หัวข้อ: Fujifilm ยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีวันล้ม เริ่มหัวข้อโดย: asianoned ที่ พฤศจิกายน 10, 2018, 12:47:43 am ในเหล่ากล้องถ่ายรูปดิจิตอลและกล้องมิลเลอร์เลสที่กำลังได้รับความนิยมในบ้านเราและกระแสในทั่วโลกนั้น หากไม่เปรยตรา ฟูจิ ก็คงคล้ายขาดอะไรไปบางอย่าง ในปัจจุบันนี้กล้องฟูจิ ราคาหลากหลายที่มีให้เลือกสรรซื้อหานั้น ได้ย่างเหยียบนั่งอยู่ในใจของผู้ที่รักการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบผลสำเร็จในปัจจุบันนี้ มียอดจำหน่ายในแต่ละปีสูงที่สุดในไทยและอันดับต้นๆในเอเชียรวมทั้งทั่วโลกในหมู่กล้องถ่ายรูปมิลเลอร์เลสนั้น กว่าจะผ่านมาจนกระทั่งจุดนี้ได้ เรียกได้ว่าฝ่าเกลียวคลื่นมรสุมทางเศรษฐกิจพร้อมด้วยกระแสเทคโนโลยีที่หน่วยงานเก่าแก่อย่าง Fujifilm ต้องขวนขวายตะกายและวิ่งให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ ซึ่งก็เหลือเชื่อว่า Fujifilm ก็ทำมันได้อย่างประหลาดเลยทีเดียว
ฟูจิ โฟโต้ ฟิล์ม ก่อตั้งเมื่อปี 1934 ตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้นที่อยากจะมีบริษัทฟิล์มเป็นของตนเอง พร้อมด้วยมีการเจริญเติบโตมาอย่างไม่ขาดสายตามลำดับ จนปี 1965 จึงได้เข้าทำสาขาสำนักงานที่สหรัฐฯและทั่วโลก อีกทั้งในปี 1995 ฟูจิก็ตกลงใจก้าวย่างเข้ามาลุยตลาดงัดข้อกับเจ้าตลาดในสหรัฐอเมริกากับในตลาดโลกอย่าง โกดัก ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 90% ฟูจิกลับใช้กำหนดการกลับด้านมาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากโกดักได้มากกว่า ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นเป็น 33% ในปี 1995 พร้อมกับเพิ่มขึ้นอีกเป็น 60% ในปี 1996 ซึ่งในเวลานั้นทั้งกล้องฟูจิฟิล์ม และโกดักต่างขับเคี่ยวกันที่จะเป็นเจ้าวงการฟิล์ม แต่หารู้ไม่ว่ามีลูกคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเตรียมที่จะเข้ามาแทนที่อยู่เสมอ ช่วงจุดเปลี่ยน ช่วงรุนแรงของกิจการค้ากล้องถ่ายรูปฟิล์มคือช่วงปี 2000 ต้นๆ ในยุคสมัยที่บริษัท SONY กับ HP เปิดตัวกล้องดิจิตอลขึ้นมาเป็นครั้งแรกพร้อมกับสามารถเรียกจุดสนใจจากคนรักการถ่ายภาพไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียวในช่วงนั้น โดยเฉพาะการเข้ามาของ smart phone และ social media อีกทั้งการถ่ายรูปดิจิทัลนั้น ถูกกว่า ง่ายกว่า และไวกว่ามาก จึงเป็นเหตุให้พฤติกรรมผู้ใช้แปรไป บริษัทอีสต์แมนโกดักในตอนนั้นเอาแต่คิดว่าการใช้ฟิล์มถ่ายภาพจะอยู่ยงได้อีกพักหนึ่ง ได้แก่ไม่ตกลงฮวบฮาบอย่างแน่นอน ต่อจากนั้นโกดักจึ่งยังคิดว่าจะเก็บความนิยมกล้องถ่ายภาพฟิล์มไปอีกสักพักนึง แต่ฟูจิคาดว่าตอนท้ายแล้ว ดิจิตอลต้องมาแทนที่เนื้อธุรกิจการค้าฟิล์มอย่างแน่นอนและรวดเร็วด้วย