หัวข้อ: เรียนทำเค้ก สูตรขนมไทยโบราณอร่อยติดใจ ไส้เผือกหมูหยองน้ำพริกเผา line: annzy201 เริ่มหัวข้อโดย: diorarmani2000 ที่ พฤศจิกายน 10, 2018, 12:19:47 am เรียนทำเค้ก สูตรขนมไทยอร่อยติดใจ ไส้สังขยาไส้ไส้กรอกมายองเนส line: annzy201
เรียนทำขนมปัง ไส้ขนมเค้ก พายแอปเปิ้ล สอนทำขนม อร่อยมากอร่อยๆ ราคาไม่แพง ตั้งอยู่ที่เจริญกรุง 107 แยก 7[/b] ขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการทำขนมปัง 1. การผสมแป้ง ส่วนที่ 1 ส่วนผสมของแห้ง อาทิเช่น แป้ง ยีสต์ สารเสริมประสิทธิภาพ นมผง ร่อนผสมเข้าด้วยกัน ส่วนที่ 2 ส่วนประกอบของแฉะ ยกตัวอย่างเช่น น้ำเย็น น้ำตาลทราย ไข่ไก่ เกลือป่น แล้วก็ นมสด หรือนมข้นจืด คนจะกว่าจะเข้ากันจนละลาย ส่วนที่ 3 ส่วนประกอบไขมัน ดังเช่นว่า เนยสด เนยขาว มาการีน หรือ น้ำมันพืช การผสมแป้งแนวทางลักษณะนี้จะช่วยทำให้ส่วนประกอบเข้ากันได้ดี และก็ช่วยให้กลูเต็นในแป้งถูกผสมจนกระทั่งจุดที่ไใช้ได้ โดยพินิจได้จากการรวมตัวของก้อนแป้งไม่เหนียวติดมือ รวมทั้งเครื่องผสมมีความนิ่มเนียนและก็สามารถดึงเป็นผ่นบางๆได้โดยไม่ขาด แม้กระนั้นถ้าเกิดผสมแป้งหรือนวดแป้งไม่พอ จะทำให้แป้งมีความยืดหยุ่นน้อย ขนาดของของหวานจะน้อยลง หรือจะมีเนื้อสัมผัสหยาบ 2. การหมักแป้งหลังจากการผสม แป้งหลังจากการผสมควรมีการพักแป้งก่อนสักระยะหนึ่งเพื่อให้แป้งคลายตัว ในการหมักนั้นโดยทั่วไปแล้วจะหมักโดยการคลึงแป้งเป็นก้อนกลม รวมทั้งหมักในอ่างผสม หรือคลึงเป็นก้อนกลมแล้วพักบนโต๊ะ โดยใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆหุ้มก้อนแป้ง เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้ผิวหน้าของก้อนแป้งแห้ง 3. การไล่อากาศในก้อนแป้ง ภายหลังจากแป้งถูกหมักจนได้ที่แล้วจะไล่อากาศที่มีมากเกินออกไป เพื่อให้ขนมปังมีเนื้อเนียน วิธีเป็นใช้มือกดเบาๆที่ก้อนแป้ง หรือใช้เครื่องรีดเพื่อไล่อากาศ 4. การเตรียมก้อนแป้งใส่ไส้หรือพิมพ์ หลังจากไล่อากาศในก้อนแป้งแล้ว ตัดก้อนแป้งตามขนาดที่ต้องการ จากนั้นใช้มือหรือเครื่องคลึงให้เป็นก้อนกลมจนถึงผิวหน้าเรียบเนียน แล้วหลังจากนั้นจะขึ้นรูปพักลงในพิมพ์ หรือพักให้ขึ้นเป็น 2 เท่า รวมทั้งนำมาใส่ไส้ตามอยากได้ 5. การพักแป้งในพิมพ์ ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการพักแป้งขึ้นกับขนาดก้อนแป้ง แล้วก็อุณหภูมิที่ใช้ในการหมัก โดยธรรมดาจะใช้อุณหภูมิที่ประมาณ 32-40 องศาเซลเซียส