หัวข้อ: อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: Puttichai9876 ที่ ธันวาคม 11, 2018, 08:58:37 am (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542265343264.jpg) อัญชัน ชื่อสมุนไพร อัญชัน ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่) ชื่อวิทยาศาสตร์ Clitorea ternatea Linn. ชื่อสามัญ Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper. วงศ์ Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae) ถิ่นกำเนิด อัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียและอเมริกาใต้ (แต่บางแบบเรียนพูดว่าอยู่ที่อินเดีย) แล้วมีการแพร่ขยายจำพวกไปในเขตร้อนต่างๆทั่วทั้งโลกรวมไปถึงในประเทศออสเตรเลีย อเมริกา และก็ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้นว่า ไทย ลาว เวียดนาม เขมร พม่าฯลฯ สำหรับในประเทศไทย อัญชันน่าจะมีการแพร่ไปชนิดมานานแล้ว เพราะเหตุว่าเจอในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของแพทย์ปรัดเล พ.ศ.2416 เอ่ยถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" รวมทั้งสามารถพบมากในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่กึ่งร่ม ทั้งป่าเบญจพรรณในพื้นล่างจนไปถึงป่าดิบเขาสูง โดยอัญชันที่เจอในประเทศไทย มีอีกทั้งจำพวกบ้านที่ผ่านการเลือกเฟ้นให้ดอกใหญ่ ดก สีเข้ม ฯลฯ กับประเภทที่ขึ้นเองตามที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นชนิดดอกชั้นเดียว ดอกเล็ก และสีไม่เข้ม ซึ่งคนไทยโดยมาก นิยมนำมาปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบดอกซ้อน ดอกขนาดใหญ่และ ดก เพราะว่านอกเหนือจากงดงามแล้ว ยังนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายแบบ อีกด้วย ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในสกุล Fabaceae ซึ่งเป็นวงศ์ของถั่วในกลุ่มถั่วฝักเมล็ดกลม (pea) อาทิเช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea) โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบข้างล่าง ก้านดอก ใบประดับประดา และกลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปวงรีปนไข่กลับ กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 2-5 เซนติเมตร แกนกลางใบประกอบยาว 3-7 เซนติเมตร รวมก้านที่ยาว 1-3 ซม. ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งคู่ด้าน หรือบางครั้งผิวข้างบนสะอาด ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างบาง เส้นกิ่งก้านสาขาใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มิลลิเมตร ดอกผู้เดียว ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบดอกไม้ รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบดอกไม้ย่นบาง กึ่งกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนติดกัน ยาว 1.5-2 ซม. แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวๆกึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว กึ่งกลางกลีบสีเหลืองหมองขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดทาสีเหลืองกึ่งกลางกลีบจำพวกนี้เรียกว่าชนิดดอกลา บางครั้งบางคราวกลีบ 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูเหมือนกับว่ามีกลีบหลายชั้น เรียกว่าชนิดดอกซ้อน กลีบกึ่งกลางรูปรีกว้างเกือบจะกลม ยาวราวๆ 3.5 ซม.ก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวตอนกึ่งกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกึ่งกลางโดยประมาณ กึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน กลีบคู่ข้างล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกรุ๊ป 9 อัน ชิดกันโดยประมาณ 2 ใน 3 ส่วน หมดจด ยาวเท่ากลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ข้างล่างรังไข่รูปทรงกระบอก ยาวราว 5 มม. มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายข้างใน ก้านช่อยาวโดยประมาณ 5 มิลลิเมตร ใบตกแต่งขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มิลลิเมตร ใบเสริมแต่งย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบประดับประดา มี 1 คู่ รูปไข่กว้างเกือบจะกลม ขนาดประมาณ5 มิลลิเมตร มีเส้นใบแน่ชัด ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มิลลิเมตร ผลเป็นฝัก รูปดาบ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-12 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว พอแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เม็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราว 5 มม. จำนวน 6-10 เมล็ด โดยธรรมดานั้น ดอกอัญชันมี 3 สี เป็น สี ขาว สีน้ำเงิน แล้วก็สีม่วง จำพวกดอก สีม่วงนั้นบางตำราเรียนว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างจำพวกดอกสีขาวกับพันธุ์ดอกสีน้ำเงิน ซึ่งคนเขียนยังคลุมเคลือว่าถูกต้อง ด้วยเหตุว่าเคยเห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน มีความหมายว่าเป็นพันทางระหว่างดอกขาวกับดอกน้ำเงิน แม้กระนั้นข่มกันไม่ลงก็เลยแสดงออกมาอีกทั้ง 2 สี ไม่กลายเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางแบบเรียน การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง คงทน ก็เลยมีการปลูกทั่วๆไป โดยนิยมนำมาปลูกเป็นพืชหลังบ้าน ขอบรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เม็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกคือ ถ้าปลูกเพื่อการค้าให้ปรับดินโดยการไถกระพรวนแล้วให้ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเมล็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 กิโลต่อไร่ รวมทั้งให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แต่ว่าโดยส่วนมากชอบนิยมนำมาปลูกในช่วงฤดูฝนเพราะไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ชูร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวดังที่อยาก ต่อจากนั้นย่อยดินรวมทั้งผสมปุ๋ยหมักลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเมล็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักและก็ทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้เปียกทุกวี่ทุกวันในตอนอาทิตย์แรก