ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Chaiworn998 ที่ ตุลาคม 30, 2018, 06:15:52 am



หัวข้อ: wartscaring จำแนกชี้แนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีป้องกันวิธีรักษา ยารักษาหายได้
เริ่มหัวข้อโดย: Chaiworn998 ที่ ตุลาคม 30, 2018, 06:15:52 am
wartscaring แนะนำรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีป้องกันวิธีรักษา ยารักษาหายได้ เชื่อคำแนะนำแพทย์
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูด โรคหูดหงอนไก่ ลดความเสี่ยง รักษาหายทันท่วงที, ยารักษาหูดหงอนไก่ โรคนี้ส่วนใหญ่มาจากเพศสัมพันธ์
วิตามินที่จำเป็นจะต้องสำหรับโรคหูดหงอนไก่
Update ก.ย. 2560
สวัสดีขอรับ ในบทความก่อนๆได้แนะนำในเรื่องของตัวยารักษาโรคหูดหงอนไก่กันไปแล้ว แต่ว่าก็ยังมีปัญหาสำหรับผู้คนจำนวนมากเกี่ยวกับความประพฤติปฏิบัติการทำงานที่ไม่เอื้อต่อการดูแลและรักษาและสร้างเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับการต้านโรคนี้ บางบุคคลหายแม้กระนั้นก็กลับไปติดเชื้อใหม่ได้ง่าย และบางคนใช้เวลาในการรักษานานนับเดือนถึงหลายๆเดือนเพราะสถานการณ์ร่างกายมิได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สภาวะเครียด ตัวยาก็เลยปฏิบัติภารกิจได้ไม่เต็มความสามารถ บางบุคคลที่ไปพบแพทย์บางทีก็อาจจะได้ยามากินเพิ่มซึ่งก็คืิอตัวยาที่ช่วยเกี่ยวกับภาวะเหล่านี้นั่นเองนะครับ ส่วนตัวยารักษาโรคนี้โดนตรงจะเป็นยาประเภททานะครับไม่ใช่ยารับประทาน ผมจึงแนะนำว่าถ้าเกิดให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและก็มีประสิทธิภาพจึงต้องควรทานวิตามินเสริมแล้วก็ออกกำลังกายพร้อมกันไปด้วยรวมถึงการพักผ่อนครับผม
ส่วนนี้จะมาแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้ยาใช้ภายนอกอยู่ไม่ว่าจะจำพวกใดก็ตาม สามารถหาซื้อวิตามินรวมบำรุงร่างกายเหล่านี้จะมีขายตามร้านขายยาใหญ่ๆครับผม ราคาบางทีก็อาจจะสูงหน่อยแต่ว่าผลดีที่ได้เห็นชัดครับผม
1 ฟาร์มาตอม
2 เซนทรัม
3. กางล็คมอร์ มัลติวิตามิน
ตัวยาพวกนี้ให้เลือกทานเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้นครับผม ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทานตลอด แต่ว่าช่วงที่เป็นโรคหูดหรือกำลังรักษาเป็นช่วงที่สถานการณ์ร่างกายมีปัญหาภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตนเองอย่างเต็มที่ สามารถทานควบคู่กับยาใช้ภายนอกจนกว่าหูดหงอนไก่จะหลุดออกและก็หายสนิทครับผม
 
หูดหงอนไก่จำแนกแยกแยะเป็นระยะ 4 ระยะดังต่อไปนี้
1.ระยะฟักเชื้อ(HPV) ระยะนี้จะเป็นช่วงๆที่ได้รับเชื้อมาใหม่ๆแต่ว่ายังไม่ออกอาการเป็นติ่งให้เห็น จะไม่สามารถทราบได้ว่าจะเป็นหูดหงอนไก่รึเปล่า หูดหงอนไก่สามารถฟักเชื้อได้นานถึง 6 เดือน จึงเสนอแนะถ้าหากผู้ใดสงสัยว่าอยู่ในสภาวะเสี่ยงควรจะไปตรวจที่ โรงพยาบาล
