หัวข้อ: iPad Mini 4 ความทรงพลังในขนาดเล็ก เริ่มหัวข้อโดย: mmhaloha ที่ ตุลาคม 01, 2018, 09:45:55 pm iPad Mini คือคำตอบของหลายคนที่ชื่นชอบใช้แท็บเล็ตที่มีขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพดีในระบบ iOS จนทุกวันนี้ได้เดินทางมาถึงรุ่น iPad Mini 4 แล้ว ซึ่งเป็นที่นิยมในบ้านเราเป็นอันมาก ซึ่งวันนี้ผมจะมาแนะนำถึงแท็บเล็ตจาก Apple รุ่นนี้กัน
แต่ก่อนอื่นผมจะมาแนะนำถึงเรื่องราวคร่าวๆ ของ iPad และ ไอแพด มินิ ก่อนว่ามีแหล่งที่มาที่ไปยังไงก่อนที่จะชนะใจสาวก Apple ถึงปัจจุบันนี้ iPad คือTabletคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและปรับปรุงโดยบริษัท Apple ซึ่งมีหน้าที่หลักในด้านมัลติมีเดีย หนัง เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์ iPad เริ่มวางจัดจำหน่ายทีแรกในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi และในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi พร้อม 3G โดย iPad สามารถทำยอดขายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในระยะเวลาแค่ 80 วัน จุดสำคัญคือมากับเทคโนโลยี Multi Touch สามารถเล่นวิดีโอ, ฟังเพลง, ดูรูปภาพและเล่นอินเทอร์เน็ตได้ หน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว มีความละเอียด 768 x 1024 พิกเซล หนา 0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Apple โดยภายหลัง iPad ก็ทยอยออกรุ่นใหม่ ๆ ตามมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น iPad2 ได้รับการปฏิรูปขึ้นให้มีขนาดโปร่งบางลง น้ำหนักเบาขึ้น และเพิ่มกล้องข้างหลังด้วย แต่ว่าขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้วเหมือนเดิม The New iPad ได้ทำการปฏิรูปในหลายๆ ส่วน เช่น เพิ่มความไวซีพียู ปรับความละเอียดของกล้องถ่ายรูป เพิ่มความละเอียดหน้าจอเพิ่มมากขึ้น (2048 x 1536 พิกเซล) แต่หน้าตาข้างนอกยังเหมือนกัน iPad2 iPad with Ratina Display เป็นรุ่นที่ทำการยกระดับขึ้นมาจาก The New iPad โดยอัพเกรดซีพียูให้ล้ำหน้า พร้อมแก้ไขสเปคบางส่วนอาทิเช่น กล้องด้านหน้าละเอียดขึ้น เปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อ จาก 30 pin adapter เป็น Lightning Port อย่างไรก็ดีที่เป็นที่ชื่นชอบและตอบโจทย์ของคนที่ไม่ชอบพกพาหน้าจอใหญ่ ๆ ก็คือ iPad mini ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2012 มีหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล (163 ppi)น้ำหนัก 308 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi และน้ำหนัก 312 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ระบบประมวลผลแบบ Dual-core processor (Apple A5 chipset) ซึ่งเป็นซีพียูอันเดียวกับ iPad 2 กล้องถ่ายรูปข้างหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและบันทึกวิดีโอระดับ 1080p ส่วนกล้องด้านหน้ามีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล มีระบบปรับความสว่างและจุดโฟกัสโดยอัตโนมัติ และยังรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 4G LTE วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2012 ซึ่งปัจจุบันนี้ iPad mini ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 4 ถึงจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังไม่มีรุ่นใหม่ของพวก Mini มาทดแทน โดยสเปคเบื้องต้นของ ไอแพด มินิ 4 มีดังนี้ - ขนาด 134.8x203.2x6.1 มม. - น้ำหนัก 298.8 กรัม - หน้าจอกว้าง 7.9 นิ้ว ความละเอียด 2040x1536 Pixel (326 ppi) - ตัวเครื่องใช้เครื่องมือประเภท อะลูมิเนียม แบบ Unibody - กระจกหน้าจอใช้เทคโนโลยี Oleophobic Coating เคลือบกันลายนิ้วมือ - ชิปประมวลผล Apple A8 (64 bit) พร้อมชิป M8 motion coprocessor - กล้องถ่ายรูปดิจิทัลข้างหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล - กล้องถ่ายภาพดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล - รองรับ FaceTime HD - รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 1080p - มาพร้อมระบบ Touch ID หลายท่านอาจจะมีคำถามว่า ไอแพด มินิ 4 ควรครอบครองหรือไม่กระผมจึงเรียบเรียง จุดเด่น และ จุดบกพร่อง มาให้พิจารณากันดังต่อไปนี้ จุดแข็ง 1. คุณภาพหน้าจอยอดเยี่ยม หลังจากถูกผู้ชำนาญวิจารณ์มาตลอดว่าหน้าจอของ iPad Mini 1-2-3 นั้นมีคุณลักษณะไม่เหมาะกับความเป็น Apple เพราะว่าสามารถแสดงให้เห็นสีได้แค่ 62% ของขอบข่ายสี sRGB แถมยังสะท้อนแสงเพียบ ท้ายสุด Apple ก็อัพเกรดหน้าจอให้ iPad Mini 4 สามารถแสดงสีสันได้ถูกต้องและแสดงได้ถึง 101% ของขอบข่ายสี sRGB เลยเชียว แถมมีอัตราการสะท้อนแสงเพียง 2%
iPad Mini 4 มีน้ำหนักราวๆ 3 ขีดแค่นั้น ซึ่งเบากว่า iPad Mini 2 ราวๆ 30 กรัม ทำให้ความรู้สึกในการ จับหยิบอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ iPad Mini 4 ยังslimเพียง 6.1 มม.
มีศักยภาพแบ่งครึ่งจอที่มาใน iOS9 เพื่อให้เข้าทำงาน 2 แอปด้วยกัน ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ที่มี Ram 2 GB ขึ้นไป จุดบกพร่อง 1. ใช้ร่วมกับเคสแต่ก่อนมิได้ iPad Mini 4 มิได้บางลงอย่างเดียว ที่ข้างหน้าก็เยอะกว่า iPad Mini รุ่นอื่น โดยสูงกว่ารุ่นก่อนประมาณ 3 มม. ทำให้ใช้ Smart Cover ของ iPad Mini รุ่นเดิมมิได้ ตัวเครื่องบางลงมากก็ใช้เคสของ iPad Mini เดิมไม่ได้อีกเหมือนกัน
iPad Mini 4 พละกำลังไม่ทัดเทียม iPhone 6s ที่ใช้ชิป A9 เนื่องมาจาก iPad Mini 4 ใช้หน่วยประมวลผลเป็น Apple A8 พี่น้อง เดียวกับที่ใช้ใน iPhone 6 แม้กระนั้นก็มีตรวจสอบแล้วเร็วกว่าชิปใน iPhone 6 อยู่ประมาณ 10% เนื่องมาจากทำงานที่ความถี่สูงกว่า ปัจจุบัน iPad Mini 4 สนนราคาอยู่ที่ 14,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi และ 19,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi+ Cellular บนความจุ 128 GB ท่านใดสนใจก็ไปเสาะหาซื้อกันที่ผู้จำหน่ายมากมาย ได้ครับผม Tags : iPad,ipad ราคา,ipad 2017 สเปค
|