ปกติแล้วอัญชันถูกใจขึ้นที่โล่งแจ้งที่ได้ รับแดดเต็มกำลังชอบดินร่วนซุยคละเคล้าทรายที่ออกจะร่วนซุยแต่มีการระบายน้ำเจริญ ปกติอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวประมาณ ๗ เมตร เมื่อถึง หน้าแล้งจะแห้งตายไป แต่ว่าถ้าหากมีน้ำ พอเพียงและดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถปลูกและได้ดอกอัญชันทั้งปี เม็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside รวมทั้ง anthoxanthin glucoside ดอก มีสารในกรุ๊ป ternatins ได้แก่ ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 แล้วก็ D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกเป็น สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, แล้วก็ kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside ประโยชน์ / สรรพคุณ อัญชันมีการประยุกต์ใช้ทำประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง อย่างเช่น สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีขนม ได้แก่ ขนมดอกอัญชัน ของหวานช่อม่วง ทำน้ำกินสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงสวยเพราะสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้และก็สีแปลง ไปตามความเป็นกรดด่างคล้าย กระดาษลิตมัสที่ใช้สำรวจความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้ทั้ง จิ้มน้ำพริกสดๆหรือชุบแป้งทอด ในตอนนี้อัญชัน ซึ่งถูกเอามาพัฒนาเป็นสินค้ายุคใหม่ ดังเช่นว่า ยาสระผม และก็ยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยแล้วก็มีคุณค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณลักษณะของดอกอัญชันในการรักษาเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมร่วงและช่วยปลูก ผมให้ดกดกขึ้น รวมทั้งใช้นำมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารฯลฯ นอกนั้นหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ดอกหุงกับข้าวเพื่อให้ข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่ากินเพิ่มขึ้น และในประเทศประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนกินเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน รวมทั้งใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนสรรพคุณทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เม็ด รสมัน เป็นยาระบาย แม้กระนั้นมักทำให้อาเจียนคลื่นไส้ ราก รสขมเย็น (นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับฉี่ แก้ฉี่ทุพพลภาพ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตาพร่า ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากแปรงฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยารับประทานรวมทั้งพอก ถอนพิษหมาบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันในการปลูกผมรวมทั้งคิ้วทารก หยุดการตกของหนังศีรษะอ่อนแอย้อมผมหงอกให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้ฟกช้ำดำเขียวบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบและก็รากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาเฉอะแฉะ ตาฟาง ส่วนแบบเรียนยาพื้นบ้าน ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกรวมทั้งน้ำซาวข้าว กินหรือทา แก้งูสวัด สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์ในต่างแดน ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของอินเดีย มีการนำส่วนรากและเมล็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายและก็บำรุงสมอง รวมถึงใช้เป็นยาระบายและก็ขับเยี่ยวรวมทั้งในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำต้มจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำสุกจากรากและดอกด้วยกันเป็นยาบำรุงโลหิต ส่วนเมล็ดใช้เป็นยาระบายขับเยี่ยว แล้วก็ขับพยาธิ ส่วนในการหมอแผนปัจจุบันระบุว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มาก มีคุณลักษณะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีเยอะขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เส้นเลือดส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมมากขึ้น หรือทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับมองเห็นแข็งแรงขึ้น เนื่องจากว่ามีหลอดเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วก็ที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมของการเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตัน ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยสำหรับการชะลอวัยและริ้วรอยที่วัย ช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงสมอง ช่วยล้างสารพิษและก็ของเสียออกมาจากร่างกาย ช่วยต้านโรคเบาหวานฯลฯ ต้นแบบ / ขนาดการใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับฉี่ แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เพิ่มเติมน้ำสะอาด 500 ซีซี ต้มจนเดือนต่อจากนั้นต้มต่ออีก 2 นาที ชูลง ปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้กิน แก้ปวดฟัน , ช่วยให้ฟันทน ใช้รากสดเช็ดตามฟันซีที่อยากได้ , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับฉี่แก้เยี่ยวพิการ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่บวมช้ำและใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย การศึกษาทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ความเครียดลดลงแล้วก็วิตกกังวล ศึกษาฤทธิ์ผ่อนคลายความเครียดแล้วก็กังวลของพืชที่มีคุณประโยชน์บำรุงสมองตามตำราอายุรเวชศาสตร์ของประเทศอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล รากอัญชัน ขนาด มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ส่งผลกังวลใจลดลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดสอบด้วยแนวทาง elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นขั้นตอนการทดสอบที่ทำให้หนูเกิดความหวาดกลัว