หัวข้อ: ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เริ่มหัวข้อโดย: ttads2522 ที่ ธันวาคม 09, 2018, 11:11:18 am (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1543806904131.jpg)
ลูกซัด ชื่อสมุนไพร ลูกซัด ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น ไม่มีข้อมูล ชื่อวิทยาศาสตร์ Trigonella foenum-graecum L. ชื่อสามัญ Fenugreek , Methi วงศ์ LEGUMINOSAE (FABACEAE) - PAPILIONIODEAE ถิ่นกำเนิด ลูกซัดเป็นพืชที่มีบ้านเกิดเมืองนอนในแถบเมติเตอร์เรเนียน รวมทั้งมีการกระจัดกระจายพันธุ์ไปในอินเดีย จีน รวมถึงประเทศแอฟริกา อย่างเช่น อียิปต์ , เอธิโอเปีย ในตอนนี้สามารถ พบได้ในหลายพื้นที่ทั้งโลกทั้งยังในทวีปเอเชีย แอฟริกา แล้วก็ยุโรปโดยส่วนมากนิยมใช้เม็ดของลูกซัดซึ่งมีกลิ่น เฉพาะบุคคล เป็นเครื่องเทศในการทำครัว โดยยิ่งไปกว่านั้นในอาหรับแล้วก็อินเดีย ส่วนแหล่งปลูกเพื่อการพาณิชย์ที่สำคัญ ได้แก่ อินเดีย อียิปต์ ตูนีเซีย โมร็อกโก เอธิโอเปียประเทศฝรั่งเศส ประเทศตุรกี และก็ จีน ลักษณะทั่วไป ลูกซัดจัดเป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว ลำต้นตั้งชัน สูงได้ถึง 60 ซม. รากแก้วขนาดใหญ่ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ หูใบขนาดเล็ก ก้านใบยาว 1-4 หรือ 1-6 เซนติเมตร แกนกลางสั้น ใบย่อยรูปไข่กลับหรือขอบขนาด กว้าง 0.5-2 เซนติเมตร ยาว 1.5-4 ซม. ดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว สีเหลือง ยาว 1-1.5 ซม ฝักรูปขอบขนาน กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 5-19 ซม. ผิวเนียน ในฝักมีเมล็ด 10-20 เม็ด เมล็ดแก่สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลืองทอง เมล็ดมีขนาดเล็ก ขนาดกว้าง 3 มิลลิเมตร ยาว 4 มม. หนา 1 มิลลิเมตร มีร่องกึ่งกลางเม็ด มีกลิ่นฉุนส่วนตัว เม็ดมีรสฝาด มีกลิ่นหอม การขยายพันธุ์ ลูกซัดสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด รวมทั้งการปักชำ โดยมีวิธีการเพาะเม็ดและใช้กิ่งปักชำ รวมทั้งกระบวนการปลูกเหมือนกันกับพืชประเภทอื่นๆปกติ ส่วนประกอบทางเคมี เมื่อเรียนทางด้านส่วนประกอบทางเคมีพบว่าสาระสำคัญที่พบในลูกซัดมีgalactomannan ร้อยละ 14-15 น้ำมันระเหยยาก (fixed oil) มีรสขมรวมทั้งกลิ่นเหม็น น้ำมันระเหยง่ายปริมาณร้อยละ 0.02 เจอสารกรุ๊ปAlkaloids อย่างเช่น trigonelline , สารกลุ่ม saponin ยกตัวอย่างเช่น diosgenin, yamogenin, tigogenin, neotigogenin, Graecunin A-G sarsapogenin smilgenin trigofoenside A trigofoenoside B,C trigofoenoside D trigofoenoside F,G yuccagenin, gitogenin สารกลุ่มflaronoids ยกตัวอย่างเช่น vitexin, orientin, quercetin, luteolin kaempferol กรดอะมิโนชื่อ 4-hydroxyisoleucine ที่มา : Wikipedia นอกจากนั้น ลูกซัดยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้ คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดลูกซัดต่อ (100 กรัม) (3.5 ออนซ์) พลังงาน 1,352 kJ (323 