพื่อการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง โดยควรเลือกซื้อสายสัญญาณเสียงที่ทำขึ้นโดยแบรนด์อันเป็นที่รู้จัก หลบหลีกสินค้าจากแบรนด์แปลกๆหรือสินค้าโนเนม ด้วยเหตุว่ามักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ได้โอกาสเสียเสียหายได้ง่าย
แนวทางในการเลือกซื้อ สายสัญญาณเสียง ให้ได้ประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องที่พวกเราจำต้องให้ความเอาใจใส่ เพื่อให้การเชื่อมต่อวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องเสียงสามารถำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้เรื่องเล่นเสียงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
Website:
บทความสายสัญญาณเสียง: .life
.
สาย audio cable https://www.dotlife.store/cable/audio-cable.html

Tags : สายสัญญาณเสียง,ราคาสายสัญญาณเสียง
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