หัวข้อ: เรียนทำขนมเค้ก สูตรขนมไทยอร่อยติดใจ ไส้เผือกหมูหยองน้ำพริกเผา line: annzy201 เริ่มหัวข้อโดย: Puttichai9876 ที่ ธันวาคม 02, 2018, 10:09:12 pm เรียนทำขนมเค้ก สูตรขนมไทยโบราณอร่อยติดใจ ไส้สังขยาหมูหยองน้ำพริกเผา line: annzy201
เรียนทำขนมปัง ไส้เค้ก พายแอปเปิ้ล รสชาติเยี่ยมอร่อยๆ ราคาไม่แพง ตั้งอยู่ที่เจริญกรุง 107 แยก 7[/b] ขั้นตอนรากฐานสำหรับเพื่อการทำขนมปัง 1. การผสมแป้ง ส่วนที่ 1 ส่วนประกอบของแห้ง ดังเช่นว่า แป้ง ยีสต์ สารเสริมประสิทธิภาพ นมผง ร่อนผสมเข้าด้วยกัน ส่วนที่ 2 ส่วนประกอบของเปียก เช่น น้ำเย็น น้ำตาล ไข่ไก่ เกลือป่น และก็ นมสด หรือนมข้นจืดชืด คนจนเข้ากันกระทั่งละลาย ส่วนที่ 3 ส่วนประกอบไขมัน ดังเช่น เนยสด เนยขาว มาการีน หรือ น้ำมันพืช การผสมแป้งวิธีการแบบนี้จะช่วยให้ส่วนประกอบเข้ากันได้ รวมทั้งช่วยให้กลูเต็นในแป้งถูกผสมจนถึงจุดที่ไใช้ได้ โดยดูได้จากการรวมตัวของก้อนแป้งไม่เหนียวติดมือ แล้วก็เครื่องผสมมีความนุ่มเนียนรวมทั้งสามารถดึงเป็นผ่นบางๆได้โดยไม่ขาด แม้กระนั้นหากผสมแป้งหรือนวดแป้งไม่พอ จะมีผลให้แป้งมีความยืดหยุ่นน้อย ขนาดของของหวานจะลดลง หรือจะมีเนื้อสัมผัสหยาบ 2. การดองแป้งภายหลังจากการผสม แป้งภายหลังจากการผสมควรจะมีการพักแป้งก่อนสักระยะหนึ่งเพื่อแป้งคลายตัว ในการหมักนั้นโดยธรรมดาจะหมักโดยการกดแป้งเป็นก้อนกลม และก็หมักในอ่างผสม หรือคลึงเป็นก้อนกลมแล้วพักบนโต๊ะ โดยใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆหุ้มก้อนแป้ง เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้ผิวหน้าของก้อนแป้งแห้ง 3. การไล่อากาศในก้อนแป้ง ภายหลังจากแป้งถูกหมักจนได้ที่แล้วจะไล่อากาศที่มีมากเกินออกไป เพื่อให้ขนมปังมีเนื้อเนียน วิธีคือใช้มือกดเบาๆที่ก้อนแป้ง หรือใช้เครื่องรีดเพื่อไล่อากาศ 4. การเตรียมก้อนแป้งใส่ไส้หรือพิมพ์ หลังจากไล่อากาศในก้อนแป้งแล้ว ตัดก้อนแป้งตามขนาดที่ต้องการ จากนั้นใช้มือหรือเครื่องคลึงให้เป็นก้อนกลมกระทั่งผิวหน้าเรียบเนียน จากนั้นจะขึ้นรูปพักลงในพิมพ์ หรือพักให้ขึ้นเป็น 2 เท่า และก็นำมาใส่ไส้ตามอยากได้ 5. การพักแป้งในพิมพ์ ช่วงเวลาสำหรับการพักแป้งขึ้นกับขนาดก้อนแป้ง แล้วก็อุณหภูมิที่ใช้สำหรับการหมัก โดยธรรมดาจะใช้อุณหภูมิที่โดยประมาณ 32-40 องศาเซลเซียส ซึ่งในระหว่างการดองนั้นจะต้องใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมแป้งเพื่อคุ้มครองปกป้องผิวหน้าของก้อนแป้งแห้งแข็งกระด้าง