CEO ของบริษัทก็ได้ตัดสินใจที่จะนำบริษัทเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล จริงๆ แล้วแล้วกล้องถ่ายรูปดิจิตอลที่สร้างขึ้นมาได้บนโลกโมเดลแรกๆนั้นก็เป็นของบริษัทโกดักนั้นแหละ ที่อุตส่าห์ผลิตคิดค้นขึ้นมาได้แต่ระดับผู้บริหารไม่ทำต่ออย่างเอาจริงเอาจัง กลับเห็นเป็นเหมือนสิ่งที่จะมาบ่อนทำลายกิจการหลักคือฟิล์มถ่ายภาพ ต่างจากผู้บริหารของ ฟิจิฟิล์ม ที่แม้ว่าจะมิได้บุกเบิก แต่ทว่าก็ไม่เคยตกเทรนด์ ได้คิดค้นกล้องถ่ายรูปดิจิตอลออกสู่ตลาดอย่างจริงจัง ระดับผู้บริหารฟูจิมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้บริหารโกดัก ที่เตรียมเข้าสู่สมัยใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังเคยได้ใช้นวัตกรรมที่ตัวเองมีและกลยุทธ์ต่างๆ ที่ใช้ดำรงสภาพสีบนแผ่นฟิล์ม มาดัดแปลงกับสินค้าเครื่องสำอางค์แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรม collagen ที่ช่วยคงทนสภาพความชุ่มชื้น พร้อมด้วยความอ่อนเยาว์ของผิวได้ ออกแบรนด์เครื่องสำอางภายใต้ชื่อ Astalift ในปี 2007 พร้อมกับออกขายในตลาดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศในยุโรป ซึ่งสมัยปัจจุบันทำกำไรให้บริษัทกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ไม่ใช่แค่นั้น Fujifilm ยังนำเทคโนโลยี Digital Camera Tech นำมาใช้กับเครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับการบันทึกภาพเพื่อวินิจฉัยโรค พร้อมทั้งพัฒนาการผลิตยาเยียวยาโรคมะเร็ง และโรคความจำเสื่อม ลดงบประมาณการพัฒนาด้าน Film & Analog ลงให้มากที่สุด การอยู่รอดของ Fujifilm ในยุคปัจจุบันที่ยังคงมีกล้องฟูจิ ราคามากมายให้ได้เลือกจับจ่ายกันอยู่นั้น กุญแจดอกสำคัญคือการมองวิสัยทัศน์และการรับทราบการเบนเข็มของกระแสลมเทคโนโลยีของผู้นำองค์กร Shigetaka Komori, CEO of Fujifim ซึ่งมีเซนส์ของความระวังภัยมากกว่าบริษัทอื่นใด เหตุเพราะเห็นเทรนด์ดิจิตอลพร้อมๆ กันกับยี่ห้ออื่นแต่เชื่อว่าวงการฟิล์มจะสูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะฟิล์มถ่ายรูปเป็นกิจการหลัก ถ้าไม่สามารถปรับตัวได้อย่างว่องไวและสร้างกิจการใหม่ทันท่วงที โชคชะตาก็คงไม่พ้นจากการล้มละลาย และการแก้ไขสภาวะจากการเห็นภัยอันตรายจากเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดแล้วไม่หยุดนิ่งกับที่เปลี่ยนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์หน่วยงานให้เข้ากับสภาพประจุบันขณะนั้นๆให้มากที่สุด ชี้ให้เราเห็นว่าเราไม่ควรที่จะหยุดนิ่งไม่งั้นเราก็จะไม่เห็นความน่าจะเป็นที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในอนาคตนั่นเอง Tags : กล้องฟูจิ,กล้องฟูจิ ราคา,Fujifilm
|