ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: watamon ที่ ธันวาคม 25, 2018, 02:12:22 pm



หัวข้อ: อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ ธันวาคม 25, 2018, 02:12:22 pm

(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542265343264.jpg)
อัญชัน
ชื่อสมุนไพร  อัญชัน
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clitorea ternatea Linn.
ชื่อสามัญ  Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper.
วงศ์  Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae)

ถิ่นกำเนิด
อัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียและอเมริกาใต้ (แต่ว่าบางแบบเรียนกล่าวว่าอยู่ที่ประเทศอินเดีย) แล้วมีการแพร่กระจายชนิดไปในเขตร้อนต่างๆทั่วทั้งโลกรวมไปถึงในประเทศออสเตรเลีย อเมริกา แล้วก็ภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ยกตัวอย่างเช่น ไทย ลาว เวียดนาม เขมร เมียนมาร์เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย อัญชันน่าจะมีการแพร่ไปประเภทมานานแล้ว เนื่องจากว่าเจอในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของแพทย์ปรัดเล พุทธศักราช2416 พูดถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" และสามารถพบได้ทั่วไปในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่กึ่งร่ม ทั้งป่าเบญจพรรณในพื้นข้างล่างจนไปถึงป่าดิบเขาสูง
โดยอัญชันที่พบในประเทศไทย มีทั้งยังประเภทบ้านที่ผ่านการเลือกเฟ้นให้ดอกใหญ่ ดก สีแก่ เป็นต้น กับประเภทที่ขึ้นเองดังที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นชนิดดอกชั้นเดียว ดอกเล็ก และก็สีไม่เข้ม ซึ่งคนประเทศไทยโดยมาก นิยมปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบดอกไม้ซ้อน ดอกขนาดใหญ่รวมทั้ง ดก เพราะนอกจากงดงามแล้ว ยังใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ได้หลายชนิด อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในวงศ์ Fabaceae ซึ่งเป็นตระกูลของถั่วในกลุ่มถั่วฝักเม็ดกลม (pea) เช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea)
โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบด้านล่าง ก้านดอก ใบตกแต่ง และกลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีปนขอบขนานหรือรูปวงรีแกมไข่กลับ กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2-5 ซม. ศูนย์กลางใบประกอบยาว 3-7 ซม. รวมก้านที่ยาว 1-3 ซม. ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งสองด้าน หรือบางคราวผิวข้างบนหมดจด ขอบใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างบาง เส้นกิ่งก้านสาขาใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มิลลิเมตร ดอกคนเดียว ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบดอก รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบดอกย่นบาง ตรงกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนชิดกัน ยาว 1.5-2 ซม. แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวๆครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว กึ่งกลางกลีบสีเหลืองหม่นหมองขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดแตกต่างกัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดทาสีเหลืองกึ่งกลางกลีบชนิดนี้เรียกว่าพันธุ์ดอกลา บางทีกลีบดอก 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูเหมือนมีกลีบดอกหลายชั้น เรียกว่าจำพวกดอกซ้อน กลีบกลางรูปรีกว้างเกือบกลม ยาวราว 3.5 