ในขณะนี้ถ้าเกิดเป็นระบบอุตสาหกรรมหรือร้านค้าที่ขายดิบขายดีก็จะใช้ตู้หมักแป้ง โดยตู้หมักแป้งสามารถปรับระดับอุณหภูมิที่ใช้สำหรับในการหมักได้ จึงช่วยให้ได้ก้อนแป้งที่พองตัวอย่างรวดเร็ว 6. การอบรวมทั้งการตกแต่งข้างหลังการอบ โดยทั่วไปอุณหภูมิที่ใช้สำหรับการอบอยู่ที่ 350-400 องศาฟาเรนไฮต์ ส่วนระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดก้อนแป้ง ก่อนอบบางสูตรบางครั้งอาจจะเพิ่มสีสันแก่ขนมปัง โดยจะมีการทาหน้าขนมปังด้วยไข่ไก่ นมสด เป็นต้น และเมื่ออบสุกแล้วหากอยากได้ให้ขนมปังเป็นเงาเงา จะทาหน้าขนมปังด้วยเนยสดทับอีกครั้ง ของหวานก็จะมองมันเงา ก็เลยนำออกมาจากพิมพ์หรือถาดอบ บางสูตรจะมีการตกแต่งหลังการอบเพื่อได้รสที่ดีและก็สะดุดตาน่าอร่อยมากขึ้นเรื่อยๆ การตกแต่งนั้นมีหลายแนวทาง เช่น การโรยหน้าขนมด้วยน้ำตาลไอซิ่ง หรือ การตกแต่งด้วยน้ำสลัดครีม จึงพักบตะแกรงจนถึงเย็นสนิทเื่พื่อคุ้มครองปกป้องการเกิดราได้ง่าย หลังจากนั้นจึงใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่เตรียนมไว้ ภายหลังการบรรจุแล้วควรจะเก็บขนมปังเอาไว้ภายในห้องที่ไม่แห้งกระทั่งเกินไป แล้วก็มีอุณหภูมิที่เย็นพอเหมาะพอควร เครมบรูเล่เสาวรส หลังจากกินเครมบรูเล่รสชาติดั้งเดิมไปแล้ว ใครว่าหวานเลี่ยนเกินไปลองเติมความเปรี้ยวจากเสาวรสกันดีไหม ขอนำเสนอเครมบรูเล่เสาวรส สูตรจาก นิตยสาร @Kitchen สูตรนี้จะใส่เสาวรสทั้งเม็ดหรือเอาแค่น้ำก็ได้ รสออกเปรี้ยวหวาน กินหมดไม่ต้องกลัวเลี่ยน ส่วนผสม เครมบรูเล่เสาวรส • วิปปิ้งครีม 150 มิลลิลิตร • นมสด 150 มิลลิลิตร • น้ำตาลทราย 200 กรัม • ไข่ไก่ 3 ฟอง • เนื้อเสาวรส 6 ลูก วิธีทำเครมบรูเล่ 1. ผสมวิปปิ้งครีม นมสด และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันในหม้อ แล้วนำไปต้มด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลทรายละลาย 2. ตีไข่ไก่แล้วเทลงไปผสมกับส่วนผสมวิปปิ้งครีม คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อเสาวรสลงไป ผสมคนให้เข้ากัน แล้วยกลงจากเตา 3. เทส่วนผสมที่ได้ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ (สามารถกรองเอาเม็ดเสาวรสออกได้) นำไปเรียงในถาดอบที่ใส่น้ำร้อนเตรียมไว้ให้สูงประมาณครึ่งหนึ่ง นำไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที หรือจนเซตตัว จากนั้นนำไปแช่เย็น 