หัวข้อ: สุขภาพแข็งแรงสำคัญมากกว่าความมั่งมีอย่างแน่แท้มาดูแลสุขภาพกันเลยดีกว่า เริ่มหัวข้อโดย: Saiswatka ที่ ตุลาคม 29, 2018, 03:21:28 am สิ่งที่พวกเราควรตระหนักไว้เสมอว่า ร่ำรวยร่างกายแข็งแรงกว่ารวยเงิน ทั้งสุขภาพกายและก็สุขภาพที่เกี่ยวข้องทางจิตการบรรลุผลด้านการเงินจะไม่มีสาระอะไรเลยถ้าเกิดเสียสุขภาพไป แล้วก็บางโอกาสจำต้องนำเงินที่หามาได้จ่ายเป็นค่ารักษาจนถึงหมดคนบางคนพยายามคิดเงินมาตลอดชีพ แม้กระนั้นปลดปล่อยให้สุขภาพทรุดโทรม รวมทั้งพบว่าเงินทั้งปวงที่หามาไม่สามารถซื้อสุขภาพไว้ได้ก็เลยจำเป็นต้องเสียชีวิตไปอย่างเจ็บปวดรวดร้าวโดยธรรมดาถ้าได้รับพรดีเลิศ 3 ข้อให้อธิษฐานได้ตามความฝันสิ่งที่มนุษย์เรามักจะอธิษฐานกันก็คือขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตขอให้แต่งงานที่ดีแล้วก็ขอให้ร่ำรวยแต่ว่าถ้าเกิดมีพรให้เลือกอธิษฐานได้เพียงแค่ข้อเดียวสิ่งที่จำต้องเลือกเป็นลำดับที่หนึ่งเป็นการมีร่างกายที่แข็งแรง เพราะเหตุว่าหากมีโรครุมเร้า การจะมีคู่ที่ดีหรือมั่งมีแค่ไหนก็ไม่เป็นประโยชน์ ซ้ำยังเป็นภาระให้คู่แต่งงานหรือครอบครัวจำเป็นต้องมารอรักษาอีกสุขภาพที่แข็งแรง คือการบรรลุผลที่ประเมินมูลค่ามิได้ แม้กระนั้นหาได้น้อยมากที่ใครจะหันมาดูแลสุขภาพอย่างเป็นจริงเป็นจัง จนกว่าจะไม่สบายขึ้นมาจึงค่อยเริ่มรู้สึกแม้กระนั้นก็มักจะสายเกินความจำเป็นการบรรลุเป้าหมายในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านคู่แต่งงาน การศึกษางานการ การคลัง อื่นๆอีกมากมาย จะไร้คุณค่าอะไรเลยถ้าหากไม่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสามารถทำลายการบรรลุเป้าหมายทุกๆอย่างที่เคยมีมาไดภายในระยะเวลาอันรวดเร็วทันใจ
ความสำราญของยังอยู่ในโลกของโลกียะก็คือ ความสำราญที่ได้มาจากการเร่งเร้าประสาทสัมผัสนั่นเอง ทั้งยังรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส หรือนามธรรมทั้งหลายแหล่ที่เข้ามากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำให้เกิดสุขเวทนา กิเลส อุปาทานฉะนั้นเมื่อทวารใดทวารหนึ่งเสียหาย ความสบายที่ได้รับจากทวารนั้นจะหมดไปในทันที จะมีสาระอะไรถ้าหากมีเงินซื้อจอแอลซีดี (LCD) สามมิติราคาหลายแสนบาทแต่ตามองไม่เห็นจะเป็นประโยชน์อะไรกับการท่องเที่ยวต่างประเทศ ระหว่างที่ตนเองเดินไม่ได้ จะมีสาระอะไรกับการแต่งงานที่อบอุ่น ถ้าตนเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน สุขภาพที่ดี คือการบรรลุผลที่สำคัญที่สุดคนร่างกายแข็งแรงจะมองชื่นบาน ใบหน้าแจ่มใส มีพลังกายกำลังใจสูง ซึ่งจะส่งผลทางอ้อมไปสู่ความสำเร็จด้านอื่น ๆ อีกด้วยมนุษย์เรามักไม่ค่อยทราบว่า สิ่งที่ตัวเราเองถือครองอยู่มีค่าเยอะแค่ไหนจวบจนกระทั่งจะสูญเสียมันไป สุขภาพเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต แต่ว่าบางคนไม่เคยบำรุงแล้วก็ดูแลรักษาเลย กระทั่งเมื่อป่วยขึ้นมาจึงค่อยตระหนัก แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็ยากเกินที่จะแก้ไขหรือแม้จะเยียวยารักษาได้ ก็จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายไปจำนวนมากครั้งคราวบางทีอาจเป็นเงินเก็บชั่วชีวิตเลยก็ได้ ถึงแม้โรคภัยไข้เจ็บบางชนิดจะมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมียีนแฝงที่ก่อให้เกิดโรคซ่อนอยู่ (Initiator Gene) แต่ว่ายีนนี้จะไม่ทำงาน ถ้าหากปราศจากการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม (Promoter) ดังเช่น มียีนโรคมะเร็งปอดแฝงอยู่ แต่ว่าถ้าหากใช้ชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะไม่สูบบุหรี่ มานะเลี่ยงควันพิษ ไอระเหยต่าง ๆ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ยีนมะเร็งที่มีอยู่ก็จะฝ่อไปท้ายที่สุด ไม่สามารถที่จะแสดงผลได้ โรคส่วนใหญ่มิได้มีผลมาจากกรรมพันธุ์อีกทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งแวดล้อมก็เป็นสาเหตุก่อโรคได้เช่นกัน หากรู้สึกตัวว่ามีการเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่ง อย่างเช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต ตับ หรือแม้กระทั้งโรคประสาท เนื่องจากว่ามีประวัติคนภายในครอบครัวเจ็บป่วยก็จำต้องเฝ้าระวัง อุตสาหะศึกษาเล่าเรียนหาข้อมูลการกระทำตน เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรค มีโรคประจำตัวที่เลี่ยงมิได้ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นค่อยได้เรื่องจริงแล้วธรรมชาติสร้างอวัยวะให้เราไว้อย่างอดทนมากมาย ยก อาทิเช่น “ฟัน” สามารถบดเคี้ยวได้ตรงเวลา 70 ปีโดยที่จะเกิดการสึกเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ถ้าหากนำเหล็กขนาดเท่ากับฟันมาสีกัน น่าไว้วางใจว่าไม่เกิน 2 ปีเหล็กนั้นจะกุดจนหมดไป แต่ทุกๆวันนี้ก็มีผู้ที่ฟันผุ ฟันเสียกันจำนวนมาก ไม่ใช่เนื่องจากว่าธรรมชาติวางแบบมาไม่ดี แต่เนื่องจากผู้ที่ใช้ไม่เอาใจใส่รักษา เช่นเดียวกับอวัยวะอื่น ๆ หัวใจ ไต ตับ ปอด หรือแม้แต่เส้นเลือด ถือได้ว่าประติมากรรมลำดับสูงสุดของธรรมชาติที่สร้างมาให้ใช้งานได้ขั้นต่ำ 100 ปี แม้กระนั้นด้วยการดำรงชีวิตอย่างประมาท ทำให้อายุขัยของอวัยวะสั้นลง อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ทันทีทันใดกะทันหันคืออุบัติเหตุแม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงเพียงใดแต่เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะมีปัญหาด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในทันที แล้วก็บางโอกาสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ เป็นพระราชโอรสนิทรา เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ การดำรงชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะจะช่วยคุ้มครองได้ พากเพียรหมั่นฝึกฝนก้าวหน้าสติอยู่เป็นประจำ ๆ อุบัติเหตุต่าง ๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากกรรมเก่า