หัวข้อ: รีวิวสาย audio cable 6 วิธีสำรวจประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง คลิกเลย เริ่มหัวข้อโดย: SEO.No1 ที่ ธันวาคม 08, 2018, 06:42:54 pm 6 แนวทางตรวจตราประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง
สายสัญญาณเสียง เป็นวัสดุอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเครื่องเสียงเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆโดยสายนี้จะเป็นตัวนำเสียงจากวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มาแสดงออกในเครื่องเสียง ช่วยให้สามารถเล่นไฟล์เสียงด้วยเสียงที่ดังขึ้นได้ ตอนนี้ พวกเราสามารถหาซื้อสายสัญญาณเสียงได้ทั่วๆไปตามร้านจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วก็วัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมีผลิตภัณฑ์หลายรุ่น หลายยี่ห้อให้พวกเราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งแน่ๆว่าเมื่อสายสัญญาณเสียงบนท้องตลาดมีอยู่หลายรุ่น หลายแบรนด์ ทำให้คุณภาพของสินค้ามีความไม่เหมือนกันด้วย ถ้าหากว่าเราได้สายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีมาใช้ดีแล้วไป แม้กระนั้นถ้าเราเผลอไปซื้อสายสัญญาณเสียง ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพมาใช้งานเข้า ก็จะต้องเจอกับปัญหาระหว่างใช้งานหลายประการ อีกทั้งเสียงไม่ออก คุณภาพเสียงไม่ดี มีอายุการใช้แรงงานสั้น ใช้ไปได้เล็กน้อยก็เสียแล้ว อีกทั้งสายสัญญาณเสียงนั้นเป็นสินค้าที่ไม่บางทีอาจประเมินประสิทธิภาพด้วยราคาได้ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นสินค้าราคาไม่แพงหรือผลิตภัณฑ์ราคาแพง ต่างก็มีอีกทั้งคุณภาพดี คุณภาพต่ำ รวมทั้งปัญหาในตนเองปะปนไป โดยเหตุนี้ พวกเราก็เลยควรต้องมีวิธีการเบื้องต้นสำหรับพิจารณาประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง เพื่อสามารถซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาใช้งานได้ถัดไป . (https://static.mustlovemac.store/catalog/product/cache/image/700x560/e9c3970ab036de70892d86c6d221abfe/b/e/belkin_rca_studio_audio_cable.jpg) . การสำรวจคุณภาพ สายสัญญาณเสียง พวกเราสามารถทำได้ 6 วิธีดังนี้ 1. พิจารณาความแข็งแรง-ความอ่อนของสาย ข้อนี้เป็นสิ่งแรกที่พวกเราสามารถตรวจตราด้วยตนเองได้ แล้วก็ควรเช็คเป็นอย่างแรก เนื่องจากสายสัญญาณเสียงในปัจจุบันมีการผลิตสายออกมาให้มีความแข็งรวมทั้งความอ่อนแตกต่างกัน โดยทั่วไป สายสัญญาณเสียงที่ราคาแพงถูกชอบมีสายค่อนข้างจะแข็ง ในขณะที่สายสัญญาณเสียงราคาแพงๆชอบมีสายอ่อน ข้อเสนอคือ ไม่สมควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่แข็งเกินไป ด้วยเหตุว่าจะไม่อาจจะพับสายได้ ถ้าหากพับ ม้วนเก็บสายย่อมทำให้เกิดปัญหา ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่อ่อนเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่ายิ่งอ่อนนิ่มมาก สายก็จะยิ่งเปราะบาง เมื่อนำไปใช้งานเป็นประจำย่อมมีความเสี่ยงสูงที่สายจะขาด หรือหักพับได้ง่ายๆสาย audio cable[/b]ที่เยี่ยมที่สุด ควรจะเป็นสายที่อ่อนเพียงพอจะสามารถพับได้อย่างไม่เกิดการเสียหาย แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็มีความแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้อย่างไม่เกิดการฉีกจนขาด ถ้าเกิดเราพบว่าสายสัญญาณเสียงใดมีลักษณะเช่นนี้ สามารถซื้อมาไว้ใช้งานได้เลย 2. ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำหัวสายว่าเป็นยังไง สายสัญญาณเสียงที่ผลิตออกมาในตอนนี้นั้น มีการใช้โลหะอยู่ 2 จำพวกใหญ่ๆสำหรับการทำหัวสาย ดังเช่น ทองเหลือง รวมทั้งอลูมินัม ขอชี้แนะว่าควรที่จะเลือกใช้สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นทองสัมฤทธิ์จะดียิ่งกว่า เนื่องมาจากเป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ดีมากยิ่งกว่าอลูมิเนียม ไม่ค่อยเจอปัญหาเสียงขาดเสียงหาย แม้จะทิ่มสายไม่แน่นก็ตาม ในขณะที่อลูมิเนียม เป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ไม่ดีนัก แม้เสียบไม่แน่นจะไม่สามารถที่จะนำสัญญาณเสียงได้ นอกจากนั้น ทองบรอนซ์ยังเป็นโลหะที่มีคงทนถาวรสูง แก่การใช้งานยาวนาน ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องการหัก หรือการโค้งงอผิดแบบ ในเวลาที่สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นอลูมินัมนั้นต้องใช้งานอย่างระแวดระวัง แม้ไม่ถนอมกล่อมเกลี้ยง หัวสายจะหักหรือโค้งงอได้ง่ายในเวลาอันรวดเร็วทันใจ 3. วิเคราะห์การยึดระหว่างหัวสายกับสายไฟว่าคืออะไร มีการเชื่อมต่ออย่างสนิทดีหรือเปล่า โดยทั่วไปสายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีจะยึดจุดเชื่อมต่อระหว่างสายไฟกับอารมณ์เสียบได้อย่างสนิท ในขณะสายสัญญาณเสียงคุณภาพไม่ดีมักยึดส่วนหัวสายกับสายไฟได้ไม่แน่น บางรุ่นทำเพียงแค่เอาสายใส่เข้าไปในหัวแบบไม่ได้ยึด สิ่งที่จะตามมาเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็คือ สายไฟหลุดออกมาจากอารมณ์เสียบ แล้วก็ถ้าหากสายสัญญาณเสียงใดมีปัญหานี้ขึ้นมาย่อมไม่สามารถซ่อมแซมได้ จำต้องทิ้งสิ่งเดียว โดยเหตุนี้ในการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง พวกเราก็เลยต้องพิจารณาจุดเชื่อมต่อระหว่างหัวเสียบกับสายไฟด้วย 4. ตรวจสอบความยาวของโลหะหัวเสียบว่ามีความสั้นยาวเพียงใด โดย สายสัญญาณเสียงที่ดี จะต้องมีความยาวระหว่างโลหะหัวเสียบอยู่ที่ 2-5 ซม. เนื่องจากเป็นความยาวที่สมควรในการทิ่มเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆได้โดยไม่เกิดการคลอนหรือหลวม อีกทั้งยังทิ่มได้สนิท ไม่มีโลหะหัวเสียบโผล่พ้นขึ้นมา ถ้าเป็นสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวของโลหะหัวเสียบสั้นเหลือเกิน จะไม่สามารถทิ่มกับวัสดุอุปกรณ์ได้ กำเนิดปัญหาเสียงไม่ออก หรือเสียงมาเป็นพักๆจำเป็นต้องรอประคองไว้ ส่วนหากโลหะที่ศีรษะแทงมีความยาวมากจนเกินความจำเป็น เมื่อทิ่มกับเครื่องไม้เครื่องมือจะมีผลให้มีโลหะนิดหน่อยโผล่ขึ้นมา ถ้าเกิดเผลอไปชนเข้าอาจจะส่งผลให้สายเกิดการหักได้ 5. ตรวจตราความยาวของสายไฟว่ามีมากน้อยเท่าใด ข้อนี้หากแม้จะมิได้มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานโดยตรง แต่ว่าก็สำคัญ เพราะเหตุว่าการซื้อสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวพอเพียงต่อการใช้งาน จะช่วยให้สามารถต่อเครื่องใช้ไม้สอยอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก ไม่เกิดปัญหาสายตึงรั้งเกินความจำเป็นจนกระทั่งเสี่ยงต่อการหัก หรือหย่อนยานเหลือเกินจนถึงเกิดความรู้สึกขวาง ซึ่งความยาวที่สมควรของสายไฟขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราว่าเป็นอย่างไร หากเป็นสายสัญญาณเสียงสำหรับแทงวัสดุอุปกรณ์เครื่องเสียงในรถยนต์ หรือลำโพงทั่วไป ควรจะมีความยาวอยู่ที่ 30-60 เซนติเมตร ส่วนถ้าหากเป็นสานสำหรับต่อลำโพงขนาดใหญ่ จะต้องลากสายยาวๆก็ควรมีความยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป 6. ตรวจสอบยี่ห้อของสาย ส่วนแบรนด์นี้ก็นับว่ามีความหมายไม่แพ้กันสำหรับเพื่อการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง โดยควรจะเลือกซื้อสายสัญญาณเสียงที่สร้างขึ้นโดยแบรนด์อันเป็นที่รู้จัก เลี่ยงสินค้าจากแบรนด์แปลกๆหรือสินค้าโนเนม เนื่องจากมักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มิได้คุณภาพ มีโอกาสชำรุดทรุดโทรมเสียหายได้ง่าย วิธีสำหรับการเลือกซื้อ สายสัญญาณเสียง ให้ได้ประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องที่พวกเราต้องให้ความใส่ใจ เพื่อการเชื่อมต่อเครื่องใช้ไม้สอยอิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องเสียงสามารถำได้อย่างมีคุณภาพ ได้เรื่องเล่นเสียงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง ขอขอบคุณ บทความสายสัญญาณเสียง : https://www.dotlife.store/cable/audio-cable.html, dotlife รีวิวสายสัญญาณเสียงจาก Pantip: www.pantip.com Tags : สายสัญญาณเสียง,สายสัญญาณเสียง ราคา
|