kcal) คาร์โบไฮเดรต 58 กรัม เส้นใยอาหาร 25 กรัม ไขมัน 6.4 กรัม โปรตีน 23 กรัม วิตามิน Thiamine(B 1 ) ไทอะมีน (วิตามิน B1) 0.322 mg Riboflavin (B 2 ) ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) 0.366 มก ไนอาสิน(B 3 ) (วิตามิน B3) 1.64 มก ไพริดอกซิน (วิตามิน บี6) 0.6 มก โฟเลต(B 9 ) (วิตามิน B9) 57 ไมโครกรัม แอสคอบิดเอสิด (วิตามินซี) 3 มก ธาตุ แคลเซียม 176 มก. เหล็ก 34 มก แมกนีเซียม 191 มก แมงกานีส 1.23 mg ธาตุฟอสฟอรัส 296 มก โพแทสเซียม 770 มก โซเดียม 67 มก สังกะสี 2.5 มก ส่วนประกอบอื่นๆ น้ำ 8.8 กรัม ประโยชน์/สรรพคุณ ลูกซัดถูกประยุกต์ใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหาร ด้วยเหตุว่าให้กลิ่นหอม รวมทั้งมีรสขมเฉพาะตัว เป็นรสเสน่ห์อาหารอย่างหนึ่ง ซึ่งลูกซัดจะมีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายขึ้นฉ่ายแต่แรงกว่า รสออกขมนิดๆฝาดหน่อยๆเมื่อจะใช้เขานำไปคั่วไฟก่อน ไฟจะต้องอ่อนมากๆเนื่องจากลูกซัดบอบบาง ไหม้ง่าย เมื่อคั่วแล้วจะมีกลิ่นหอมสดชื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากคั่วด้วยน้ำมันเมล็ดจะพองตัว รสออกขมเข้มขึ้น เจือด้วยรสเผ็ดนิดๆและก็ด้วยคุณลักษณะกลิ่นและก็รสดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ลูกซัดจึงกลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญใน ?ผงกะหยี? อันเป็นเครื่องเทศสากลที่ใช้กันทั้งโลก แล้วก็ที่ชาวอินเดียใช้ ลูกซัดในการดองมะม่วง พริก กระเทียมและผักอื่นๆทำเป็น Achar (อาจาด) ที่ใช้เป็นของเคียงของสะเต๊ะ และในอีกหลายๆประเทศก็ยังมีการใช้ลูกซัดมาเป็นส่วนผสมของแป้งเพื่อจัดเตรียมเป็นอาหารชนิดต่างๆดังเช่น ขนมปัง แป้งพิซซ่า มัฟฟิน แล้วก็ขนมเค้ก และก็มีการสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาลูกซัดในลักษณะของอาหารเพื่อคนที่รักสุขภาพ (functional food) รวมทั้ง สินค้าเสริมของกิน (dietary supplement) อีกด้วย ในอินเดียวมีการใช้เม็ดแก้ท้องร่วง รักษาเกาต์ เบาหวานขับนม กระตุ้นกำหนัด และก็ขับประจำเดือน ส่วนในประเทศทางแถบยุโรป จะใช้เม็ดรักษาเบาหวาน แล้วก็ขับน้ำนม สำหรับคุณประโยชน์ทางยาตามตำรายาไทย: ใช้เมล็ด แก้ท้องเสีย กล่อมเสมหะและอาจมแก้ธาตุพิการแก้ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ทำให้เจริญอาหาร บดแล้วประยุกต์ใช้พอก ฝี ลดอาการบวม ทาแผลต่างๆแก้อักเสบบวม แก้ไอเรื้อรัง ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ คุณประโยชน์แผนโบราณ ขับเสมหะ ทำให้เปียกชื้น ต้านการอักเสบ ขับเมนส์ ขับนมข้างหลังคลอดลูก รักษาเบาหวาน ส่วนคนประเทศไทยในอดีตกาลใช้น้ำต้มลูกซัดและเปลือกชะลูดต้มผ้า เพื่อให้ผ้ามีกลิ่นหอมหวนและแข็งจับกลีบได้ ซึ่งสารเมือกที่มีในลูกซัดนั่นเองที่ทำให้ผ้าแข็งตัวเป็นเงางาม ปัจจุบันนี้ได้มีการใช้มูกของลูกซัดสำหรับการอาบกระดาษมัน รวมทั้งผสมในการทำยาเม็ดเพื่อให้การแตกตัวของยาดียิ่งขึ้น แบบ/ขนาดการใช้ การใช้ลูกซัดในตอนนี้ได้แก่การใช้สำหรับการบริโภคในลักษณะของเครื่องเทศ และอาหารมากยิ่งกว่า การใช้ในการเป็นยารักษาโรคเนื่องจากขนาดสำหรับในการให้ยารักษาโรคนั้นก็ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยที่ชี้ชัดถึงขั้นการใช้ที่สมควรแล้วก็มีความปลอดภัยที่แน่ๆ การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา มีการเรียนรู้ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดสอบ อีกทั้งธรรมดาแล้วก็ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวาน โดยพบว่าในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan เมื่อฉีดสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 0.06 0.2 0.5 แล้วก็ 1 ก./กิโลกรัม รวมทั้งสารสกัด 70% เอทานอลจากใบ ขนาด 0.8 กรัม/กิโลกรัม เข้าทางท้อง แล้วก็ป้อนสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 1 2 แล้วก็ 8 ก./กก. มีผลลดน้ำตาลในเลือดของหนู ยาต้มและสารสกัด 95% เอทานอลจากเม็ด ขนาด 0.5 มล./ตัว สารสกัด 95% เอทานอลจากเมล็ด ขนาด 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม รวมทั้งสารสกัดอัลกอฮอล์จากเม็ด ขนาด1 2 แล้วก็ 4 กรัม/กิโลกรัม มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้บาหวานด้วย alloxan ได้เช่นเดียวกัน ลูกซัดส่งผลเสริมฤทธิ์ของยารักษาโรคเบาหวานโดยเมื่อให้ผงเมล็ดลูกซัดร่วมกับยา glicazide พบว่าลูกซัดจะเสริมและเพิ่มระยะเวลาการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของยาในหนูแรทปกติ หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan monohydrate และก็ในกระต่ายปกติ โดยไม่ทำให้มีการเกิดการชักเนื่องด้วยน้ำตาลในเลือดต่ำ สารสกัดเอทานอล ขนาด 500 มก./กิโลกรัม เมื่อให้ร่วมกับยาglibenclamide แก่หนูแรทธรรมดาแล้วก็หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย streptozotocin จะมีผลเสริมฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดด้วยเหมือนกันผงเม็ด ขนาด 15 กก. มีผลลดน้ำตาลในเลือดรวมทั้งอินซูลินของคนป่วย เมื่อทดลองด้วยวิธีการวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร (Meal tolerance test) เมื่อให้ผู้เจ็บป่วย ปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารที่ผสมผงเมล็ดลูกซัดที่กำจัดไขมัน จำนวน 100 ก.นาน 10 วัน พบว่าระดับน้ำตาลแล้วก็อินซูลินในเลือดต่ำลง คนป่วย อายุระหว่าง38-54 ปี จำนวน 10 คน ที่ทานอาหารซึ่งผสมผงเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 กรัม โดยแบ่งเป็นขนาดเท่าๆกัน รับประทานวันละ2 มื้อ คือ กลางวันและก็เย็น นาน 15 วัน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง โดยลูกซัดส่งผลลดระดับน้ำตาลในพลาสมา เพิ่มการใช้เดกซ์โทรส และก็เพิ่ม insulin receptor บนเม็ดเลือดแดง ทำให้เพิ่มความต้านทานต่อเดกซ์โทรส แล้วก็เมื่อให้ผู้ป่วย จำนวน 60 คน ทานอาหารที่ผสมผงเมล็ดลูกซัดในขนาดเดียวกันนี้ นาน 24 อาทิตย์ พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินในผู้ป่วยต่ำลงเช่นกัน