ซึ่งในระหว่างการดองนั้นจะต้องใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมแป้งเพื่อป้องกันผิวหน้าของก้อนแป้งแห้งกระด้าง ในขณะนี้หากเป็นระบบอุตสาหกรรมหรือร้านที่ขายดีก็จะใช้ตู้หมักแป้ง โดยตู้หมักแป้งสามารถปรับระดับอุณหภูมิที่ใช้สำหรับการหมักได้ จึงช่วยให้ได้ก้อนแป้งที่พองตัวอย่างเร็ว 6. การอบและการตกแต่งข้างหลังการอบ โดยปกติอุณหภูมิที่ใช้ในการอบอยู่ที่ 350-400 องศาฟาเรนไฮต์ ส่วนช่วงเวลาขึ้นกับขนาดก้อนแป้ง ก่อนอบบางสูตรบางทีอาจจะเพิ่มสีสันแก่ขนมปัง โดยจะมีการทาหน้าขนมปังด้วยไข่ไก่ นมสด เป็นต้น และก็เมื่ออบสุกแล้วถ้าหากต้องการให้ขนมปังวาวเงา จะทาหน้าขนมปังด้วยเนยสดทับอีกครั้ง ของหวานก็จะดูมันวับ ก็เลยนำออกจากพิมพ์หรือถาดอบ บางสูตรจะมีการตกแต่งข้างหลังการอบเพื่อให้ได้รสที่ดีและสะดุดตาน่ากินเยอะขึ้นเรื่อยๆ การตกแต่งนั้นมีหลายแนวทาง ยกตัวอย่างเช่น การโรยหน้าของหวานด้วยน้ำตาลไอซิ่ง หรือ การตกแต่งด้วยน้ำสลัดครีม จึงพักบตะแกรงกระทั่งเย็นสนิทเื่พื่อปกป้องการเกิดราได้ง่าย แล้วก็เลยใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่เตรียนมไว้ ภายหลังการบรรจุแล้วควรจะเก็บขนมปังไว้ในห้องที่ไม่แห้งกระทั่งเกินความจำเป็น แล้วก็มีอุณหภูมิที่เย็นเหมาะสม เครมบรูเล่เสาวรส หลังจากกินเครมบรูเล่รสชาติดั้งเดิมไปแล้ว ใครว่าหวานเลี่ยนเกินไปลองเติมความเปรี้ยวจากเสาวรสกันดีไหม ขอนำเสนอเครมบรูเล่เสาวรส สูตรจาก นิตยสาร @Kitchen สูตรนี้จะใส่เสาวรสทั้งเม็ดหรือเอาแค่น้ำก็ได้ รสออกเปรี้ยวหวาน กินหมดไม่ต้องกลัวเลี่ยน ส่วนผสม เครมบรูเล่เสาวรส • วิปปิ้งครีม 150 มิลลิลิตร • นมสด 150 มิลลิลิตร • น้ำตาลทราย 200 กรัม • ไข่ไก่ 3 ฟอง • เนื้อเสาวรส 6 ลูก วิธีทำเครมบรูเล่ 1. ผสมวิปปิ้งครีม นมสด และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันในหม้อ แล้วนำไปต้มด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลทรายละลาย 2. ตีไข่ไก่แล้วเทลงไปผสมกับส่วนผสมวิปปิ้งครีม คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อเสาวรสลงไป ผสมคนให้เข้ากัน แล้วยกลงจากเตา 3. เทส่วนผสมที่ได้ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ (สามารถกรองเอาเม็ดเสาวรสออกได้) นำไปเรียงในถาดอบที่ใส่น้ำร้อนเตรียมไว้ให้สูงประมาณครึ่งหนึ่ง นำไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที หรือจนเซตตัว จากนั้นนำไปแช่เย็น 