2.ระยะแรกเริ่ม จะเริ่มมีตุ่มเล็กๆผุดขึ้นมารอบๆอวัยวะสืบพันธุ์ โคน ปลาย รวมทั้งรอบรูทวาร เม็ดหูดระยะแรกจะเล็กมากคล้ายผื่นแต่ว่าจะไม่มีหนอง หรือคัน หรือแสบอะไรก็แล้วแต่ ช่วงสัปดาห์แรกแม้ใครสังเกตุว่าเป็น จะสามารถรักษาโดยใช้ครีมกระตุ้นภูมิต้านทานต้านทานเชื้อชื่อ aldara cream (จะลงข้อมูลตัวยาด้านล่างครับผม)
3.ระยะขยายตัว ตอนนี้จะอยู่ที่ 3 อาทิตย์ ขึ้นไปจนกระทั่งขั้นเป็นมาแล้วนับเป็นเวลาหลายเดือน เม็ดหูดจะเริ่มขึ้นเป็นติ่งแจ่มกระจ่างจนกระทั่งขนาดเท่าหรือใหญ่มากยิ่งกว่าหัวไม้ขีดไฟ หรือหัวเข็มหมุด การดูแลรักษาจำเป็นต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ผลัดผิวหูดให้เปื่อยแล้วก็เบาๆหลุดออก รวมทั้งเมื่อหูดเริ่มลอกก็ควรทายาฆ่าเชื้อพร้อมกันไปด้วยเพื่อคุ้มครองการเกิดซ้ำ บางทีก็อาจจะไม่ 100% แต่ลดการเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำได้มากครับ (ยารักษาก็จะเป็น wart control )
4.ระยะแพร่กระจาย ระยะนี้คือหูดจะขยายตัวเต็มที่ด้วยเหตุว่าปล่อยไว้นานมากแล้วก็ปลายหูดจะแตกเป็นราวกับดอกกระหล่ำ แลละกินบริเวณรอบอีกทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ ในผู้ชายอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการเสี่ยงในการที่หูดไปขัดปลายท่อเยี่ยวครับ การดูแลและรักษาจะเป็นการจักจี้กระแสไฟฟ้า หรือผ่าตัดเล็กนั่นเองนะครับ
เบื่องต้นเลยถ้าเกิดใครต้องการรักษาโดยการจี้กระแสไฟฟ้า จี้ไนโตรเจนเหลว หรือการผ่าตัดกรณีที่เป็นมากแล้วขยายไปทั่วแต่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับสถานที่การรักษา การเข้าไปติดต่อที่ รพ.ต่างๆรวมทั้งการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากสวัสดิการต่างๆที่ท่านมีอยู่ ทดลองโทรมาหารือผมได้ครับผม ยินดีให้คำปรึกษา โรงพยาบาลใกล้บ้านท่านโดยเฉพาะ กทม เพื่อการเข้ารับการดูแลและรักษาที่สบายที่สุดครับผม
ถุงยางอนามัย ช่วยได้แน่ หากใช้ถูกวิธี
อย่างไรก็แล้วแต่ ถุงยางอนามัยยังช่วยคุ้มครองป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี เพียงต้องใช้ให้ถูกวิธี
ควรที่จะทำการเลือกขนาดของถุงยางอนามัยให้เหมาะกับขนาดของอวัยวะเพศของคุณสุภาพบุรุษ ถ้ายังไม่มั่นใจว่าต้องใช้ขนาดไหน ให้ทดลองซื้อมาให้หลายๆขนาด แล้วพิจารณาความแน่นในการสวม
ไม่ควรสวมถุงยางเกิน 2 ชิ้นต่อการใช้ 1 ครั้ง เนื่องจากอาจจะก่อให้ถุงยางเสียดสีกันกระทั่งขาดได้ง่าย
ควรที่จะใช้ถุงยาง 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ให้เสร็จให้ทิ้งเลย ห้ามเก็บมาใช้ต่อ
สามารถใช้สารหล่อลื่นทาฉาบด้านนอกถุงยางอนามัย เพื่อให้การสอดเป็นได้โดยง่ายมากเพิ่มขึ้น แต่ว่าควรเลือกใช้ชนิดเจล ไม่ควรเลือกใช้แบบเป็นน้ำมัน เพราะเหตุว่าบางทีอาจททำให้ถุงยางชำรุดทรุดโทรม หรือฉีกขาดได้
ควรจะรูดอากาศออกมาจากกระเปาะของถุงยางอนามัยให้หมดก่อนสวม เพราะอากาศภายในถุงยางอนามัยอาจจะก่อให้ถุงยางแตก หรือขาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
ข้างหลังทำกิจกรรมเสร็จเรียบร้อย ข้างชายควรจะถอนอวัยวะสืบพันธุ์ออกมาก่อนที่อวัยวะสืบพันธุ์จะอ่อนตัว คุ้มครองปกป้องถุงยางหลุดเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง
กามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาการทางผิวหนังอะไรบ้างที่เข้าข่ายต้องสงสัย ว่าเกิดขึ้นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ หาคำตอบเหมาะนี่ค่ะ
1.หูดหงอนไก่
ติ่งเนื้องอกของผิวหนัง ที่เกิดขึ้นมาจาก Human PApilloma Virus ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมจำพวก
ไม่เฉพาะแต่เกิดได้ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ยังกำเนิดเหมาะรอบๆลิ้น ในลำคอ
2. โรคหนองใน
โรคหนองในมีเหตุที่เกิดจากการต่อว่าดเชื้อแบคทีเรีย โกโนเรีย
อาการในผู้ชายคือมีหนองออกมาจากปลายของลับ
ส่วนในเพศหญิงจะมีตกขาวขุ่น ปากมดลูกอักเสบ
3. เริมที่อวัยวะสืบพันธุ์
อาการจะเป็นกรุ๊ปของตุ่มน้ำ แตกออกเป็นแผลแสบ
4. แผลที่อวัยวะสืบพันธุ์จาก ซิฟิลิส
แผลที่ของลับจะเกิดขึ้นในสามสัปดาห์หลังติดโรค
5. ผมร่วงจากโรคซิฟิลิส
มีต้นเหตุที่เกิดจากซิฟิลิสระยะลำดับที่สองคือภายในสองเดือนแรกหลังติดเชื้อโรค
ลักษณะผมตกเป็นหย่อมเหมือนมอดเล็ม
6. ผื่นที่มือจากซิฟิลิส
เจอในซิฟิลิส ระยะที่สองเหมือนกัน
โดยจะเป็นผื่นสีทองแดงมีสะเก็ด ที่มือเท้า
7.หูดข้าวสุก
เป็นตุ่มขาวขุ่นมีรอยบุ๋มตรงกลางเหมือนสะดือ
8.กามโรค
ข้างหลังมีความเสี่ยง ไม่เกินสองอาทิตย์
จะเกิดตุ่ม แตกเป็นแผลตูดแผลสกปรก
9.โรคฝีมะม่วง
มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
กำเนิดเป็นฝีที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
10 หูดที่ลิ้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเกิดอาการที่โพรงปากได้ในกรณีติดต่อจากแนวทางการทำ oral sex
โรคอะไรบ้างสามารถติดต่อได้ทางเพศ
-โรคภูมิคุมกันบกพร่อง ทำให้ภูมิต้านทานบกพร่องติดเชื้อโรคชุบมือเปิบ
-โรคหนองใน ผลกระทบได้แก่ติดเชื้อโรคในอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ติดเชื้อโรคกระจัดกระจายทั่วร่างกายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อห่อหัวใจอักเสบได้
-โรคหนองในเทียม เกิดการติดเชื้อที่อุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามมาได้
-โรคซิฟิลิส กำเนิดแผลที่ของลับ หากมิได้รับการรักษาระยะในที่สุดกระตุ้นให้เกิดโรคที่ศีรษะใจ ระบบประสาทได้
-แผลริมอ่อน เกิดเป็นแผล ก้อนหนอง แผล ท่อฉี่ลีบได้ เพื่อดูรูป
-โรคฝีมะม่วง เกิดเป็นแผลติดเชื้อโรค แผ่ขยายมีหนองหนองอาจแตกออกเป็นท่อ ระบายหนองออกสู่ด้านนอก
-เริม เป็นแผลที่อวัยวะเพศเป็นๆหายๆไม่มีการดูแลและรักษาที่หายขาด
