หัวข้อ: ซื้อแอร์เช่นใด เพื่อที่จะเซฟเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด เริ่มหัวข้อโดย: uchaiyawat ที่ ตุลาคม 03, 2018, 06:09:06 pm ตอนสภาพอากาศมันร้อน มันก็คงจะต้องค้นหาวิธีเพื่อมาดับร้อนกันนิดนึง ใครถนัดรับประทาน ก็หาของกินทานดับร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ใดต้องการให้บรรยากาศภายในที่พักไม่ร้อนอย่างนรก ก็คงน่าจะต้องพึ่ง “แอร์” หรือเรียกว่า “เครื่องปรับอากาศ” นั่นเอง ถ้าหากใช้เครื่องปรับอากาศ บางคนก็ต้องหวั่นใจส่วนประเด็นของค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาภายหลัง แต่เราจะมีหลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้ออย่างใด ให้ได้ทั้งสินค้าคุณภาพดี แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะควรจะพิจารณาถึงประเภทของเครื่องปรับอากาศต้องให้เหมาะสมต่อสถานที่ในการทำงาน โดยปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบให้เลือก เพราะแต่ละรูปแบบก็มีคุณลักษณะไม่เหมือนกันออกไป ถ้าสมมติว่าซื้อผิดนั้น ก็คงสามารถเป็นเหตุให้เกิดผลเสียแก่แอร์ และยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไปอีก หลักๆ แล้ว เครื่องปรับอากาศจะแบ่งเป็นหลายหมวดหมู่ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ โดยแต่ละอย่าง ประกอบด้วยลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า อย่างแรกคือแอร์ติดผนัง ซึ่งเครื่องปรับอากาศชนิดนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือว่าน่าจะต้องคุ้นตากันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ เพราะใช้งานที่หลายแบบ และด้วยรูปแบบการออกแบบที่ทันสมัย รวมทั้งก็มีขนาดกะทัดรัด แล้วยังยังช่วยเซฟพลังงาน รวมทั้งสามารถดูแลสะดวก เพราะแอร์ประเภทนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่ใหญ่มาก หรือบ้าน หรือว่าคอนโดทั่วๆ ไป สามารถตรงตามกับความต้องการกับการใช้งานได้อย่างหลายรูปแบบ ต่อมาเป็นแอร์ตั้งขึ้นพื้น ซึ่งแอร์ประเภทนี้เป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นได้สูง สามารถทำความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งทนต่อการทำงาน รวมไปถึงทนทานต่อมลพิษอีกด้วย โดยลักษณะของแอร์จะเป็นแบบติดตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้าง โรงงาน รวมทั้งมีประชากรคับคั่ง โดยที่เครื่องปรับอากาศอย่างนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยทำให้สิ้นเปลืองพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ ชนิดต่อมาเป็นชนิดแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยประเภทนี้จะคือเครื่องปรับอากาศ 4 ทิศทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บรูปทรงความสวยงามของห้องได้อย่างดี ตัดทอนข้อจำกัดในการติด โดยเหมาะสมสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ในบ้านเรียบร้อยอย่างเดิม แต่ว่าแอร์ชนิดนี้มักมีมูลค่ามักแพงกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ และชนิดท้ายที่สุดคือแอร์เคลื่อนที่ โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้จะไม่ซับซ้อนคล้ายกับประเภทที่แล้ว ก็เพราะว่าแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยเครื่องปรับอากาศกลุ่มนี้ใช้งานได้แบบเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ว่าไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่จำเป็นต้องติดกับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับคนที่อยู่หอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ทำนุบำรุงก็สะดวกมาก เหมือนแอร์ธรรมดาเลย ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็ควรจะตัดสินใจสัดส่วนเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับขนาดห้อง เพราะถ้าทราบพื้นที่ห้องเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะสะดวกกับการเลือกซื้อขนาดของแอร์และการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะกับการทำงานและช่วย ลดการใช้ไฟฟ้า เพราะหลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า BTU คืออะไร โดยมันก็คือ ขนาดสร้างความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU จึงมีความสำคัญ ก็เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังกับอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็จะทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ศักยภาพข้างในลดลง และยังมีผลให้ให้มีความชื้นข้างในห้องมาก อาจทำให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย หรือหากซื้อแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ถูกใช้งานตลอดเวลารวมถึงหนักจนเกินไป ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้ ก็จะทำให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศพังได้ง่ายๆ รวมทั้งสิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน ถัดมาก็คือหลักง่ายๆ เลยที่ใครเห็น ก็น่าจะต้องทำให้ตัดสินใจซื้อแน่นอน ก็คือ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้สลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นคือ ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด โดยจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและประหยัดเงินได้นั้นเอง Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา
|