4. ก่อนเสิร์ฟตักน้ำตาลทรายโรยบนหน้าขนมให้ทั่ว แล้วใช้ไฟพ่นจนน้ำตาลทรายละลายกลายเป็นคาราเมลเคลือบหน้าขนม Chocolate Drop with Fruit & Nut ช็อกโกแลต ประมาณ 200 กรัม (ไวท์ช็อโกแลต หรือช็อกโกแลตอื่น ๆ ตามชอบ) ถั่ว หรือผลไม้อบแห้ง (ตามชอบ) วิธีทำ 1. นำช็อกโกแลตเทใส่ในชามอะลูมิเนียมหรือชามกระเบื้อง นำไปวางบนหม้อต้มน้ำร้อน เปิดไฟปานกลางรอ 3-5 นาที คนจนช็อกโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียว 2. ยกชามใส่ช็อกโกแลตลงมาวางบนโต๊ะ คนต่อไปเรื่อย ๆ จนช็อกโกแลตละลายหมด ถ้ายังมีช็อกโกแลตที่เป็นก้อนให้นำชามกลับไปวางบนหม้อน้ำร้อนใหม่ 3. ตักช็อกโกแลตที่คนจนหายร้อนแล้วหยอดลงบนแผ่นซิลิโคนครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ พยายามหยอดให้เป็นทรงกลมเรียงจนเต็มแผ่นซิลิโคน 4. โรยหน้าช็อกโกแลตด้วยถั่วและผลไม้แห้งตามชอบ นำไปแช่เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง แนวทางการเก็บรักษาวัตถุดิบสำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่หรือส่วนผสมที่ใช้ในการทำเบเกอรี่ที่ถูก 1. แป้งประเภทต่างๆดังเช่นว่า แป้งเค้ก แป้งขนมปัง ฯลฯ ถ้าปราศจากจากแมลงรบกวนจะมีคุณภาพดีแล้วก็เก็บได้นานถึง 5 เดือน โดยเก็บเอาไว้ภายในห้องที่สะอาด มีอากาศระบายดี ปราศจากกลิ่น มีอุณหภูมิ 68 - 72 องศสฟาเรนไฮต์ และมีความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % แป้งที่มีตัวแมลงอยู่ต้องแยกนำออกมาทิ้งทันที 2.ยีสต์ เป็น ส่วนประกอบที่เสียได้ง่าย ควรเก็บในที่แห้ง ไม่ให้สัมผัสโดยตรงกับแดดและก็ความชื้น ถ้าเกิดไม่เก็บในตู้แช่เย็นควรเก็บในที่มีอุณหภูมิไม่สูงขึ้นยิ่งกว่า 90 องศาฟาเรนไฮต์ ภายใต้สภาพแบบนี้ ยีสต์แห้งจะแก่การเก็บได้อย่างน้อยที่สุด 1 เดือน หรือยาวนานกว่านี้ได้ 3. น้ำตาล ทั้งยัง น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงเป็นตัวดูดความชุ่มชื้น ต้องนำออกมาจากถุงใส่กล่องพลาสติคหรือแก้ว มิฉะนั้นแล้วน้ำตาลจะดูดความชุ่มชื้นจากอากาศจนถึงจุดที่มันแฉะ ซึ่งพวกจุลชีพจะเจริญเติบโตเจริญ ทำให้น้ำตาลนั้นมีรสเปรี้ยว สำหรับน้ำตาลละเอียดหรือน้ำตาลไอซิ่ง เมื่อไม่ใช้ต้องเก็บเอาไว้ภายในที่แห้ง เพื่อคุ้มครองป้องกันการจับตัวกันจนมีลักษณะเป็นก้อน อย่าใช้ภาชนะที่เป็นโลหะเพราะอาจจะเกิดสนิมได้ 4. ไขมัน รวมทั้งน้ำมัน ไขมัน จากพืชสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิห้องนาน 2-3 เดือน