-พยาธิช่องคลอด มีตกขาวแตกต่างจากปกติ ท่อเยี่ยวอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ
-ติดเชื้อโรคแบคทีเรียในช่องคลอด ตกขาวมีสีแล้วก็กลิ่นไม่ปกติ
-โลน เป็นตุ่มคันจากตัวโลนรอบๆอวัยวะสืบพันธุ์
-หูดหงอนไก่ เกิดเป็นก้อนหูดซึ่งหลังการดูแลและรักษายังสามารถกลับกลายได้บ่อย เพิ่มจังหวะการเกิดมะเร็งทวารหนัก โรคมะเร็งปากมดลูก
-หูดข้าวสุก กำเนิดเม็ดก้อนหูดข้าวสวยบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อโรค สามารถแพร่ขยายในตนเองได้โดยการเกา
 
 วิธีเบื้องต้น สำหรับการรักษาหูดด้วยตัวเอง สามารถทำได้เองที่บ้าน (เป็นวิธีการที่ยังไม่ได้รับการรับรอง)

  • การกระตุ้นแอนติบอดี ด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งเช็ดรอบๆที่เป็นหูดกระทั่งรู้สึกชา ต่อจากนั้นให้ใช้เข็มฆ่าเชื้อโรคจิ้มลงไปในหูดลึกๆหลายๆครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการนำเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อให้ร่างกายบากบั่นต่อสู้กับมัน ทำให้หูดหายไปได้สุดท้าย แนวทางนี้การนี้บางทีอาจได้ผลลัพธ์ที่ดีมากสำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีหูดจำนวนไม่ใช่น้อย เนื่องจากการจิ้มหูดเพียงแค่ 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยให้ร่างกายเจอหูดตุ่มอื่นๆและก็ตรงเข้าไปทำลายได้ในทันที
  • ทาวิตามินซี ให้ใช้วิตามินซี 1 เม็ดเอามาบดแล้วหยดน้ำลงไปเพื่อได้เป็นยาป้ายข้นๆแล้วให้ป้ายยาลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ภายในกลางวัน และก็เมื่อถึงในช่วงเวลาค่ำคืนให้แกะออกเพื่อให้ผิวได้หายใจ
  • แอสไพริน ให้ใช้ยาแอสไพริน 2-3 เม็ดนำมาบดอย่างระมัดระวัง หยดน้ำลงไปน้อย แล้วนำยาที่ได้มาป้ายลงบนหูด หลังจากนั้นให้นำปลาสเตอร์จำพวกติดแน่นมาปิดทับทิ้งไว้ 1 คืน (ในยาแอสไพรินจะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกัดหูดได้)
  • เบตาดีน ให้ทาเบตาดีนลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วต่อจากนั้นแล้วก็ค่อยแปลงปลาสเตอร์ยา
  • ยาสีฟัน ให้ป้ายยาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่น ทิ้งเอาไว้ราว 1 คืน โดยให้ทำซ้ำไปเรื่อยๆกระทั่งหูดหายไป
  • น้ำมันวิตามินอี ให้ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วเช็ดน้ำมันลงบนหูดเพียงนิดหน่อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ในตอนเช้า และแกะออกในช่วงกลางคืนเพื่อผิวได้หายใจ
  • น้ำมันละหุ่ง ให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้านวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกรดในน้ำมันละหุ่งจะสามารถกัดกร่อนหูดได้ รวมทั้งใช้ได้ผลในด้านดีกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนบริเวณใบหน้าหรือหลังมือ