4. ก่อนเสิร์ฟตักน้ำตาลทรายโรยบนหน้าขนมให้ทั่ว แล้วใช้ไฟพ่นจนน้ำตาลทรายละลายกลายเป็นคาราเมลเคลือบหน้าขนม No-Bake Cereal Bar ส่วนผสม เนยถั่ว 1/2 ถ้วย น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย เนยเค็ม 1/4 ถ้วย ช็อกโกแลต 1 ถ้วย (ไวท์ช็อโกแลต หรือช็อกโกแลตอื่น ๆ ตามชอบ) ซีเรียลผสมผลไม้แห้วและถั่ว (ตามชอบ) 2 ถ้วย วิธีทำ 1. ตวงเนยถั่ว น้ำผึ้ง และเนยเค็ม ใส่ลงในหม้อขนาดเล็ก ตั้งไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเข้ากัน 2. เทช็อกโกแลตลงไปผสมกับส่วนผสมเนยถั่ว คนไปเรื่อย ๆ จนช็อกโกแลตละลายและส่วนผสมเข้ากัน ยกลงจากเตา 3. ตวงซีเรียลผสมกับผลไม้แห้งและถั่วตามชอบ เทลงไปผสมกับส่วนผสมช็อกโกแลตคนให้เข้ากัน 4. ตักส่วนผสมใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้ สามารถตกแต่งด้านบนเพิ่มด้วยช็อกโกแลตชิปหรือถั่วต่าง ๆ ตามชอบ นำไปแช่เย็นไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดของช็อกโกแลต) ขั้นตอนการรักษาวัตถุดิบสำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่หรือส่วนผสมที่ใช้สำหรับทำเบเกอรี่ที่ถูกต้อง 1. แป้งประเภทต่างๆอาทิเช่น แป้งขนมเค้ก แป้งขนมปัง ฯลฯ ถ้าปราศจากจากแมลงรบกวนจะมีคุณภาพดีรวมทั้งเก็บได้นานถึง 5 เดือน โดยเก็บเอาไว้ภายในห้องที่สะอาด มีอากาศถ่ายเทดี ไม่มีกลิ่น มีอุณหภูมิ 68 - 72 องศสฟาเรนไฮต์ และมีความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % แป้งที่มีตัวแมลงอยู่ต้องแยกนำออกมาทิ้งโดยทันที 2.ยีสต์ เป็น ส่วนประกอบที่เสียได้ง่าย ควรเก็บในที่แห้ง ไม่ให้สัมผัสโดยตรงกับแสงแดดและความชุ่มชื้น หากไม่เก็บในตู้เย็นควรที่จะเก็บในที่มีอุณหภูมิไม่สูงยิ่งกว่า 90 องศาฟาเรนไฮต์ ภายใต้ภาวะแบบนี้ ยีสต์แห้งจะมีอายุการเก็บได้อย่างน้อยที่สุด 1 เดือน หรือเป็นเวลานานกว่านี้ได้ 3. น้ำตาล ทั้งยัง น้ำตาลทรายขาวและก็น้ำตาลเป็นตัวดูดความชุ่มชื้น จะต้องนำออกมาจากถุงใส่กล่องพลาสติคหรือแก้ว มิฉะนั้นแล้วน้ำตาลจะดูดความชุ่มชื้นจากอากาศจนกระทั่งจุดที่มันแฉะ ซึ่งพวกจุลชีพจะเติบโตได้ดี ทำให้น้ำตาลนั้นมีรสเปรี้ยว สำหรับน้ำตาลละเอียดหรือน้ำตาลไอซิ่ง เมื่อไม่ใช้จะต้องเก็บไว้ภายในที่แห้ง เพื่อป้องกันการจับตัวกันจบกลายเป็นก้อน อย่าใช้ภาชนะที่เป็นโลหะเนื่องจากอาจจะมีการเกิดสนิมได้ 4. ไขมัน และน้ำมัน ไขมัน จากพืชสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิห้องนาน 2-3 