และก็การป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 และก็ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดลองเหนี่ยวนำให้เกิดความเครียดด้วยวิธี forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต้านทานความตึงเครียด โดยทำให้ค่า immobility time period ต่ำลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว แล้วก็ในการค้นคว้าฤทธิ์คลายความเครียดของอัญชัน ในหนูแรทด้วยวิธี tail suspention test (TST) รวมทั้ง FST โดยทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 และ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งคู่ขนาดมีฤทธิ์ระงับความเครียดของหนูแรทจากการทดลองทั้งสองแบบ โดยมีค่า immobility time period ต่ำลงเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 แล้วก็ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดสอบด้วยแนวทางต่างๆได้แก่ EPM, TST แล้วก็ light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว มีฤทธิ์ความเครียดน้อยลงแล้วก็ตื่นตระหนกเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ยิ่งไปกว่านี้การฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 และก็ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เข้าทางท้องหนูแรทมีฤทธิ์ความไม่ค่อยสบายใจน้อยลง เมื่อทำการทดสอบด้วยแบบอย่างต่างๆตัวอย่างเช่น EPM, TST และ Rota Rod test โดยขนาด 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้ผลดีมากกว่าขนาด 100 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนและความจำศึกษาฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้และก็ฟื้นฟูความทรงจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากภาวการณ์สูญเสียความทรงจำที่มีเหตุมาจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยทำการทดลองในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin แล้วป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความรู้ความเข้าใจในการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบกายด้วยแนวทางต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test และ radial arm maze test ในวันที่ 71 แล้วก็ 75 ของการทดลอง ผลจากการเรียนรู้พบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความรู้และมีความเข้าใจในการทำความเข้าใจแล้วก็ความจำดีขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุม นอกเหนือจากนี้จากการวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความสามารถสำหรับการเรียนรู้และความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม ยิ่งไปกว่านี้จกาการวัดค่าวิชาชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน ส่งผลยั้งลักษณะการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี acetycholinesterase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ปฏิบัติภารกิจสลายacetylcholine ที่ปฏิบัติภารกิจเป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการเรียนรู้และความจำ นอกจากนั้นยังเพิ่มระดับของเอนไซม์ที่เกี่ยวกับขั้นตอนการต้านทานอนุมูลอิสระ ดังเช่นว่า superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) รวมทั้ง glutauhione (GSH) อีกด้วยชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเรียนรู้รวมทั้งช่วยฟื้นความจำ จากภาวการณ์ที่มีอาการป่วยด้วยโรคเบาหวานในหนูทดลองได้ และจากการเรียนฤทธิ์ความเครียดน้อยลงและก็กังวลของพืชที่มีคุณประโยชน์บำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 และก็ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ มีผลกระตุ้นการเรียนรู้รวมทั้งความจำของหนู เมื่อทดสอบด้วยวิธี step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นกระบวนการทดสอบพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement) การเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเรียนและก็ความจำของอัญชันในหนูแรททารก (อายุ 7 วัน) โดยการทำการป้อนสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาดวันละ 50แล้วก็ 100 มก./กิโลกรัม นาน 30 วัน แล้วนำไปทดสอบกระบวนการเรียนรู้และก็จำด้วยแนวทาง passive avoidance test รวมทั้ง T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันให้ผลการทดลองดีมากยิ่งกว่าหนูกลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยไม่ส่งผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือก่อให้เกิดอาการเซื่องซึม นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มก./กก. น้ำหนักตัว มีผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองบริเวณ hippocampus ของหนูแรทอีกทั้งในวัยแรกเกิดรวมทั้งหนูที่อยู่ในวัยสมบูรณ์จำพวกอีกด้วย ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบแล้วก็แก้ปวด เรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดลักษณะการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีติก (acetic acid) เข้าทางท้อง หลังจากได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กรุ๊ป กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ 2 ป้อนยาพารา diclofenac sodium ขนาด 10 มิลลิกรัม/กก.