    ทีทรีออยล์ ให้ทาคราวทรีออยล์ลงบนหูดในปริมาณเล็กน้อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ โดยให้ทำขั้นต่ำตรงเวลา 3 อาทิตย์
  • น้ำมะนาว ให้บีบน้ำมะนาวลงบนหูด แล้วนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ให้ทำแบบนี้ราวๆ 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกันตรงเวลา 2-3 อาทิตย์
  • เปลือกของพืชเชื้อสายส้ม ให้ปอกมะนาวหรือเลมอนบางๆจนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดนิดหน่อย แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้ปลาสเตอร์จำพวกติดแน่นหรือเทปกาวติดไว้อีกครั้ง แล้วให้เปลี่ยนเปลือกใหม่ทุกวี่วัน ต่อไปราว 1 สัปดาห์ หูดก็จะหลุดออกมา
    แคร์คอยต ให้นำสนใจคอยตมาหั่นเป็นชิ้นๆขูดห่วงใยรอคอยตจนได้เนื้อละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย จากนั้นเอามาทาลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 30 นาที โดยให้ทำเช่นนี้ติดต่อกันตรงเวลา 2-3 อาทิตย์
  • มะเดื่อ ให้นำมะเดื่อมาบดแล้วป้ายลงบนหูดทิ้งเอาไว้ราว 30 นาที โดยให้ทำเช่นนี้ทุกวี่วัน ตรงเวลา 2-3 สัปดาห์
  • ใบโหระพา ให้ใช้ใบโหระพาสดเอามาบดแล้วปิดทับลงบนหูด โดยใช้เทปปิดแผลประเภทกันน้ำพันเอาไว้ ให้ทำแบบนี้ทุกๆวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วสารทำลายเชื้อไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดให้คุณเอง
  • เปลือกกล้วย ให้ใช้ด้านในของเปลือกกล้วยถูรอบๆที่เป็นหูดเป็นประจำ เพราะว่าโพแทสเซียมในกล้วยบางทีอาจช่วยทำให้หูดหายได้เร็วเพิ่มขึ้น หรืออีกแนวทางหนึ่งบางทีอาจนำเปลือกกล้วยมาตัดให้มีขนาดเล็กกว่าเทป เอาภายในของเปลือกกล้วยปิดทับลงบนหูด และหลังจากนั้นก็ค่อยนำเทปผ้ามาปิด ปล่อยทิ้งไว้ตรงเวลา 1 วัน โดยให้ทำเช่นนี้ทุกวี่วันจนกว่าหูดจะหายไป
  • เบกกิ้งโซดา ให้ผสมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาแล้วก็น้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันกระทั่งเป็นเนื้อครีม แล้วหลังจากนั้นให้นำมาทาลงบนหูดในกลางคืนโดยใช้ปลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ แล้วจึงแกะปลาสเตอร์ออกในเช้าตรู่วันถัดไป แนวทางแบบนี้สามารถทำใหม่ได้เรื่อยตามสมควร
  • แอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ (Apple Cider Vinegar – ACV) ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล แล้วนำสำลีก้อนขนาดพอให้ปิดหูดได้จุ่มลงน้ำส้มสายยก แล้วต่อจากนั้นให้ปิดด้วยปลาสเตอร์ยาทิ้งเอาไว้ 1 คืน โปรดจำไว้ว่า แนวทางนี้อาจจะก่อให้รู้สึกแสบได้ จำต้องเปลี่ยนแปลงสำลีวันแล้ววันเล่า แล้วก็แปะไว้ทุกคืน จากนั้นหนึ่งอาทิตย์เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก
  • จุ่มหูดลงไปในน้ำสับปะรด เพราะว่าในน้ำสับปะรดจะมีเอนไซม์ที่ช่วยละลายหูดได้