การศึกษาเล่าเรียน ในอาสาสมัครสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงที่กินแคปซูลผงใบลูกซัดขนาด 2.5 ก. วันละ 2 ครั้ง นาน 3 เดือน พบว่าไม่มีผลลดน้ำตาลในเลือด เมื่อให้คนธรรมดา ปริมาณ 6 คน รับประทานตำรับอาหารที่ผสมผงเม็ดลูกซัดดิบ เมล็ดต้น แล้วก็เม็ดกำลังงอก ปริมาณ 12.5 ก. วันละครั้งเป็นอาหารเช้า หรือให้กินตำรับยาซึ่งมีลูกซัด และ guar gum พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลงเม็ด ขนาด 25 กรัม ยางที่สกัดจากเมล็ด (gum) ขนาด 5 ก. แล้วก็ใบ ขนาด 150 กรัม มีผลลดน้ำตาลในเลือดของคนปกติได้ เมื่อให้อาสาสมัครชายสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอายุ 20-30 ปี ปริมาณ 20 คน กินสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 40 มก./กิโลกรัมพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 13.4 ภายหลังได้รับสารสกัด 4 เซนติเมตร โดยส่งผลใกล้กันบางส่วน อาทิเช่น รู้สึกหิวปัสสาวะบ่อยครั้ง รวมทั้งเวียนศีรษะ นอกนั้นยังมีการวิจัย ปริมาณหนึ่งทำการทดสอบโดยให้สตรี ที่อยู่ในตอนให้นมบุตรดื่มชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ผลลัพธ์ที่ได้ เป็น มีสัญญาณบ่งชี้ถึงจำนวนน้ำนมที่มากขึ้นของม่าม้าในกลุ่มทดลองอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่มิได้บริโภคชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า ของกินเพิ่มน้ำนมที่มีส่วนผสมของลูกซัดบางทีอาจช่วยกระตุ้นการผลิตนม แล้วก็มีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวเด็กในพักหลังคลอดได้ด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ หลักฐานที่ชัดเจนด้านการแพทย์เกี่ยวกับลูกซัดที่สมาคมกับการเพิ่มจำนวนน้ำนมในสตรีที่ให้นมลูกยังคงมีจำกัดรวมทั้งนักวิจัยยังกล่าวว่าจะต้องมีการเรียนรู้เพิ่มถัดไป การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา ลูกซัด การทดสอบความเป็นพิษ ยาต้มจากใบ สารสกัดน้ำจากใบ หรือสารสกัดเอทานอล:น้ำจากเม็ดเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูแรท และก็หนูเม้าส์ มีค่าLD50 เท่ากับ 4 กรัม/กก. 1.9 กรัม/กิโลกรัม แล้วก็ 1ก/กก. เป็นลำดับ เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารกสัดน้ำจากใบพบว่ามีค่า LD50 เท่ากับ 10 กรัม/กิโลกรัม สารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากเม็ด เมื่อทดสอบในกระต่ายและก็หนูแรทมีค่า LD50 มากกว่า 2 และ 5กรัม/กก. เป็นลำดับ การรับประทานเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 ก./วัน ไม่นำมาซึ่งพิษ การเล่าเรียนความเป็นพิษในคนเจ็บที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 2 ปริมาณ 60 คน โดยให้ทานอาหารที่เสริมผงเม็ดลูกซัด 25 กรัม นาน 24 อาทิตย์ พบว่าไม่เป็นพิษต่อตับและก็ไต และไม่พบความแตกต่างจากปกติของค่าทางโลหิตวิทยา แต่ว่าหรูหรายูเรียในเลือดน้อยลงภายหลังรับประทาน 12 สัปดาห์ พิษต่อเซลล์ สารสกัดน้ำจากเมล็ด ความเข้มข้น 0.3 