เซนติเมตรก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวช่วงกึ่งกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกและก็กลีบคู่ด้านล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกึ่งกลางราวๆ ครึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน กลีบคู่ข้างล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกรุ๊ป 9 อัน ติดกันโดยประมาณ 2 ใน 3 ส่วน เกลี้ยง ยาวเท่ากลีบปีกและก็กลีบคู่ด้านล่างรังไข่ทรงกระบอก ยาวประมาณ 5 มม. มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายด้านใน ก้านช่อยาวราว 5 มิลลิเมตร ใบประดับประดาขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มม. ใบเสริมแต่งย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบประดับประดา มี 1 คู่ รูปไข่กว้างเกือบกลม ขนาดประมาณ5 มม. มีเส้นใบกระจ่างแจ้ง ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มิลลิเมตร ผลเป็นฝัก รูปดาบ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-12 เซนติเมตร มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว พอแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เมล็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราวๆ 5 มม. จำนวน 6-10 เมล็ด
โดยธรรมดานั้น ดอกอัญชันมี 3 สี คือ สี ขาว สีน้ำเงิน และก็สีม่วง จำพวกดอก สีม่วงนั้นบางแบบเรียนว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ดอกสีขาวกับชนิดดอกสีน้ำเงิน ซึ่งผู้เขียนไม่แน่ใจว่าถูกต้อง เพราะเคยเห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน แปลว่าเป็นพันธุ์ผสมระหว่างดอกขาวกับดอกน้ำเงิน แต่ว่าข่มกันไม่ลงก็เลยแสดงออกมาทั้งยัง 2 สี ไม่แปลงเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางแบบเรียน
การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง ทนทาน จึงมีการปลูกทั่วๆไป โดยนิยมปลูกเป็นพืชข้างหลังบ้าน ขอบรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เม็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกคือ แม้ปลูกเพื่อการค้าขายให้ปรับดินโดยการไถกระพรวนแล้วใส่ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเมล็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 กก.ต่อไร่ แล้วก็ให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แต่ว่าโดยส่วนมากชอบนิยมปลูกในฤดูฝนเพราะว่าไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ชูร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวดังที่ปรารถนา หลังจากนั้นย่อยดินและผสมปุ๋ยธรรมชาติลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเมล็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักและทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้ชุ่มทุกวี่วันในช่วงสัปดาห์แรก โดยธรรมดาแล้วอัญชันถูกใจขึ้นกลางแจ้งที่ได้ รับแดดเต็มกำลังถูกใจดินร่วนผสมทรายที่ค่อนข้างร่วนซุยแต่มีการระบายน้ำก้าวหน้า ปกติอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวโดยประมาณ ๗ เมตร เมื่อถึง ฤดูแล้งจะแห้งตายไป แม้กระนั้นแม้มีน้ำ พอเพียงรวมทั้งดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถปลูกแล้วก็ได้ดอกอัญชันทั้งปี
เมล็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside แล้วก็ anthoxanthin glucoside
ดอก มีสารในกลุ่ม ternatins ดังเช่น ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 รวมทั้ง D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกเป็น สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside
ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, และก็ kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside
 