  • น้ำเลี้ยงจากต้นดินแดนดิไลออน (Dandelion) ให้เลือกต้นแดนดิไลออนสดๆมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็น 2 ท่อนแล้วก็ใช้น้ำหล่อเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านทาลงบนหูด โดยให้ทำเช่นนี้วันละ 3-4 ครั้ง แล้วให้ใช้หินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก โดยให้ทำอย่างสม่ำเสมอจนถึงหูดหายไป
  • น้ำร้อน เป็นแนวทางเบื้องต้นโดยการจุ่มบริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำที่ร้อนมากๆซึ่งความร้อนจะก่อให้หูดนุ่มขึ้นและก็อาจช่วยฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัสได้ แม้กระนั้นควรจะระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินจนลวกเท้า (แนะนำว่าอุณหภูมิของน้ำควรน้อยกว่า 60 องศาเซลเซียส)
  • น้ำร้อนรวมทั้งหินภูเขาไฟ ให้แช่หูดลงในน้ำร้อนจนกว่าหูดเริ่มนิ่ม แล้วใช้หินภูเขาไฟหยาบสำหรับผลัดเซลล์ผิวขัดรอบๆหูดตราบจนกระทั่งพบชั้นผิวจริง จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกขาวแล้วนำมาแตะบนหัวหูดราวๆ 15 นาที (บางทีอาจแสบบ้างเล็กน้อย) เสร็จแล้วให้ล้างออกโดยการใช้นำที่สะอาด
  • น้ำร้อนแล้วก็เกลือทะเล ให้แช่บริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำเกลืออุ่นๆตรงเวลา 10-15 นาที เพื่อให้หูดนุ่มขึ้น แล้วให้ขูดเอาชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกไปโดยใช้ตะไบเล็บหรือหินภูเขาไฟ ก็เลยนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาถู แปะปลาสเตอร์ยาหรือเทปทับลงไปเพื่อเม็ดเกลือยังอยู่กับที่ และก็รอเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยาใหม่หลังจากอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อหูด
  • ทานอาหารที่ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทาน ได้แก่ กระเทียม มันเทศ เมล็ดทานตะวัน ขนมปังโฮลเกรน ข้าว อื่นๆอีกมากมาย
  • กินกระเทียมชนิดแคปซูล โดยให้กินวันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องกันยาวนานหลายสัปดาห์ แล้วหูดจะเริ่มหลุดออกในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แต่ให้ทานต่อไปโดยตลอดจนกว่าหูดจะหายหมด และให้นำน้ำมันกระเทียมมาทาทับรอบๆที่เป็นหูดราว 1-2 ครั้งต่อวัน ตรงเวลา 1 เดือน
ผลข้างเคียงของโรคหูดหงอนไก่

  • นอกจากรูปแบบของรอยโรคที่ไม่น่ามองแล้ว สำหรับการติดโรคไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง ยกตัวอย่างเช่น สายพันธุ์ 16, 18 ยังอาจก่อให้กำเนิดโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์แล้วก็โรคมะเร็งทวารหนักได้ด้วย ส่วนผลกระทบอื่นๆก็ขึ้นกับตำแหน่งของรอยโรค ดังเช่น อาจมีเลือดออกหลังมีเซ็กส์ ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการมีหูดข้างในปากมดลูก