น้ำหนักตัว กลุ่มที่ 3 และ 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัวเป็นลำดับ แล้วหลังจากนั้นสังเกตการกระทำการบิดขดตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ผลจากการทดสอบพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งสองกรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และก็พบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันได้ผลดีมากกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การลดน้อยลงของอาการบิดงอตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัวมีค่าเท่ากับ 82.67 แล้วก็ 87.87 % เป็นลำดับ ในตอนที่กลุ่มที่ได้รับยาพารา diclofenac sodium มีค่าเท่ากับ 77.72% ทำให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด และในการศึกษาฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เกิดการบวมและก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่บริเวณฝ่าตีน โดยทำการป้อนสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 แล้วก็ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium สังเกตแล้วก็วัดลักษณะของการปวดของฝ่าตีนหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดสอบพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งสองขนาดมีอาการบวมของฝ่าเท้าน้อยกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การต่ำลงของอาการบวมของฝ่าเท้า (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 แล้วก็ 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีค่าเท่ากับ 14 แล้วก็ 21% ตามลำดับ รวมทั้งกรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium พอๆกับ 38% ทำให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต้านการอักเสบแต่ยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium นอกเหนือจากนี้เมื่อศึกษาวิจัยฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาแก้ปวด pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางช่องท้องหนู โดยทดสอบด้วยแนวทาง Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต้านทานอาการเจ็บปวด แต่ว่ายังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา pentazocine ฤทธิ์ช่วยในการนอน ศึกษาฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าช่องท้องขนาด 50,100 แล้วก็150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดลองด้วยวิธี head dip test รวมทั้ง Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 รวมทั้ง 150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลลดอาการผงกหัว (head dip) และก็ช่วงเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดความประพฤติการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติแล้วก็ความสนใจต่อสภาพแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกเหนือจากนั้นยังพบว่า สารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าทางท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนหลับดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว โดยการทำให้ระยะเวลาการนอนของหนูนานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว ฤทธิ์ต้านทานการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กรุ๊ป ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน แล้วก็เรียนรู้ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในหลอดทดลอง (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณสมบัติยั้งการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือดกระต่ายที่รั้งนำโดย collagen และก็ adenosine diphosphate (ADP) ฤทธิ์ลดไข้ เล่าเรียนฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงมากขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าด้านใต้ผิวหนัง ขนาด 10 มล./กิโลกรัม น้ำหนักตัว จากนั้น 19 เซนติเมตรแบ่งหนูออกเป็น 5 กลุ่ม (กรุ๊ปละ 6 ตัว) กรุ๊ปที่ 1 ให้เป็นกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มก./กก. น้ำหนักตัว กรุ๊ปที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 แล้วก็ 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ตามลำดับ กระทำการวัดอุณหภูมิร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 แล้วก็ 23 ของการทดลองพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดส่งผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม แล้วก็ได้ผลไม่ต่างจากกรุ๊ปที่ได้รับยาพาราเซตามอล ฤทธิ์ต่อต้านเบาหวาน การเรียน ฤทธิ์ต้านทานโรคเบาหวานของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบและก็ดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มก./กิโลกรัม นาน 14-84 วัน ส่งผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ รวมทั้งระดับเอนไซม์ glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลแล้วก็เพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol และโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucokinase ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับกลูโคสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับแล้วก็กล้าม ยิ่งไปกว่านี้ยังลดความย่ำแย่ของกรุ๊ปเซลล์ Islet of Langerhans จำพวก B-cells ในตับอ่อนซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้ ส่วนสำหรับเพื่อการทดลองฤทธิ์ของอัญชันในสินค้าเครื่องแต่งหน้าสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำรวมทั้งสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดลองด้วยวิธี 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากยิ่งกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) พอๆกับ 1 และก็4 มก./มล. ตามลำดับ รวมทั้งเมื่อนำสารสกัดน้ำดอกอัญชันไปเป็นส่วนประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้อาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นส่วนประกอบในเครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวบางครั้งก็อาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ การเรียนทางพิษวิทยา การเรียนรู้ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน ของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศเมียพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มิลลิกรัม/กก.น้ำหนักตัว ไม่ก่อกำเนิดความเป็นพิษต่อหนูอะไร แล้วก็ในการศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดน้ำจากดอกอัญชันในหนูแรทเพศผู้ โดยป้อนในขนาด 10,50 แล้วก็100 มิลลิกรัม/กก. หัวข้อ: Re: อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: หนุ่มน้อยคอยรัก007 ที่ ธันวาคม 12, 2018, 09:34:36 am ดอกสีม่วงมากประโยชน์ อัญชัน
|