มนุษย์เราสามารถเอาชนะกรรมได้ด้วยสติ ตามที่หลวงพ่อชาเคยกล่าวไว้ว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฎแห่งกรรมยังมีวิปัสสนากรรมฐาน”ตามแนวคิดของ อับราฮัม มาสโลว์ ปรมาจารย์ทางด้านจิตวิทยาบอกไว้ว่า มนุษย์จะมีความต้องการทางด้านร่างกายเป็นลำดับแรก ได้แก่ ของกิน ยารักษาโรค การหายใจ การขับถ่ายการนอน ฯลฯ ตราบใดที่ความจำเป็นในระดับที่ค่อนข้างต่ำสุดนี้ยังมิได้รับการโต้ตอบ จะไม่มีความใฝ่ฝันไปถึงความมุ่งหมายในระดับที่สูงขึ้น และแม้ว่าจะประสบผลสำเร็จในชีวิตเพียงใด ถ้าหากความจำเป็นพื้นฐานนี้ไม่ได้รับการตอบสนองก็จะกล่าวโทษสุขมิได้ อาทิเช่น มาริลีน มอนโร, เอลวิส เพรสลีย์, ไมเคิล แจ็กสัน อื่นๆอีกมากมาย ที่ล้วนเสียชีวิตด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด จะเห็นได้ว่า แม้กระทั้งสิ่งที่มีความต้องการขั้นพื้นฐานอย่างการนอนให้หลับยังทำไม่ได้ การร่ำรวยเป็นพันล้านแต่มีปัญหาสุขภาพไม่ว่ากายหรือดวงใจ ท้ายที่สุดเงินที่มีก็ซื้อความสำราญมิได้ ความสำราญที่แท้จริงมาจากสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งคำว่า “สุขภาพ” แปลตรงตัวก็ได้ความหมายว่า สภาพที่สุข เมื่ออายุมากขึ้นจะรู้ว่าสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงมีค่ามากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด แม้มีชีวิตที่ไม่ได้มีเงินมีทองอะไร แต่ว่ามีสุขภาพแข็งแรงก็จะเป็นสุข การดำรงชีวิตของคนเราในตอนนี้ ถ้าหากเทียบแล้ว สะดวกแล้วก็ดียิ่งกว่าฮ่องเต้ในสมัยก่อนด้วย ยุคนั้นไม่มีห้องน้ำแบบบ้านในปัจจุบัน ต้องใช้กระโถน ไม่มีระบบท่อ พัดลม แอร์ ทีวี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ยารักษาโรคยิ่งไม่ต้องเอ๋ยถึง มีแต่สมุนไพรซึ่งได้ผลการรักษาไม่แน่นอนซึ่งผู้ที่ตรากตรำที่สุดในโลกเดี๋ยวนี้ก็ยังสามารถเข้าถึงยารักษาโรคที่มีคุณภาพได้มากกว่าใครๆก็อยากมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อายุยืนยาว แล้วก็ดูอ่อนกว่าวัย จึงคัดสรรกลวิธีสำหรับในการชะลอวัย รวมทั้งเสริมความแข็งแรงด้วยวิธีต่างๆนานา เวลาที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจตั้งข้อสงสัยว่า ที่พวกเรารับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมเข้าไปมหาศาลนั้น โดยความเป็นจริงแล้วเราได้รับวิตามินมากเกินความจำเป็น หรือวิตามินนั้นไปเสริมส่วนที่ขาดจริงหรือไม่ขอทําความเข้าใจก่อนว่า ความชื่นชอบในการรับประทานวิตามินเริ่มขึ้นในยุโรปรวมทั้งอเมริกา เพราะว่าผู้คนมีการกระทำการกินของกินที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพ กระทั่งมีคนป่วยล้นหลาม จึงเท่ากับเปิดช่องทางให้บริษัทอาหารเสริมทั้งหลายใช้ข้อบกพร่องนี้เป็นกลยุทธ์ตลาด โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไข้โดยตรง และในที่สุดก็เลยขยายมาสู่กลุ่มของผู้คนธรรมดาทั่วไป