  • ในหญิงมีครรภ์ หูดหงอนไก่อาจโตขึ้นจนกระทั่งขวางทางคลอดจนกระทั่งทำให้เด็กคลอดออกมาตรากตรำ หรือเชื้อบางทีอาจเข้าไปในปากหรือคอของเด็กในขณะคลอด ก่อให้เกิดหูดในกล่องเสียงซึ่งมีลักษณะอาการแตกต่างกันไป ตั้งแต่เสียงแหบไปจนกระทั่งมีการอุดกั้นของกล่องเสียง ทำให้เด็กออกเสียงหรือหายใจมิได้
  • ในกลุ่มชายรักชายจะเจอหูดหงอนไก่รอบทวารหนักหรือในทวารหนักได้มากกว่าคนทั่วๆไป ซึ่งการรักษาในตำแหน่งดังที่กล่าวมาแล้วจะทำเป็นยากมาก เนื่องจากไม่ว่าจะใช้ยาหรือใช้กรรมวิธีผ่าตัด หูดหงอนไก่ก็ชอบเกิดซ้ำได้บ่อย การได้รับการรักษาบ่อยมากจึงอาจจะเป็นผลให้กำเนิดทวารหนักตีบและก็มีปัญหาสำหรับเพื่อการถ่ายตามมาได้ ส่วนก้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักอาจโตมากจนทำให้คนไข้มีอาการท้องผูก ในบางครั้งอาจมีเลือดออกหรือบิดขั้วจนต้องผ่าตัดรีบด่วนหรือต้องสูดดมยาสลบ นอกนั้นยังมักพบการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 ร่วมด้วยอยู่บ่อยๆซึ่งจะสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งทวารหนักได้
  • เกิดหูดหงอนไก่พื้นที่เดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis – RRP)หมายถึงตั้งแต่โพรงจมูกลงไปจนถึงถุงลมในปอด พบได้ทั่วไปได้มากที่สุดที่กล่องเสียง ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะเสียงแหบหรือเกิดการอุดกั้นทางเท้าหายใจจนเสียชีวิตได้ ในเด็กมักเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการต่อว่าดเชื้อจากแม่ในระหว่างการคลอดจากที่กล่าวมา ส่วนในคนแก่พบได้ทั่วไปว่ามีต้นเหตุจากการมีเซ็กส์ทางช่องปาก หากแม้สภาวะนี้จะเป็นภาวการณ์ที่พบได้นานๆครั้ง (พบได้โดยประมาณ 1-4 ต่อประชากร 100,000 คน) แต่ถ้าหากเกิดแล้วจะสร้างความทุกข์ระทมต่อผู้เจ็บป่วยอย่างใหญ่โต
  • ทั้งเรื่องการรักษาที่เรื้อรังรวมทั้งค่าครองชีพที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย เพราะในคนแก่มักจะจบด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนหูดเพื่อช่วยเรื่องทางเดินหายใจ ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้จะทำเป็นยากมากมายตั้งแต่แนวทางการสูดดมยาสลบ ที่คนป่วยบางทีอาจขาดอากาศหายใจได้เป็นบางช่วง นอกจากนี้ตามธรรมชาติแล้วรอยโรคก็มักจะกระจัดกระจายไปทั่ว ก็เลยทำให้ไม่สามารถที่จะกำจัดออกหมดได้ภายในครั้งเดียว แล้วก็บางทีอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดมากกว่า 5 ครั้งในชีวิต ส่วนในเด็กมักจำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดโดยเฉลี่ย 4.4 ครั้งต่อปี รวมแล้วราว 19.7 ครั้งในช่วงชีวิต ก็เลยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดผลกระทบตามมาเป็นแผลเป็น สำเร็จทำให้หลอดลมตีบรวมทั้งหายใจได้ทุกข์ยากลำบากในระยะยาว

 
 
