หัวข้อ: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ ธันวาคม 05, 2018, 12:29:56 pm (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542858868819.jpg)
เพชรสังฆาต ชื่อสมุนไพร เพชรสังฆาต ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์) ชื่อวิทยาศาสตร์ Cissus quadrangularis Linn. วงศ์ Vitaceae ถิ่นกำเนิด เพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีถิ่นเกิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย และก็แอฟริกาและมีการแพร่ขยายจำพวกไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว โดยพบได้ทั่วไปตามบริเวณป่าหรือที่เปียกชื้นที่หรูหราความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยมักพบตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป แล้วก็มักจะออกดอกและติดผลในตอนเดือน มิถุนายน-สิงหาคม ลักษณะทั่วไป เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันเห็นข้อข้อแจ่มกระจ่าง ลักษณะเป็นบ้องๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวโดยประมาณ 6-10 ซม. บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงกันข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบคนเดียว เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 เซนติเมตร ใบเป็นสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมครึ้ม เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า หลังใบแล้วก็ท้องใบเรียบเป็นเงา ขอบของใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนุ่ม ก้านใบยาว 2-3 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตรดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มม. กลีบดอกมี 4 กลีบโคนกลีบดอกไม้ข้างนอกมีสีแดง ส่วนกลีบดอกข้างในสีเขียวอ่อน เมื่อบานเต็มที่ดอกจะงอโก่งไปทางด้านล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบดอก ผลสดรูปทรงกลม ผิวเรียบวาว ฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียว พอสุกเป็นสีแดงหรือดำ เมล็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เม็ด การขยายพันธุ์ เพชรสังฆาตนิยมใช้กรรมวิธีการปักชำโดยมีวิธีการเป็น คัดเลือกเถาที่มีลักษณะสมควร คือ จะต้องเป็นเถาที่มีลักษณะครึ่งหนึ่งแก่กึ่งอ่อน นำมาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่จำนวน2 ข้อแล้ว ทำการปักชำท่อนประเภทโดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้เปียก และควรจะจัดวางถุงต้นกล้าที่ปักชำเอาไว้ในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ข้างบนจะเป็นบริเวณที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญก้าวหน้าเป็นเถาต่อไป ส่วนประกอบทางเคมี เถาของเพชรสังฆาตมีองค์ประกอบทางเคมี ตัวอย่างเช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone แล้วก็ 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกลุ่ม stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกรุ๊ป flavonoids เช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene และ calcium oxalate. คุณประโยชน์/คุณประโยชน์ ตามตำรายาไทย กล่าวว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ระดูแตกต่างจากปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารทั้งยังประเภทกลีบมะไฟแล้วก็เดือยไก่ • ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก • ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้ระดูเปลี่ยนไปจากปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย • ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคลำไส้ (อาการของกินไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก นอกจากนั้นในการค้นคว้าด้านการแพทย์แผนปัจจุบันยังกำหนดไว้ว่าเพชรสังฆาต มีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยยิ่งไปกว่านั้นการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดไหล รวมทั้งกลายเป็นซ้ำ ทั้งยังในขณะนี้ได้มีงานค้นคว้าพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งรับรองสรรพคุณรักษาโรคเลือดไหลตามไรฟันได้อย่างดีเยี่ยม และก็ยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารเริ่มของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีส่วนประกอบของแคลเซียมสูงมากมาย และก็สารอนาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการผลิตเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สร้างกระดูกแล้วก็ยังช่วยทำให้มีการสร้างสารมิวโคโพลีแซกคาไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกรรมวิธีการสมานกระดูก นอกเหนือจากนั้นสารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกุมกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตกระทั่งแปลงเป็นกระดูกแข็งที่สามารถรับน้ำหนักและมีความยืดหยุ่นในตนเองอีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้เพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เพราะว่าเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมประหลาดตา มีดอกและก็ผลเป็นช่อสีแดงสวย สามารถนำไปปลูกสำหรับเพื่อการประดับบริเวณรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อเถาเจริญเลื้อยพันขึ้น แบบ/ขนาดการใช้ ในสมัยก่อนการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (เนื่องมาจากเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดบางทีอาจ มีการระคายเคืองทางเดินอาหารได้) ถัดมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในแบบอย่างแคปซูลเพื่อให้ไม่ยุ่งยากต่อการบริหารยา โดยในรูปยาผงบรรจุแคปซูล 250 มก. ให้รับประทานทีละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนกินอาหารและก่อนนอน เป็นเวลา 5-7 วัน แบบเรียนยาประจำถิ่นจังหวัดโคราช ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานครั้งละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำ แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้เมนส์ไม่ปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในลำไส้ ตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกบริเวณกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้เลือดรอบเดือนสตรีไม่ปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก ส่วนอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นรับประทานแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการไม่ดีเหมือนปกติของระดู การเรียนทางเภสัชวิทยา ผลต่อแรงตึงตัวของหลอดเลือดดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดเลือดดำ ให้มีความตึงตัวมากขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 ชนิด อาทิเช่น ไดออสมิน 90%และก็ฮิสเพอริดิน 10% ที่เจอในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบกระทันหัน สารสกัดเมทานอลยับยั้งการบวมของใบหู และก็การบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 1 แล้วก็สารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่รั้งนำด้วยสารเคมี เหมาะเวลา 30 นาที ตรวจเจอส่วนประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดปริมาณครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะของการเจ็บเจ็บท้องด้วยเหตุว่าได้รับกรดอะซีติเตียนกที่ฉีดเข้าทางช่องท้อง และลดระยะเวลาของการเลียเท้าหลังทั้ง 2ระยะ สำหรับการทดลองด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านทั้งระบบประสาทศูนย์กลาง รวมทั้งส่วนปลาย ฤทธิ์คุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 และก็ 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้หนูรับประทานนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 รวมทั้ง 72.6% เป็นลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มิลลิกรัม/กก. ลดการเกิดแผล 71.9% ด้วยเหตุนั้นสารสกัดขนาด 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เป็นขนาดที่ยอดเยี่ยม เหตุเพราะออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine แล้วก็ได้ผลไม่ได้แตกต่างกับขนาด 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัมจะลดการทำลายเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหาร และก็รายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งบอกว่า การเรียนประสิทธิผลรวมทั้งผลกระทบของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในผู้เจ็บป่วยโรคริดสีดวงทวารระยะเฉียบพลัน จำนวน 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กรุ๊ป เป็น กรุ๊ปที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มิลลิกรัม/เม็ด) กลุ่มที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มิลลิกรัม/เม็ด) และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในช่วง 4 วันแรก ให้รับประทานครั้งละ 3 เม็ด เช้าและเย็นหลังรับประทานอาหาร และก็ช่วง 3 ครั้งหน้า ได้รับทีละ 2 เม็ด รุ่งเช้ารวมทั้งเย็น หลังอาหาร ผู้ป่วยจะได้รับการวัดอาการต่างๆเป็น เลือดไหลทางทวารหนัก เมือก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก แล้วก็การสัมภาษณ์เพื่อถามอาการ รวมทั้งมีการตรวจเลือดและติดตามผลกระทบของการได้รับยาหรือสมุนไพรพร้อมกันไปพร้อมกันด้วย ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ป่วยในทุกกรุ๊ปจำนวนมากอาการเลือดออกฉับพลันจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา แล้วก็มีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการดูแลและรักษาในผู้ป่วยทุกกรุ๊ปไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และไม่ส่งผลข้างๆเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตได้ผลสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะรุนแรงไม่ได้มีความแตกต่างจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์และก็ยาหลอก มีความหมายว่าเพชรสังฆาตไม่เป็นผลช่วยในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะเฉียบพลัน การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา ความเป็นพิษฉับพลัน เมื่อทดลองความเป็นพิษโดยให้หนูขาวกิน ขนาด 0.5 – 5.0 กรัม/กก ไม่เจอพิษใดๆก็ตาม ความเป็นพิษครึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวจำพวกวิสตาร์ 5 กรุ๊ปๆละ 12 ตัว/เพศ กลุ่มควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มล./น้ำหนักตัว 1 กก./วัน ช่วงเวลาที่หนูอีก 4 กรุ๊ปได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 รวมทั้ง 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเทียบเท่า 1,10 และ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน เป็นลำดับ โดยกลุ่มในที่สุดเป็นกลุ่มสังเกตอาการหลังการหยุดยา ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าการเติบโตของกรุ๊ปท้ายที่สุดเป็นกรุ๊ปดูอาการหลังการหยุดยา ผลการศึกษาพบว่าการเจริญเติบโตของกลุ่มได้รับผงยาและก็กลุ่มควบคุมไม่มีความต่างกัน ไม่ส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวของค่าทางโลหิตวิทยาและก็ค่าทางซีรั่มวิชาชีวเคมี หรือจุลพยาธิสภาพของอวัยวะภายในที่มีความเกี่ยวเนื่องกับขนาดของผงยา และไม่พบความแตกต่างจากปกติใดๆที่สามารถสรุปได้ว่าเนื่องมาจากความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต ข้อเสนอ/ข้อควรระวัง การกินเพชรสังฆาตสด อาจจะทำให้กำเนิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเนื่องจากเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลตอยู่มากมาย 2. ห้ามกินติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์เพราะว่าอาจจะเป็นผลให้เกิดนิ่วในทางเดินเยี่ยว คนไข้โรคไตห้ามรับประทาน 3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตควรจะขอความเห็นแพทย์หรือผู้ชำนาญสำหรับในการใช้เสมอ ด้วยเหตุว่าอาจจะเป็นผลให้เกิดผลข้างๆที่ไม่ประสงค์ได้ เป็นต้นว่า ตาเหลือง ตัวเหลือง ฉี่น้อย แน่นท้อง ฯลฯ เอกสารอ้างอิง
|