หัวข้อ: iPad Mini 4 ความทรงพลังในขนาดเล็ก เริ่มหัวข้อโดย: asianoned ที่ กันยายน 27, 2018, 01:05:41 pm iPad Mini คือคำตอบของหลายคนที่ชอบใช้แท็บเล็ตที่มีขนาดย่อมแต่ประสิทธิภาพดีในระบบ iOS จนกระทั่งวันนี้ได้เดินทางมาถึงรุ่น iPad Mini 4 แล้ว ซึ่งได้รับความนิยมในเมืองไทยเป็นอันมาก โดยวันนี้อิฉันจะมาแนะนำถึงแท็บเล็ตจาก Apple รุ่นนี้กัน
แต่ก่อนอื่นข้าพเจ้าจะมาแนะนำถึงประวัติคร่าวๆ ของ iPad และ ไอแพด มินิ ก่อนว่ามีแหล่งที่มาที่ไปยังไงก่อนที่ครองใจสาวก Apple ถึงปัจจุบันนี้ iPad คือแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัท Apple ซึ่งมีหน้าที่หลักในด้านมัลติมีเดีย หนัง เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์ iPad เปิดตัววางขายทีแรกในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi และในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi พร้อมด้วย 3G โดย iPad สามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในระยะเวลาแค่ 80 วัน จุดเด่นคือมากับเทคโนโลยี Multi Touch สามารถเล่นวิดีโอ, ฟังเพลง, ดูรูปถ่ายและเล่นอินเทอร์เน็ตได้ หน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว มีความละเอียด 768 x 1024 พิกเซล หนา 0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Apple ซึ่งสืบมา iPad ก็ทยอยออกรุ่นใหม่ ๆ ตามมาอย่างไม่ขาดสาย ตัวอย่างเช่น iPad2 ได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีขนาดบางลง น้ำหนักเบาขึ้น และเพิ่มเติมกล้องหลังอีกด้วย แต่ขนาดจอ 9.7 นิ้วอย่างเดิม The New iPad ได้ทำการปรับปรุงในหลายๆ ส่วน อาทิ เพิ่มความไวซีพียู ปรับความละเอียดของกล้อง เพิ่มความละเอียดหน้าจอเพิ่มมากขึ้น (2048 x 1536 พิกเซล) แต่ว่าหน้าตาภายนอกยังเหมือนกัน iPad2 iPad with Ratina Display คือรุ่นที่ทำการปรับปรุงขึ้นมาจาก The New iPad โดยอัพเกรดซีพียูให้ก้าวหน้า พร้อมกับพัฒนาสเปคบางส่วนเช่น กล้องถ่ายรูปข้างหน้าละเอียดขึ้น เปลี่ยนแบบพอร์ตการเชื่อมต่อ จาก 30 pin adapter เป็น Lightning Port อย่างไรก็ดีที่เป็นที่พึงพอใจและตอบโจทย์ของคนที่ไม่ชอบพกพาหน้าจอใหญ่ ๆ ก็คือ iPad mini โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2012 มีหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล (163 ppi)น้ำหนัก 308 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi และน้ำหนัก 312 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ระบบประมวลผลแบบ Dual-core processor (Apple A5 chipset) ซึ่งเป็นซีพียูอย่างเดียวกับ iPad 2 กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและบันทึกวิดีโอระดับ 1080p ด้านกล้องถ่ายภาพด้านหน้ามีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล มีระบบปรับความสว่างและจุดโฟกัสโดยอัตโนมัติ และยังรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 4G LTE วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2012 ซึ่งปัจจุบันนี้ iPad mini ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 4 แม้กระนั้นจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังไม่มีรุ่นใหม่ของตระกูล Mini มาทดแทน ซึ่งสเปคเบื้องต้นของ ไอแพด มินิ 4 มีดังนี้ - ขนาด 134.8x203.2x6.1 มิลลิเมตร - น้ำหนัก 298.8 กรัม - หน้าจอกว้าง 7.9 นิ้ว ความละเอียด 2040x1536 Pixel (326 ppi) - ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็น อะลูมิเนียม แบบ Unibody - กระจกหน้าจอใช้เทคโนโลยี Oleophobic Coating เคลือบป้องกันลายนิ้วมือ - ชิปประมวลผล Apple A8 (64 bit) กับชิป M8 motion coprocessor - กล้องถ่ายภาพดิจิทัลข้างหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล - กล้องดิจิทัลข้างหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล - รองรับ FaceTime HD - รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 1080p - มาพร้อมระบบ Touch ID หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า ไอแพด มินิ 4 ควรจะถือครองไหมอีฉันจึงรวบรวม จุดแข็ง และ ข้อเสีย มาให้พินิจกันดังต่อไปนี้ ข้อดี 1. คุณภาพจอเยี่ยม หลังจากโดนผู้ชำนาญพิเศษแค่นแคะมาตลอดว่าจอของ iPad Mini 1-2-3 นั้นมีคุณลักษณะไม่สมกับความเป็น Apple เหตุเพราะสามารถแสดงให้เห็นสีได้แค่ 62% ของขอบข่ายสี sRGB อีกทั้งยังยังสะท้อนแสงเหลือเกิน ผลสุดท้าย Apple ก็ยกระดับจอให้ iPad Mini 4 สามารถแสดงสีสันได้ถูกต้องและโชว์ได้ถึง 101% ของขอบข่ายสี sRGB เลยเชียว แถมมีอัตราการสะท้อนแสงเพียง 2%
iPad Mini 4 มีน้ำหนักราว 3 ขีดแค่นั้น ซึ่งเบากว่า iPad Mini 2 ราวๆ 30 กรัม ทำให้ความรู้สึกในการ จับจับสะดวก ยิ่งไปกว่านี้ iPad Mini 4 ยังบางเพียง 6.1 มม.
มีศักยภาพแบ่งแยกครึ่งหน้าจอที่มาใน iOS9 เพื่อให้ทำงาน 2 แอปควบคู่กัน โดยจะต้องใช้เครื่องมือที่มี Ram 2 GB ขึ้นไป ข้อเสีย 1. ใช้ร่วมกับเคสแต่ก่อนไม่ได้ iPad Mini 4 ไม่ได้บางลงอย่างเดียว บริเวณส่วนหน้าก็มากกว่า iPad Mini รุ่นอื่น โดยสูงกว่ารุ่นก่อนประมาณ 3 มิลลิเมตร ทำให้ใช้ Smart Cover ของ iPad Mini รุ่นเดิมมิได้ ตัวเครื่องบางลงมากก็ใช้เคสของ iPad Mini เดิมมิได้อีกเหมือนกัน
iPad Mini 4 กำลังไม่เท่าเทียม iPhone 6s ที่ใช้ชิป A9 เนื่องมาจาก iPad Mini 4 ใช้หน่วยประมวลผลเป็น Apple A8 พวก เดียวกับที่ใช้ใน iPhone 6 อย่างไรก็ตามก็มีทดสอบแล้วเร็วกว่าชิปใน iPhone 6 อยู่ราว 10% เพราะว่าดำเนินการที่ความถี่สูงกว่า วันนี้ iPad Mini 4 มูลค่าอยู่ที่ 14,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi และ 19,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi+ Cellular บนความจุ 128 GB ท่านใดสนใจก็ไปมองหาซื้อกันที่ตัวแทนขายมากมาย ได้ครับ Tags : iPad,ipad ราคา,ipad 2017 สเปค
|