ตัวยาจะเป็นยาทาทั้งปวงครับ ไม่มียากกินนะครับ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจจะยังไม่รู้เรื่องว่าระยะที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นจะใช้ยาได้มั้ย และใช้ตัวไหนเลือกไม่ถูกเนื่องจากมีตัวยามากมายหลายแบบรวมถึงวิตามินเสริมต่างๆ สรุปว่าสำหรับผู้ที่เพิ่งจะเริ่มมาหาข้อมูลใหม่ผมจะอธิบายตัวยาที่จำเป็นต้องที่สุดที่ต้องใช้ก่อนเลยครับผม จะได้เข้าใจง่ายๆ ส่วนวิตามินขอตัดไปก่อนครับจะได้ไม่สับสน เพราะบางคนก็บางครั้งก็อาจจะทานวิตามินเสริมอยู่ก่อนแล้ว
1. Aldara cream ช่วงแรกเริ่ม เวลานี้จะเป็นลักษณะเป็นจุดตุ่มเนืิ้อเล็กๆคล้ายๆผดผื่นนะครับ อาจจะเท่าปลายหัวปากกาเริ่มมีเพียงไม่กี่ตุ่มเท่านั้น ตุ่มยังอ่อนๆนิ่มๆ สังเกตุว่าเป็นมาไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ (หูดจะไม่มีหนองไม่เจ็บหรือระบมบอบช้ำครับ ไม่มีอาการอะไรก็แล้วแต่ทั้งนั้นขอรับ เป็นเพียงแค่ติ่งเนื้อที่ค่อยๆแพร่ หากไม่รักษา )
ช่วงนี้ จะใช้ตัวยา aldara cream จะเป็นลักษณะซองเล็กๆตามภาพครับ (1แผงมี 3 ซองตามภาพราคา 660.- ในแผง3ซองนั้นทาได้ราวๆ 2 อาทิตย์) ปกติโดยทั่วไปทาราว 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือน ตัวยาซองเล็กนิดนึงนะครับ ใช้ได้ราวๆ 1-2 ครั้ง เสนอแนะพื้นฐานก็จะใช้ราวๆ1 แผง (3 ซอง)เป็นขั้นต่ำครับผม หูดจะเบาๆฝ่อลงที่ละนิดจนกระทั่งเรียบสนิทกับผิวนะครับ ถ้าเกิดคนไหนที่ยังคลุมเคลือว่าเป็นมานานเพียงใดก็แนะนำตัวยาแบบที่ 2 เลยครับผม ตามภาพข้างล่าง
2. Wart control ระยะเริ่มแพร่ ระยะนี้จำนวนมากจะเป็นกันมากมายและก็เพิ่งจะมาหาข้อมูลครับเนื่องจากติ่งจะชัดจนถึงสังเกตุได้แจ่มกระจ่าง ผู้ที่เป็นระยะนี้หลายๆคนเริ่มมีอาการไม่สบายใจ ก็เลยเริ่มจะรักษากันช่วงนี้เองครับ ส่วนตัวยาแบบแรกจะไม่ค่อยเห็นผลมากแค่ไหนเนื่องจากเนื้อหูดเริ่มมีชั้นผิวที่หนายากต่อการดูดซึม ก็เลยจะแนะนำให้ใช้ wart control เลยจะชัวร์กว่านะครับ หรือคนไหนที่เคยใช้ตัว aldara cream ไม่ได้ผล ได้แก่ใช้มาเกิน 3 ซองไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรก็แล้วแต่อาจด้วยเหตุว่าเป็นมานานเหลือเกินครับ ก็ให้ใช้ตัว wart control เลยนะครับ (ราคาขวดละ 1600.-) ใช้เพียงแต่ขวดเดียวหายสนิทขอรับ
 
3. ระยะรุกลาม ระยะนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมาเกิน 1 ปี หูดลามเป็นดอกกะหล่ำกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ควรจี้ไฟฟ้ากับหมอที่ โรงพยาบาลดังที่เคยแนะนำไปในบทความก่อนหน้าที่ผ่านมาขอรับ คนใดกันแน่ที่ยังเป็นไม่มากก็รีบรักษาก่อนที่จะถึงช่วงนี้นะครับ ปลดปล่อยไว้นานกรรมวิธีการรักษาจะยุ่งยากไม่คุ้มครองเลยนะครับ
ต้องการสั่งซื้อยา ปรึกษาแนะนำบอกต่อ เบอร์ 092-9899456 คุณนิธิพล
#หูดหงอนไก่ #ขายยารักษาหูด #แพทย์แนะนำ #แพทย์ช่วยได้ #ส่วนตัว

Tags : ยารักษาหูดหงอนไก่
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