หัวข้อ: เลือกเครื่องปรับอากาศเช่นใด เพื่อให้เซฟเงินในกระเป๋าที่สุด เริ่มหัวข้อโดย: asianoned ที่ พฤศจิกายน 12, 2018, 03:32:27 pm พออากาศมันร้อน มันก็เลยต้องหาอะไรมาหายร้อนกันซะหน่อย คนถนัดกิน ก็มองหาของกินกินดับร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามหากว่าผู้ใดต้องการอากาศข้างในที่พักอาศัยไม่ร้อนดั่งนรก ก็จำเป็นต้องพึ่ง “แอร์” หรือ “เครื่องปรับอากาศ” แล้วละ แต่หากใช้งานแอร์ บางคนก็คงจะวิตกกังวลในประเด็นของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาต่อจากนั้น แต่เราจะมีเกณฑ์การตัดสินใจซื้ออย่างใด ให้ได้ทั้งของดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
ข้อแรกทุกคนจะน่าจะต้องนึกถึงลักษณะของเครื่องปรับอากาศควรจะให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน เพราะสมัยนี้นั้นมีหลายรูปแบบให้เลือกสรร โดยแต่ละแบบก็มีคุณลักษณะไม่เหมือนกันไป หากสมมติว่าเลือกผิดนั้น ทำให้อาจจะส่งผลให้อาจจะผลเสียต่อเครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไปโดยใช่เหตุ จริงๆ แล้ว แล้ว เครื่องปรับอากาศจะแบ่งเป็นหลายประเภท ตัวอย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, แอร์ตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมถึง แอร์เคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละแบบ มีรูปลักษณ์แบบใดบ้าง ไปพิจารณากันเลย อันแรกเป็นแอร์ติดผนัง โดยที่แอร์ชนิดนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือคงจะเคยเห็นกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะการทำงานที่หลายแบบ มีลักษณะการดีไซน์ที่ทันสมัย รวมทั้งก็มีสัดส่วนกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า รวมทั้งสามารถดูแลรักษาง่าย โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องสัดส่วนน้อย และบ้านเรือน หรือคอนโดทั่วๆ ไป ช่วยให้ตรงตามกับความอยากของการใช้งานได้แบบหลากหลายแบบ ต่อมาคือแอร์วางพื้น โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้คือประเภทที่มีการแผ่กระจายความเย็นฉ่ำได้สูง สามารถทำความเย็นฉ่ำได้แบบรวดเร็ว และทนต่อการทำงาน รวมไปถึงทนทานกับฝุ่นควันอีกด้วย โดยประเภทของแอร์จะเป็นรูปแบบติดตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้าง โรงงาน รวมถึงมีประชากรมากมาย ซึ่งเครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ากว่าเครื่องปรับอากาศอย่างอื่นๆ อย่างต่อมาคือกลุ่มแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยประเภทนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง ตัวเครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งด้านในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถเก็บรูปทรงความสวยงามของห้องได้เหมือนเดิม ตัดทอนข้อจำกัดในการติดตั้ง โดยเหมาะสมสำหรับห้องที่ต้องการในเรื่องความประณีต ทำให้ในบ้านประณีตอย่างเดิม แต่ว่าแอร์ชนิดนี้มักมีสนนราคามักจะสูงกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ ส่วนชนิดสุดท้ายก็คือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยแอร์กลุ่มนี้จะไม่ยุ่งยากเหมือนกับชนิดก่อน ก็เพราะว่าแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยแอร์ประเภทนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยแบบปกติ แต่ว่าไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ รวมทั้งก็ไม่ต้องติดตั้งเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะกับคนที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลรักษาก็ง่ายดาย เหมือนแอร์ธรรมดาเลย กลับมาที่หลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็จำเป็นต้องเลือกซื้อขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมสัดส่วนห้อง เพื่อที่เมื่อทราบขนาดห้องแล้วนั้น ก็จะสะดวกกับการเลือกซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อให้พอเหมาะกับการใช้งานและทำให้ เซฟไฟฟ้า โดยหลายคนคงยังไม่ทราบว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันหมายถึง ขนาดสร้างความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น ก็เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานกับอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง ถ้าหากเลือกแอร์ที่มี BTU มากเกินไป ก็ทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ประสิทธิภาพด้านในลดลง รวมถึงยังส่งผลให้มีความชื้นข้างในห้องมาก อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็เจ็บป่วยได้ อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ถูกใช้งานทุกเวลารวมทั้งหนักจนเกินพอดี เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ตั้งหรือกำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลทำให้แอร์ชำรุดได้ง่ายๆ และเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน ถัดไปก็คือหลักไม่ยาก เกินที่ใครเห็น ก็ต้องช่วยให้เลือกเลือกแน่นอน ก็คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นคือ ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุด โดยจะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา
|