ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: mossade4T ที่ กันยายน 27, 2018, 04:24:41 pm



หัวข้อ: จำหน่ายเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์, จำหน่ายเครื่องมิลลิ่ง, จำหน่ายเครื่องกลึง : รวมกิจเลิศ
เริ่มหัวข้อโดย: mossade4T ที่ กันยายน 27, 2018, 04:24:41 pm
พัฒนาการและทิศทางเครื่องตัดเลเซอร์
RKL
RUAMKIJLERT ENGINEERING CO.,LTD.


(http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2018/09/1537435810971-7.jpg)

(http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2018/09/1537435810971-8.jpg)

กว่า 50 ปี แล้วที่ "เลเซอร์" เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุปกรณ์เครื่องจักรหลากหลายประเภทนำ "เลเซอร์" มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตทำให้เกิดคุณประโยชน์มหาศาล หนึ่งในนั้นคือ เครื่องตัดเลเซอร์ ซึ่งมีหลากหลายชนิดที่ช่วยให้งานตัด งานเชื่อม งานมาร์คโลหะ เป็นไปได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ ทั้งยังช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและลดต้นทุนการผลิตไปพร้อม ๆ กันการตัดด้วยเลเซอร์ สามารถใช้งานได้หลากหลายในการผลิตชิ้นงานจากวัตถุดิบที่เป็นแผ่น ท่อ และรูปทรงต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับตัดเหล็กกล้า สเตนเลสสตีล และอะลูมิเนียม ซึ่งปัจจุบันเครื่องตัดเลเซอร์ในภาคอุตสาหกรรม มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบที่เป็นที่นิยม คือ เครื่องตัดเลเซอร์ในระบบคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า CO2 Laser ซึ่งมีขนาดใหญ่สามารถตัดเหล็กกล้า สเตนเลส สตีล และอะลูมิเนียม ที่มีช่วงความหนาของแผ่นเหล็กกล้าที่สามารถตัดได้อยู่ระหว่าง 0.8-25 มิลลิเมตร โดย CO2 Laser มีกระบวนการทำงานที่ใช้ส่วนผสมของแก๊สที่มีคั่วผสมของ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไนโตรเจน (N2) และฮีเลียม (He) ในการสร้างลำแสงเลเซอร์อีกหนึ่งเทคโนโลยีเครื่องตัดเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ CO2 Laser คือ Fiber Laser ที่มีความโดดเด่นในการตัดชิ้นงานที่มีความหนาต่ำกว่า 5 มิลลิเมตรได้ดีกว่า CO2 Laser ซึ่งชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ต้องการชิ้นงานที่มีความหนาต่ำกว่า 5 มิลลิเมตร จะใช้เพื่อเป็นการลดน้ำหนักให้ชิ้นงาน จากนั้นจะเป็นการเคลือบแข็งให้เกิดความคงทน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ การบิน และการก่อสร้าง Fiber Laser สามารถตอบโจทย์การผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมประเภทนี้ได้ดีกว่า เนื่องจากลำแสงเล็กกว่า ให้ความเร็วสูงกว่า และสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า Fiber Laser นั้นจะดีกว่า เพราะอย่างไรแล้วในการตัดชิ้นงานโลหะที่มีความหนามากกว่า 5 มิลลิเมตร รวมถึงชิ้นงานที่ทำจากไม้ อะคริลิก แก้ว พลาสติก ก็ยังต้องพึ่ง CO2 Laser อยู่ดีด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอย่างต่อเนื่องในวงการเครื่องตัดเลเซอร์ จะพบว่า Fiber Laser ทรงกำลังและประสิทธิภาพมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา Fiber Laser กำลัง 3 กิโลวัตต์ สามารถตัดทะลุเหล็กหนา 0.787 นิ้วได้แล้ว และปัจจัยที่สำคัญเมื่อเทียบกับกำลัง ก็คือ ความคล่องตัวของการใช้งาน Fiber Laser สามารถสลับไปมาระหว่างความหนาต่างระดับกันเนื่องจากไดโอดจะทำงานร่วมกับไฟเบอร์แก้วที่เคลือบอิทเทอร์เบียมไว้ นับเป็นนวัตกรรมสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตที่มีศักยภาพในการตัดสูงกว่า แต่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้ง Fiber Laser และ CO2 Laser ก็เป็นเครื่องตัดเลเซอร์ที่ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนไทยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการผลิตงานของตนเอง ความต้องการเครื่อง CO2 Laser และ Fiber Laser ในประเทศไทยมีเท่า ๆ กัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้รับผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับอุตสาหกรรมประเภทใด ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ในฐานะผู้ขายตนพยายามที่จะให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงแก่ลูกค้าในการลงทุนซื้อเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีสูงทัดเทียมกับต่างประเทศ เพราะการใช้เครื่องตัดเลเซอร์ที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงข้อดีคือ การให้กำลังการผลิตที่มากกว่า ชิ้นงานมีคุณภาพสูง ลดต้นทุนการผลิตทั้งในเรื่องการจัดเก็บ เวลา และแรงงานคน เมื่อเทียบมูลค่าการลงทุนในเครื่องจักรเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างเครื่องตัดเลเซอร์ เครื่องพับโลหะต่าง ๆ นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และคุ้มทุน สร้างผลกำไรได้ดีกว่า และโอกาสของผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนไทยอีกหนึ่งตลาดที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ ตลาดยุโรปที่มีต้นทุนด้านค่าแรงสูงกว่าเรา หากเรามีการใช้เทคโนโลยีที่ดีแล้วรับผลิตชิ้นงานส่งกลับไปยุโรปยังมีราคาถูกกว่าชิ้นส่วนที่ผลิตในยุโรป ทั้งที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันด้วยซ้ำไป นี่จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรับผลิตชิ้นส่วนของไทย ในการลงทุนเครื่องจักรที่มีความทันสมัย เพื่อให้พร้อมรับกับความต้องการของลูกค้านั่นเอง ดังนั้นผู้ประกอบการรับช่วงการผลิตชิ้นส่วน จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ รอเพียงคำสั่งการผลิต แต่เครื่องจักรไม่พร้อมรับงาน ก็อาจพลาดโอกาสดี ๆ ไปได้ ปัจจุบันทิศทางอุตสาหกรรมโลหะแผ่นของประเทศไทยเติบโตอย่างมาก เนื่องด้วยการเป็นฐานการผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรมชิ้นส่วนที่ผลิตจากโลหะแผ่น อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การเลือกใช้เครื่องตัดเลเซอร์ให้เหมาะสมกับงานเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการชิ้นส่วนไทยทั้งหลายต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อประโยชน์สูงสุดของธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ

สนใจติดต่อ
รวมกิจเลิศ เอ็นจิเนียริ่ง บจก.
24/102 หมู่ 12 ตำบลบางหัวเสือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130
โทรศัพท์ : +669 5963 4110,+669 5246 7110
อีเทลล์ : ruamkijlert@gmail.com
เว็บไซต์ : ruamkijlert.brandexdirectory.com
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