ถ้าเกิดอยากได้เก็บให้ได้เป็นเวลายาวนานกว่านี้จำต้องเก็บในตู้แช่เย็น น้ำมันหมูจำพวกแข็งควรที่จะเก็บในตู้เย็น โดยใส่ภาชนะใส่ปิดฝาให้สนิท หรือเก็บเอาไว้ข้างในห้องธรรมดาก็ได้ น้ำสลัดหรือน้ำมันมะกอกจะมีกลิ่นหืนได้ง่ายหลังจากเปิดฝาแล้ว สำหรับไขมันพืช นอกเหนือจากที่จะเก็บในตู้แช่เย็นแล้ว ไม่ควรเก็บไว้ใกล้สิ่งที่ให้กลิ่น ด้วยเหตุว่าไขมันนั้นสามารถดูดกลิ่นปะปนเข้าไว้ได้ง่ายรวมทั้งรวดเร็ว ศัตรูตัวสำคัญของไขมันก็คือแสง อากาศ น้ำ ความร้อน อุณหภูมิสูงๆและโลหะ กลุ่มนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ไขมันมีกลิ่นหืนได้ง่าย 5. ไข่ ไข่ สดควรเก็บในช่องเก็บไข่ของตู้เย็น โดยให้ส่วนกว้างของไข่อยู่ด้านบนจะเก็บได้นานถึง 5 สัปดาห์ ไข่สดจะสูญเสียความชุ่มชื้นแล้วก็ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามอายุของไข่ ไข่ชอบดูดเอากลิ่นจากตู้แช่เย็นเอาไว้ และจะมีกลิ่นมากถ้าหากไม่เก็บเอาไว้ภายในช่อง ไข่ขาวที่แยกค่อนข้างจะเก็บได้นานเป็นสัปดาห์ หากเก็บในตู้เย็นแล้วก็ใส่ภาชนะแก้วที่ปิดฝาสนิท ไม่สมควรเก็บไข่ไว้นาน แม้ว่าจะเก็บในตู้เย็นก็ตาม ด้วยเหตุว่าบัคเตรีอาจเกิดขึ้นทำให้ของกินเป็นพิษได้ 6. นม นม สดหรือหางน้ำนมควรที่จะนำไปเก็บเอาไว้ด้านในตู้เย็น เมื่อไม่ใช้แล้ว ดังนี้เพื่อคุ้มครองป้องกันการบูดเพราะกรดแลคติกจะทำให้นมเปรี้ยว สำหรับนมระเหยนั้นไม่เป็นปัญหาเนื่องจากนมใส่กระป๋องนั้น ได้ผ่านวิธีการทำลายเชื้อแล้ว แต่ว่าก็ต้องระวังในเรื่องกระป๋องบวม ซึ่งมีต้นเหตุจากนมเสีย นมผงควรที่จะเก็บในที่เย็นแล้วก็แห้ง ปิดฝาให้สนิท เพราะเหตุว่านมผงนั้นมีความชื้นอยู่น้อย ก็เลยดูดเอาความชื้นจากอากาศเข้าไว้ทำให้จับตัวกันเป็นก้อน 7. เครื่องเทศและก็ผงฟู ควรที่จะเก็บในที่เย็น แห้ง และก็ปิดฝาให้สนิท สำหรับกระป๋องใส่จะต้องไม่ขึ้นสนิม รวมทั้งจะต้องสะอาด 8. สารเสริม ตัวอย่างเช่น SP ควรที่จะเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท แห้งและเย็น อย่าให้โดนแสงอาทิตย์โดยตรง (http://www.annann201.com/image/data/pic/banner1.png) ถ้าหากอยากได้เรียนขนมปัง8ไส้ สิ่งเดียว4,500บาท อยากเรียนวิชาอื่นเพิ่มด้วย วิชาละ 2,500 บาท ผู้ติดตามได้ลงมือปฎิบัติด้วยเหมือนกัน สนใจเรียน โดยการจองผ่านไลน์เท่านั้น line id: annzy201 หรือคลิกลิ้งค์ http://line.me/ti/p/~annzy201 ที่มา : http://www.annann201.com/ Tags : เรียนทำเบเกอรี่, เค้ก,เรียนทำขนมไทย
|