หัวข้อ: กล้องถ่ายรูป VS กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วคุณจะเล เริ่มหัวข้อโดย: mmhaloha ที่ ตุลาคม 24, 2018, 03:20:33 pm ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าจำขึ้นใจจนจำต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นรูปถ่าย และมันจักพิเศษขึ้นไปอีก ครั้นเมื่อข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้รวบรวมภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น “กล้องถ่ายภาพ” นั่นเอง ซึ่งในเวลานี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมกันมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นจะต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความกระจ่างไม่ได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่ที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายที่แตกต่างกันอยู่มากเลยเชียว
ตัวอย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องด้วยกล้องจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรวบรวมแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า สำหรับสมาร์ทโฟนสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าไรนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องสมาร์ทโฟนก็จะพบ Noise มากกว่าภาพจากกล้องทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพมือถือเล็กกว่ากล้องทั่วไป หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพเหนือกว่ากล้องจากโทรศัพท์มือถือ ถ้าหากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ คุณสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่แบรนด์มือถือที่จะมีคุณลักษณะนี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความเกี่ยวข้องของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะว่าในมือถือของเจ้าอาจจะมีทั้งรูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาจริงๆ หากเจ้าคิดว่าจะใช้กล้องมือถือถ่ายภาพเธอตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่ก็พาคู่ควงเที่ยวตะลอน Universal Studios ก็เพราะว่าเธอคงมิอยากมานั่งลบรูปถ่าย ลบเพลงโปรด หรือไม่ลิสหนังโด่งดังของท่านหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมกับเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าคุณได้ทั้งรูปที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน นั่นเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่าไฉนพวกเราถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายภาพมือถือไว้ก่อน และอาจจะหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าได้รู้จักกับกล้องถ่ายรูปตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดหลัก ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนหรือไม่ กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี จุดเด่นของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา ก็เพราะว่ากล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดความสะเทือนได้ถึง 4 Stop โดยถ้าหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงสว่างน้อย โดยที่คุณมิจำต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านมิเป็นตัวปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้จะถือด้วยมือ และมิได้มีวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน จะเห็นว่านี่แค่ประเด็นสำคัญเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือขาดลอยแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อีกเพียบเลยที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง อย่าง โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่เช่นกัน เพื่อภาพมีความน่าสนใจมากเพิ่มขึ้น และข้อเด่นอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาฉลุยมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า “กล้องมันหนัก” ไปได้เลย Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา
|