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นพิษต่อเซลล์ตับของหนูแรท โดยการทำให้เกิดความแปลกของไครโมโซม พิษต่อตัวอ่อน ไม่เจอความเป็นพิษต่อตัวอ่อน เมื่อป้องผงเมล็ดแห้ง ขนาด 175 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้แก่หนูแรทที่ตั้งท้อง เมล็ด ขนาด 2 กรัม/ตัว ไม่เป็นผลทำให้หนูแรทแท้ง มีรายงานผู้เจ็บป่วยที่การเกิดอาการแพ้จากการสูดดมผงเม็ดลูกซัด โดยการทำให้น้ำมูกไหลมากมาย หอบและหมดสติ แล้วก็คนไข้ที่เกิดอาการแพ้จากการกินเครื่องแกง ที่มีลูกซัดเป็นส่วนผสม โดยมีลักษณะหลอดลมบีบเกร็ง หอบ แล้วก็ท้องร่วง แล้วก็จะเสริมให้แพ้มากในคนเจ็บที่แพ้ถั่วลิสงด้วย ในคนป่วยที่เป็นโรคหอบหืดเรื้อรังซึ่งใช้ผลเมล็ดลูกซัดสำหรับแก้รังแค พบว่าทำให้หนังหัวหมดความรู้สึก หน้าบวม และหอบ ข้อแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม 1. ไม่แนะนำให้ผู้ที่แพ้อาหารจำพวกถั่วทานลูกซัด เนื่องจากถั่วลูกซัดเป็นพืชเครือญาติถั่ว หากแม้จะจัดเป็นเครื่องเทศก็ตาม 2. หญิงท้องไม่ควรทานถั่วลูกซัด เพราะถั่วลูกซัดบางทีอาจเข้าไปกระตุ้นการหดตัวของมดลูกได้ 3. พึงระวังการใช้ลูกซัดร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน อย่างเช่น ยาในกรุ๊ป sulfonylureas ดังเช่นว่า chlorpropamide, glibencamide, glipizide, gliclazide, gliquidone และ glimepiride ด้วยเหตุว่าลูกซัด บางทีอาจไปเสริมฤทธิ์ของยา 4. อาจมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากจนเกินความจำเป็น ด้วยเหตุนั้นหากคนป่วยเบาหวาน จะกินลูกซัด ควรขอคำแนะนำหมอแล้วก็อยู่ภายใต้คำเสนอแนะของหมออย่างใกล้ชิด 5. ควรรอบคอบสำหรับเพื่อการใช้ร่วมกับยาสลายลิ่มเลือด ยกตัวอย่างเช่น warfarin หรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านทานการรวมตัวของเกร็ดเลือด อาทิเช่น กระเทียม หรือแปะก๊วย เพราะบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงต่อการตกเลือดได้ 6. ลูกซัดบางทีอาจส่งผลทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้ ตัวอย่างเช่น ท้องร่วง ท้องไส้ปั่นป่วน เรอ มีแก๊สในช่องท้อง หรือเยี่ยวมีกลิ่นคล้ายเมเปิลไซรัป 7. ถึงแม้ยังไม่มีรายงานการใช้ในสตรีมีท้องและก็ให้นมลูก แม้กระนั้นสตรีมีท้องและให้นมบุตร แต่ว่าสตรีตั้งครรภ์ควรรอบคอบสำหรับการใช้ ด้วยเหตุว่าลูกซัดส่งผลลดน้ำตาลในเลือด ยิ่งไปกว่านี้ยังมีรายงานค้นคว้าทำการวิจัยว่า สารสกัดน้ำ 95% เอทานอล และเมทานอลจากเม็ด มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูกของหนูที่กำลังมีท้อง โดยเหตุนั้น อาจมีผลนำมาซึ่งแท้งลูกได้ เพราะฉะนั้นควรจะขอคำแนะนำหมอแล้วก็ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนใช้รวมถึงไม่ควรใช้ในปริมาณมาก แล้วก็สม่ำเสมอเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆ เอกสารอ้างอิง
หัวข้อ: Re: ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เริ่มหัวข้อโดย: powad1208 ที่ ธันวาคม 13, 2018, 10:41:20 am ลูกซัด คืออะไร
|