หัวข้อ: กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือ ถ้าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วคุณจะเล เริ่มหัวข้อโดย: uchaiyawat ที่ ธันวาคม 11, 2018, 05:55:06 pm ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าจำขึ้นใจจนจำต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจักวิเศษขึ้นอีก เมื่อในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น “กล้องถ่ายภาพ” นั่นเอง โดยในยุคนี้ ทุกคน ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายภาพพร้อมมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความคมชัดไม่ได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ดีจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่แตกต่างกันอยู่อย่างยิ่งเลยเชียว
ดังเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องจากกล้องถ่ายภาพจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรวบรวมแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า สำหรับมือถืออาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายรูปเท่าใดนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งครั้นย้อนมาดูภาพจากกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะเห็น Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป ต่อมาก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปดีกว่ากล้องถ่ายภาพจากมือถือ ถ้าหากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ เจ้าสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่ยี่ห้อสมาร์ทโฟนที่จะมีสรรพคุณนี้ เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นจะต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความเกี่ยวพันของสิ่งของบนภาพที่ดียิ่ง รวมทั้งหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะในโทรศัพท์มือถือของคุณคงจะมีทั้งรูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าเจ้าคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนถ่ายภาพท่านตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาแฟนเที่ยวตะลอน Universal Studios เพราะคุณคงมิต้องการมานั่งลบรูปถ่าย ลบเพลงโปรด หรือไม่ก็ลิสภาพยนตร์โด่งดังของเจ้าหรอก แต่หากว่ายอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเจ้าได้ทั้งรูปที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน นั่นเป็นข้อมูลขั้นแรกว่าทำไมคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายรูปมือถือไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องถ่ายภาพตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูสาระสำคัญ ๆ ของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา มากกว่ากล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนหรือไม่ กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม จุดเด่นของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องจากกล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงสว่างน้อย โดยที่เจ้าไม่จำเป็นจะต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย แถมกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของเจ้ามิเป็นตัวปัญหาอีกด้วย โดยกล้อง Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และไม่ได้มีเครื่องมือเพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาราบรื่น ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งเฟรมเพื่อบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน จะเห็นว่านี่แค่จุดสำคัญเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องมือถือลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะต่างๆ อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เช่นว่า โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่ท่านต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเพียบอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และสาระสำคัญอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาสบายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า “กล้องมันหนัก” ไปได้เลย คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กล้อง olympus Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา
|