หัวข้อ: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เริ่มหัวข้อโดย: jlkjljkl ที่ ธันวาคม 07, 2018, 07:31:05 pm (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542858868819.jpg)
เพชรสังฆาต ชื่อสมุนไพร เพชรสังฆาต ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์) ชื่อวิทยาศาสตร์ Cissus quadrangularis Linn. วงศ์ Vitaceae ถิ่นกำเนิด เพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีถิ่นเกิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย และแอฟริการวมทั้งมีการแพร่ชนิดไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่กล่าวถึงแล้ว โดยพบได้บ่อยตามบริเวณป่าหรือที่ชื้นที่หรูหราความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยพบมากตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป แล้วก็ชอบออกดอกและติดผลในตอนเดือน เดือนมิถุนายน-ส.ค. ลักษณะทั่วไป เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันมองเห็นข้อปล้องแจ่มชัด ลักษณะเป็นปล้องๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวราว 6-10 เซนติเมตร บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงกันข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบผู้เดียว เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ใบเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมดก เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า หลังใบและท้องใบเรียบเป็นเงา ขอบใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนุ่ม ก้านใบยาว 2-3 ซม. ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวราวๆ 2-4 เซนติเมตรดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มม. กลีบดอกมี 4 กลีบโคนกลีบดอกไม้ข้างนอกมีสีแดง ส่วนกลีบข้างในสีเขียวอ่อน เมื่อบานสุดกำลังดอกจะงองุ้มไปทางด้านล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบ ผลสดรูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มม. ผลอ่อนสีเขียว พอสุกเป็นสีแดงหรือดำ เมล็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เมล็ด การขยายพันธุ์ เพชรสังฆาตนิยมใช้แนวทางการปักชำโดยมีวิธีการคือ เลือกสรรเถาที่มีลักษณะสมควร เป็น ควรเป็นเถาที่มีลักษณะกึ่งแก่ครึ่งหนึ่งอ่อน เอามาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่จำนวน2 ข้อแล้ว ทำปักชำท่อนพันธุ์โดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้เปียก แล้วก็ควรจัดวางถุงต้นกล้าที่ปักชำเอาไว้ในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ด้านบนจะเป็นรอบๆที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญก้าวหน้าเป็นเถาถัดไป องค์ประกอบทางเคมี เถาของเพชรสังฆาตมีองค์ประกอบทางเคมี อาทิเช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone รวมทั้ง 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกรุ๊ป stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกรุ๊ป flavonoids อย่างเช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene และ calcium oxalate. ผลดี/สรรพคุณ ตามตำรายาไทย กล่าวว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือนแตกต่างจากปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารทั้งยังจำพวกกลีบมะไฟและเดือยไก่ • ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก • ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้เมนส์ผิดปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย • ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคลำไส้ (อาการอาหารไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก นอกจากนี้ในการวิจัยทางด้านการแพทย์แผนปัจจุบันยังกำหนดไว้ว่าเพชรสังฆาต มีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยเฉพาะการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดไหล และก็กลายเป็นซ้ำ ทั้งยังในตอนนี้ได้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งรับรองสรรพคุณรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี และก็ยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีองค์ประกอบของแคลเซียมสูงมาก รวมถึงสารอทุ่งนาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการสร้างเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สร้างกระดูกรวมทั้งยังช่วยให้มีการสร้างสารมิวโคโพลีแซกคาไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในขั้นตอนการสมานกระดูก นอกเหนือจากนี้สารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตจนถึงแปลงเป็นกระดูกแข็งที่สามารถรับน้ำหนักและก็มีความยืดหยุ่นในตัวเองอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นเพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เหตุเพราะเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะทรงเป็นสีเหลี่ยมประหลาดตา มีดอกและผลเป็นช่อสีแดงงดงาม สามารถนำไปปลูกเพื่อการประดับประดาบริเวณรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือรอบๆโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อเถารุ่งเรืองเลื้อยพันขึ้น ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้ ในสมัยก่อนการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (เนื่องด้วยเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดอาจ เกิดการเคืองทางเดินอาหารได้) ต่อมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในแบบแคปซูลเพื่อไม่ยุ่งยากต่อการบริหารยา โดยในรูปยาผงบรรจุแคปซูล 250 มิลลิกรัม ให้รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนกินอาหารและก่อนนอน เป็นเวลา 5-7 วัน แบบเรียนยาพื้นเมืองนครราชสีมา ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกร้อยกรอง กินทีละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำ แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้รอบเดือนไม่ดีเหมือนปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในลำไส้ ตำรับยาสมุนไพรท้องถิ่นล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกรอบๆกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้โลหิตรอบเดือนสตรีเปลี่ยนไปจากปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก ส่วนอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นรับประทานแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการแตกต่างจากปกติของรอบเดือน การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ผลต่อแรงตึงตัวของหลอดโลหิตดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดโลหิตดำ ให้มีความตึงตัวเพิ่มขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 จำพวก เช่น ไดออสมิน 90%รวมทั้งฮิสเพอริดิน 10% ที่พบในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบรุนแรง สารสกัดเมทานอลยับยั้งการบวมของใบหู รวมทั้งการบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นร้อยละ 1 และสารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่รั้งนำด้วยสารเคมี ได้ที่เวลา 30 นาที ตรวจพบองค์ประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดจำนวนครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะของการเจ็บเจ็บท้องเพราะเหตุว่าได้รับกรดอะซีตำหนิกที่ฉีดเข้าทางท้อง แล้วก็ลดช่วงเวลาของการเลียเท้าหลังทั้งยัง 2ระยะ ในการทดสอบด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านอีกทั้งระบบประสาทศูนย์กลาง แล้วก็ส่วนปลาย ฤทธิ์ปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะ สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 และก็ 750 มก./กิโลกรัม ให้หนูรับประทานนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 แล้วก็ 72.6% เป็นลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มิลลิกรัม/กก. ลดการเกิดแผล 71.9% โดยเหตุนั้นสารสกัดขนาด 500 มก./กิโลกรัม เป็นขนาดที่ยอดเยี่ยม เพราะเหตุว่าออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine รวมทั้งได้ผลไม่ได้มีความแตกต่างกับขนาด 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัมจะลดการทำลายเยื่อในกระเพาะอาหาร และก็รายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งบอกว่า การเรียนรู้ประสิทธิผลและก็ผลกระทบของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในคนเจ็บโรคริดสีดวงทวารระยะทันควัน จำนวน 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม เป็น กรุ๊ปที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มก./เม็ด) กลุ่มที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มก./เม็ด) รวมทั้งกรุ๊ปที่ได้รับยาหลอก ในตอน 4 วันแรก ให้รับประทานทีละ 3 เม็ด ตอนเช้าแล้วก็เย็นหลังอาหาร รวมทั้งตอน 3 คราวหน้า ได้รับทีละ 2 เม็ด ตอนเช้ารวมทั้งเย็น หลังอาหาร ผู้เจ็บป่วยจะได้รับการวัดอาการต่างๆคือ เลือดไหลทางทวารหนัก มูก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก แล้วก็การสัมภาษณ์เพื่อไต่ถามอาการ แล้วก็มีการตรวจเลือดและติดตามผลข้างเคียงของการได้รับยาหรือสมุนไพรควบคู่ไปพร้อมด้วย ผลการค้นคว้าพบว่า ผู้ป่วยในทุกกลุ่มส่วนใหญ่อาการเลือดไหลกะทันหันจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา และมีลักษณะดียิ่งขึ้นหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการดูแลและรักษาในผู้เจ็บป่วยทุกกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตให้ผลสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะทันควันไม่ได้ต่างอะไรจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์และก็ยาหลอก แปลว่าเพชรสังฆาตไม่เป็นผลช่วยสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะฉับพลัน การเล่าเรียนทางพิษวิทยา ความเป็นพิษฉับพลัน เมื่อทดสอบความเป็นพิษโดยให้หนูขาวกิน ขนาด 0.5 – 5.0 กรัม/กก ไม่พบพิษใดๆก็ตาม ความเป็นพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวชนิดวิสตาร์ 5 กลุ่มๆละ 12 ตัว/เพศ กรุ๊ปควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มล./น้ำหนักตัว 1 กก./วัน ในช่วงเวลาที่หนูอีก 4 กลุ่มได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 และ 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเท่ากัน 1,10 และ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน ตามลำดับ โดยกรุ๊ปท้ายที่สุดเป็นกรุ๊ปสังเกตอาการหลังการหยุดยา ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าการเติบโตของกรุ๊ปสุดท้ายเป็นกลุ่มพิจารณาอาการหลังการหยุดยา ผลการค้นคว้าพบว่าการเจริญเติบโตของกรุ๊ปได้รับผงยาและกรุ๊ปควบคุมไม่มีความต่างกัน ไม่กระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหวของค่าทางเลือดวิทยาและก็ค่าทางซีรั่มวิชาชีวเคมี หรือจุลพยาธิภาวะของอวัยวะภายในที่มีความเชื่อมโยงกับขนาดของผงยา และไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติอะไรก็ตามที่สามารถสรุปได้ว่าเนื่องมาจากความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต ข้อเสนอ/ข้อควรพิจารณา การรับประทานเพชรสังฆาตสด อาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเพราะว่าเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลตอยู่มาก 2. ห้ามกินติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 อาทิตย์เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ คนป่วยโรคไตห้ามรับประทาน 3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตควรขอคำแนะนำแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญสำหรับในการใช้เสมอ เพราะว่าอาจทำให้เป็นผลใกล้กันที่ไม่พึงปรารถนาได้ อย่างเช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวน้อย แน่นท้อง เป็นต้น เอกสารอ้างอิง
หัวข้อ: Re: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เริ่มหัวข้อโดย: dddd1752 ที่ ธันวาคม 22, 2018, 04:20:27 pm ขายส่งสมุนไพร
|