หัวข้อ: iPad Mini 4 ความทรงพลังในขนาดย่อม เริ่มหัวข้อโดย: mmhaloha ที่ พฤศจิกายน 15, 2018, 03:14:12 am iPad Mini เป็นคำตอบของหลายคนที่ชื่นชอบใช้แท็บเล็ตที่มีขนาดเล็กแต่สมรรถนะดีในระบบ iOS จนกระทั่งปัจจุบันนี้ได้เดินทางมาถึงรุ่น iPad Mini 4 แล้ว ซึ่งฮิตในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้กระผมจะมาแนะนำถึงแท็บเล็ตจาก Apple รุ่นนี้กัน
แต่ก่อนอื่นข้าพเจ้าจะมาแนะนำถึงประวัติคร่าวๆ ของ iPad และ ไอแพด มินิ ก่อนว่ามีที่มาที่ไปเช่นใดก่อนที่จะชนะใจสาวก Apple ถึงทุกวันนี้ iPad คือTabletคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและปรับปรุงโดยบริษัท Apple โดยมีหน้าที่หลักในด้านสื่อผสม หนัง เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์ iPad เปิดตัววางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi และในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi พร้อมด้วย 3G ซึ่ง iPad สามารถทำยอดขายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในระยะเวลาเพียง 80 วัน จุดแข็งคือมาพร้อมกับเทคโนโลยี Multi Touch สามารถเล่นวิดีโอ, ฟังเพลง, ดูรูปภาพและเล่นอินเทอร์เน็ตได้ จอขนาด 9.7 นิ้ว มีความละเอียด 768 x 1024 พิกเซล หนา 0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Apple โดยภายหลัง iPad ก็ทยอยออกรุ่นใหม่ ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น iPad2 ได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีขนาดบางลง น้ำหนักเบาขึ้น และเพิ่มกล้องถ่ายรูปข้างหลังอีกด้วย แต่ขนาดจอ 9.7 นิ้วเหมือนเดิม The New iPad ได้ทำการปรับปรุงในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มกำลังเร็วซีพียู ปรับความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ เพิ่มความละเอียดจอมากขึ้น (2048 x 1536 พิกเซล) แต่ว่าหน้าตาข้างนอกยังเหมือนกัน iPad2 iPad with Ratina Display คือรุ่นที่ทำการอัพเกรดขึ้นมาจาก The New iPad โดยปรับปรุงซีพียูให้ดีขึ้น พร้อมปรับปรุงสเปคบางส่วนเช่น กล้องถ่ายภาพข้างหน้าละเอียดขึ้น เปลี่ยนแบบพอร์ตการเชื่อมต่อ จาก 30 pin adapter เป็น Lightning Port แต่กระนั้นที่เป็นที่ชอบใจและตอบโจทย์ของคนที่ไม่ชอบพกพาจอใหญ่ ๆ ก็คือ iPad mini โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2012 มีหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล (163 ppi)น้ำหนัก 308 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi และน้ำหนัก 312 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ระบบประมวลผลแบบ Dual-core processor (Apple A5 chipset) ซึ่งเป็นซีพียูอันเดียวกับ iPad 2 กล้องถ่ายภาพหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและบันทึกวิดีโอระดับ 1080p ส่วนกล้องถ่ายรูปด้านหน้ามีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล มีระบบปรับความสว่างและจุดโฟกัสโดยอัตโนมัติ และยังรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 4G LTE วางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2012 โดยวันนี้ iPad mini ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 4 แม้ว่าจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังไม่มีรุ่นใหม่ของประเภท Mini มาทดแทน ซึ่งสเปคเบื้องต้นของ ไอแพด มินิ 4 มีดังต่อไปนี้ - ขนาด 134.8x203.2x6.1 มม. - น้ำหนัก 298.8 กรัม - จอกว้าง 7.9 นิ้ว ความละเอียด 2040x1536 Pixel (326 ppi) - ตัวเครื่องใช้เครื่องมือชนิด อะลูมิเนียม แบบ Unibody - กระจกหน้าจอใช้เทคโนโลยี Oleophobic Coating เคลือบกันลายนิ้วมือ - ชิปประมวลผล Apple A8 (64 bit) กับชิป M8 motion coprocessor - กล้องดิจิทัลข้างหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล - กล้องดิจิทัลข้างหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล - รองรับ FaceTime HD - รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 1080p - มาพร้อมระบบ Touch ID หลายท่านคงจะมีคำถามว่า ไอแพด มินิ 4 ควรจะเป็นเจ้าของไหมข้าพเจ้าจึงประมวล จุดดี และ ข้อด้อย มาให้พินิจพิเคราะห์กันดังต่อไปนี้ จุดเด่น 1. คุณภาพหน้าจอดีเลิศ ภายหลังโดนมือเก๋าค่อนแคะมาตลอดว่าจอของ iPad Mini 1-2-3 นั้นมีคุณภาพไม่สมกับความเป็น Apple เพราะว่าสามารถโชว์สีได้เพียง 62% ของขอบข่ายสี sRGB อีกทั้งยังยังสะท้อนแสงเยอะ ไปๆ มาๆ Apple ก็ยกระดับหน้าจอให้ iPad Mini 4 สามารถแสดงสีสันได้ถูกต้องและโชว์ได้ถึง 101% ของขอบข่ายสี sRGB เลยเทียว แถมมีอัตราการสะท้อนแสงเพียง 2%
iPad Mini 4 มีน้ำหนักประมาณ 3 ขีดแค่นั้น โดยเบากว่า iPad Mini 2 โดยประมาณ 30 กรัม ทำให้ความรู้สึกในการ กำหยิบสบาย ยิ่งไปกว่านี้ iPad Mini 4 ยังบางเพียง 6.1 มม.
มีประสิทธิภาพแบ่งแยกครึ่งหน้าจอที่มาใน iOS9 สำหรับเข้าทำงาน 2 แอปควบคู่กัน ซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือที่มี Ram 2 GB ขึ้นไป ข้อเสีย 1. ใช้ร่วมกับเคสแต่ก่อนมิได้ iPad Mini 4 ไม่ได้บางลงอย่างเดียว บริเวณด้านหน้าก็มากกว่า iPad Mini รุ่นอื่น โดยสูงกว่ารุ่นก่อนโดยประมาณ 3 มิลลิเมตร ทำให้ใช้ Smart Cover ของ iPad Mini รุ่นก่อนมิได้ ตัวเครื่องบางลงเยอะก็ใช้เคสของ iPad Mini เดิมไม่ได้อีกเช่นกัน
iPad Mini 4 แรงไม่เท่าเทียม iPhone 6s ที่ใช้ชิป A9 เนื่องจาก iPad Mini 4 ใช้หน่วยประมวลผลเป็น Apple A8 กลุ่ม เดียวกับที่ใช้ใน iPhone 6 แต่ว่าก็มีทดลองแล้วเร็วกว่าชิปใน iPhone 6 อยู่คร่าวๆ 10% เพราะทำงานที่ความถี่สูงกว่า ตอนนี้ iPad Mini 4 มูลค่าอยู่ที่ 14,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi และ 19,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi+ Cellular บนขนาด 128 GB ท่านใดสนใจก็ไปมองหาซื้อกันที่ผู้แทนจำหน่ายมากมาย ได้ฮะ Tags : iPad,ipad ราคา,ipad 2017 สเปค
|