เดือน หากอยากเก็บให้ได้นานกว่านี้ต้องเก็บในตู้แช่เย็น น้ำมันหมูจำพวกแข็งควรจะเก็บในตู้แช่เย็น โดยใส่ภาชนะใส่ปิดฝาให้สนิท หรือเก็บเอาไว้ภายในห้องปกติก็ได้ น้ำมันสลัดหรือน้ำมันมะกอกจะมีกลิ่นหืนได้ง่ายภายหลังจากเปิดฝาแล้ว สำหรับไขมันพืช นอกเหนือจากการที่จะเก็บในตู้เย็นแล้ว ไม่ควรเก็บไว้ใกล้สิ่งที่ให้กลิ่น ด้วยเหตุว่าไขมันนั้นสามารถดูดกลิ่นแปลกปลอมเข้าไว้ได้ง่ายและเร็ว ศัตรูตัวสำคัญของไขมันก็คือแสงสว่าง อากาศ น้ำ ความร้อน อุณหภูมิสูงๆและก็โลหะ เหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไขมันมีกลิ่นหืนได้ง่าย 5. ไข่ ไข่ สดควรเก็บในช่องเก็บไข่ของตู้แช่เย็น โดยให้ส่วนกว้างของไข่อยู่ด้านบนจะเก็บได้นานถึง 5 สัปดาห์ ไข่สดจะสูญเสียความชื้นแล้วก็ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามอายุของไข่ ไข่ชอบดูดเอากลิ่นจากตู้เย็นเอาไว้ รวมทั้งจะมีกลิ่นมากมายหากไม่เก็บเอาไว้ในช่อง ไข่ขาวที่แยกค่อนข้างจะเก็บได้นานเป็นสัปดาห์ ถ้าเก็บในตู้เย็นและใส่ภาชนะแก้วที่ปิดฝาสนิท ไม่สมควรเก็บไข่ไว้นาน แม้ว่าจะเก็บในตู้แช่เย็นก็ตาม เพราะว่าบัคเตรีบางทีอาจเกิดขึ้นทำให้ของกินเป็นพิษได้ 6. นม นม สดหรือหางน้ำนมควรที่จะเก็บไว้ในตู้แช่เย็น เมื่อไม่ใช้แล้ว ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบูดเพราะว่ากรดแลคติกจะทำให้นมเปรี้ยว สำหรับนมระเหยนั้นไม่เป็นปัญหาเพราะนมบรรจุกระป๋องนั้น ได้ผ่านวิธีการฆ่าเชื้อแล้ว แต่ว่าก็ควรจะระวังในเรื่องกระป๋องบวม ซึ่งมีสาเหตุจากนมเสีย นมผงควรจะเก็บในที่เย็นและก็แห้ง ปิดฝาให้สนิท เพราะว่านมผงนั้นมีความชุ่มชื้นอยู่น้อย จึงดูดเอาความชื้นจากอากาศเข้าไว้ทำให้จับกันเป็นก้อน 7. เครื่องเทศและผงฟู ควรจะเก็บในที่เย็น แห้ง รวมทั้งปิดฝาให้สนิท สำหรับกระป๋องบรรจุต้องไม่เป็นสนิม และก็ต้องสะอาด 8. สารเสริม เป็นต้นว่า SP ควรจะเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท แห้งรวมทั้งเย็น อย่าให้โดนแสงอาทิตย์โดยตรง (http://www.annann201.com/image/data/pic/banner1.png) หากอยากเรียนขนมปัง8ไส้ อย่างเดียว4,500บาท อยากเรียนวิชาอื่นเพิ่มด้วย วิชาละ 2,500 บาท ผู้ติดตามได้ลงมือปฎิบัติเหมือนกัน พึงพอใจเรียน โดยการจองผ่านไลน์เพียงแค่นั้น line id: annzy201 หรือคลิกลิ้งค์ http://line.me/ti/p/~annzy201 ที่มา : http://www.annann201.com/ Tags : สอนทำเค้ก, ทำเบเกอรี่,เรียนทำขนมไทย
|