โดยอ้างถึงว่าจำต้องได้รับอาหารเสริมเพียงแค่นั้นเท่านี้เพื่อร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่กล่าวว่ามูลเหตุของวิตามินพวกนั้นมาจากการกินอาหารอะไรบ้าง เมื่อหลายปีก่อนคุณอาจจะเคยรับรู้ข่าวกระเทือนวงการอาหารเสริมในสหรัฐอเมริกามากมายก่ายกอง เมื่อนักกีฬาซีอดังเสียชีวิตไม่ทราบต้นเหตุขณะฝึก ซึ่งเขาแก่เพียงแค่ 23 ปีแค่นั้น รวมทั้งเจออาหารเสริมประเภทหนึ่งที่มีส่วนผสมของ Ephedro อยู่ในล็อกเกอร์ของเขา จึงทําให้องค์การอาหารและก็ยา ทวนการใช้อาหารเสริมดังกล่าวเพราะฉะนั้น ถ้าคุณต้องการกินอาหารเสริมก็อย่าได้เชื่อเพียงแต่คำโฆษณาถึงประโยชน์อันเยอะแยะ ควรควรระวังผลเสียด้วย เพราะว่าหากรับประทานมากและก็รับประทานติดต่อนานเกินความจำเป็น อาจมีอันตรายได้ ยกตัวอย่างการกินวิตามินบี 6 แต่ละวันเกินวันละ 10 มก. อาจทําให้สูญเสียความรู้สึกที่มือรวมทั้งเท้าได้ หรือกินสารเบต้าแคโรที่มีขนาดสูง โดยรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็บางทีอาจกระตุ้นโรคมะเร็งในผู้สูบบุหรี่ได้แบบเดียวกัน อย่างที่พวกเราเข้าใจกันดีว่าถ้าเกิดรับประทานอาหารให้หลากหลาย จะพบว่าการขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก แล้วก็เกือบจะไม่มีความจําเป็นสำหรับเพื่อการรับประทานอาหารเสริมเลย ในขณะที่กลุ่มชนที่ขาดสารอาหาร มักกำเนิดในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากไม่สามารถเลือกทานอาหารได้ครบบริบรูณ์ หรือบางรายก็กินอาหารเดิมๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจานด่วนทั้งหลายแหล่ มาถึงตรงนี้หลายท่านอาจคิดสงสัยว่า แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของพวกเราควรจะได้รับวิตามินใดบ้าง ง่ายสุดเลยก็ต้องพิเคราะห์จากของกินที่เราเลือกรับประทาน ควรกินให้มากมาย รวมทั้งผักสดแล้วก็ผลไม้ (แนวทางง่ายๆรับประทานให้ครบ 5 สี) แม้กระนั้นถ้าไม่สามารถที่จะเลือกได้ ก็ให้เลือกกินวิตามินที่ไม่สะสมภายในร่างกาย ด้วยเหตุว่าหากเกินความต้องการจะสามารถขับทิ้งได้ ได้แก่ วิตามิน B แล้วก็ C แต่วิตามินที่กินแล้วสะสมได้ก็คือวิตามิน A, D, E, K ค่ะ สำหรับผู้ที่กินวิตามินเป็นประจํา อย่าลืมลองพินิจจำนวนที่ควรรับประทานต่อวันด้วย อาทิเช่น วิตามินซีในปริมาณ 500-1,000 มก.ต่อวัน เป็นขนาดพอเหมาะพอควรที่ร่างกายควรได้รับในทุกวัน หรือแคลเซียม 2000 มก.ต่อวัน เหมาะสมสําหรับสตรีวัยหมดประจําเดือน ด้วยเหตุว่าช่วยปกป้องกระดูกพรุนได้ หรือสาวขึ้นมาอีกนิดรวมทั้งกําลังท้อง ชี้แนะว่าให้กิน 1,500 มิลลิกรัมกำลังพอดีจ้ะ ส่วนธาตุเหล็กนั้น โดยธรรมดาในคนปกติควรได้รับ วันละ 8-15 มิลลิกรัม ส่วนคนป่วยโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็ก ควรจะได้รับวันละ 50-100 มิลลิกรัมจ้ะ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : วิธีสุขภาพดี ขอบคุณบทความจาก : https://thaihealth108.wixsite.com/mysite Tags : สุขภาพ บทความ,บทความน่ารู้,กิจกรรมที่ทำให้สุขภาพดี
|