คุณประโยชน์ / คุณประโยชน์
 
อัญชันมีการประยุกต์ใช้ทำประโยชน์หลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีขนม ดังเช่นว่า ของหวานดอกอัญชัน ของหวานช่อม่วง ทำน้ำสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงสวยด้วยเหตุว่าสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้รวมทั้งสีเปลี่ยน ไปตามความเป็นกรดด่างเหมือน กระดาษลิตมัสที่ใช้ตรวจตราความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้กินเป็นผักได้อีกทั้ง จิ้มน้ำพริกสดๆหรือชุบแป้งทอด
ในปัจจุบันอัญชัน ซึ่งถูกนำมาพัฒนาเป็นสินค้ายุคใหม่ เป็นต้นว่า แชมพูสระผม และยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้ล้ำยุคและมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคุณสมบัติของดอกอัญชันในการรักษาเส้นผมให้ดกดำ คุ้มครองผมร่วงและก็ช่วยปลูก ผมให้ดกครึ้มขึ้น รวมทั้งใช้นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องแต่งตัวหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารเป็นต้น
ยิ่งไปกว่านี้หลายประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์ นิยมใช้ดอกหุงอาหารเพื่อข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่าอร่อยเพิ่มขึ้น แล้วก็ในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนกินเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชปกคลุมแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชปกคลุมแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน และใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เม็ด รสมัน เป็นยาระบาย แม้กระนั้นมักทำให้อาเจียนอ้วก ราก รสขมเย็น
(นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับเยี่ยว แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตาพร่า ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยารับประทานและพอก ถอนพิษหมาบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันสำหรับเพื่อการปลูกผมและขนคิ้วเด็กอ่อน หยุดการตกของหนังศีรษะอ่อนแอย้อมผมหงอกให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้ฟกช้ำบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบรวมทั้งรากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาแฉะ ตาฟาง ส่วนตำราเรียนยาพื้นเมือง ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกแล้วก็น้ำแช่ข้าว กินหรือทา แก้งูสวัด
สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์ในต่างชาติ ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดีย มีการนำส่วนรากและก็เม็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายแล้วก็บำรุงสมอง รวมทั้งใช้เป็นยาระบายรวมทั้งขับปัสสาวะและก็ในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำต้มจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำต้มจากรากแล้วก็ดอกร่วมกันเป็นยาบำรุงโลหิต ส่วนเมล็ดใช้เป็นยาระบายขับปัสสาวะ รวมทั้งขับพยาธิ ส่วนสำหรับเพื่อการแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มากมาย มีคุณสมบัติเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมเยอะขึ้นเรื่อยๆ เช่น เส้นเลือดส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับมองเห็นแข็งแรงขึ้น ด้วยเหตุว่ามีหลอดเลือดเยอะขึ้นรวมทั้งที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมถอยของการเกิดภาวะเส้นโลหิตอุดตัน ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัยรวมทั้งริ้วรอยที่วัย ช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงสมอง ช่วยล้างพิษและของเสียออกจากร่างกาย ช่วยต้านทานเบาหวานฯลฯ
รูปแบบ / ขนาดวิธีการใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับเยี่ยว แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เติมน้ำที่สะอาด 500 ซีซี ต้มจนกระทั่งเดือนต่อจากนั้นต้มต่ออีก 2 นาที ชูลง ปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้รับประทาน แก้ปวดฟัน , ช่วยให้ฟันทน ใช้รากสดถูตามฟันซีที่ต้องการ , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะแก้เยี่ยวพิการ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่ฟกช้ำแล้วก็ใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย
 
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
 
ฤทธิ์ความเครียดน้อยลงและก็กังวล เรียนฤทธิ์ระงับความเครียดรวมทั้งตื่นตระหนกของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรเวชศาสตร์ของอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล รากอัญชัน ขนาด มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลกังวลใจน้อยลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดลองด้วยแนวทาง elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นกรรมวิธีทดสอบที่ทำให้หนูเกิดความกลัว แล้วก็การป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 และก็ 200 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดลองรั้งนำให้เกิดความตึงเครียดด้วยแนวทาง forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต่อต้านความตึงเครียด โดยทำให้ค่า immobility time period ลดลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แล้วก็ในการค้นคว้าฤทธิ์ผ่อนคลายความเครียดของอัญชัน ในหนูแรทด้วยแนวทาง tail suspention test (TST) และก็ FST โดยทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 รวมทั้ง 300 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งคู่ขนาดมีฤทธิ์ผ่อนคลายความเครียดของหนูแรทจากการทดสอบทั้งสองชนิด โดยมีค่า immobility time period น้อยลงเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 รวมทั้ง 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดสอบด้วยวิธีต่างๆตัวอย่างเช่น EPM, TST รวมทั้ง light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มก./กก.น้ำหนักตัว มีฤทธิ์คลายเครียดและกังวลเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกจากนั้นการฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 และ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เข้าทางช่องท้องหนูแรทมีฤทธิ์ความไม่ค่อยสบายใจน้อยลง เมื่อกระทำทดสอบด้วยต้นแบบต่างๆเป็นต้นว่า EPM, TST รวมทั้ง Rota Rod test โดยขนาด 200 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้ผลดีกว่าขนาด 100 มก./กก.น้ำหนักตัว

ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้และความจำเรียนรู้ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนแล้วก็ฟื้นฟูความทรงจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากภาวการณ์สูญเสียความจำที่มีต้นเหตุที่เกิดจากการป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน โดยการทำการทดลองในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin จากนั้นป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความรู้ความเข้าใจสำหรับการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบกายด้วยแนวทางต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test และ radial arm maze test ในวันที่ 71 และ 75 ของการทดลอง ผลจากการเรียนรู้พบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความเข้าใจสำหรับในการเรียนรู้แล้วก็ความจำดีขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุม นอกจากนั้นจากการตรวจวัดค่าวิชาชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความรู้ความเข้าใจสำหรับการเรียนรู้และความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นจกาการตรวจวัดค่าวิชาชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน ส่งผลยั้งรูปแบบการทำงานของเอนไซม์ acetycholinesterase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ปฏิบัติหน้าที่สลายacetylcholine ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวเนื่องกับแนวทางในการศึกษาเรียนรู้และความจำ นอกเหนือจากนี้ยังเพิ่มระดับของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวพันกับกรรมวิธีต้านทานอนุมูลอิสระ อาทิเช่น superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) รวมทั้ง glutauhione (GSH) อีกด้วยทำให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเรียนและก็ช่วยฟื้นความทรงจำ จากภาวะที่มีอาการป่วยด้วยโรคเบาหวานในหนูทดลองได้ แล้วก็จากการเรียนรู้ฤทธิ์ความเครียดน้อยลงรวมทั้งกังวลของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 แล้วก็ 200 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ มีผลกระตุ้นการศึกษารวมทั้งความจำของหนู เมื่อทดสอบด้วยวิธี step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นแนวทางการทดลองการกระทำหลบการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement)
การเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรวมทั้งความจำของอัญชันในหนูแรทแรกเกิด (อายุ 7 วัน) โดยทำการป้อนสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาดวันละ 50แล้วก็ 100 มก./กิโลกรัม นาน 30 วัน แล้วนำไปทดสอบแนวทางการเรียนรู้และก็จำด้วยแนวทาง passive avoidance test และ T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันให้ผลการทดลองดีกว่าหนูกรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยไม่ส่งผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือทำให้มีการเกิดอาการเซื่องซึม นอกนั้นยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองบริเวณ hippocampus ของหนูแรททั้งในวัยแรกเกิดรวมทั้งหนูที่อยู่ในวัยบริบูรณ์พันธุ์อีกด้วย
ฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวด เล่าเรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดลักษณะการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีว่ากล่าวก (acetic acid) เข้าทางท้อง ภายหลังจากได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กลุ่ม กรุ๊ปที่ 1 เป็นกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ 2 ป้อนยาแก้ปวด diclofenac sodium ขนาด 10 มิลลิกรัม/กก.น้ำหนักตัว กรุ๊ปที่ 3 รวมทั้ง 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 แล้วก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัวตามลำดับ แล้วต่อจากนั้นพิจารณาการกระทำการบิดงอตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ผลจากการทดสอบพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งคู่กรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็พบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันให้ผลดีมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การต่ำลงของอาการบิดขดตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัวมีค่าเท่ากับ 82.67 และ 87.87 % เป็นลำดับ เวลาที่กรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium มีค่าพอๆกับ 77.72% ทำให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด แล้วก็ในการศึกษาฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้มีการบวมแล้วก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่เข้าทางบริเวณฝ่าตีน โดยการทำการป้อนสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 และก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium สังเกตรวมทั้งวัดอาการปวดของฝ่าเท้าหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดสอบพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดมีลักษณะบวมของอุ้งเท้าน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง และก็เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การลดน้อยลงของอาการบวมของอุ้งเท้า (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 แล้วก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัว มีค่าพอๆกับ 14 แล้วก็ 21% ตามลำดับ รวมทั้งกรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium พอๆกับ 38% ทำให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบแต่ยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium นอกจากนั้นเมื่อศึกษาค้นคว้าฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาแก้ปวด pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางช่องท้องหนู โดยทดลองด้วยวิธี Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต้านทานลักษณะการเจ็บปวด แม้กระนั้นยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา pentazocine
ฤทธิ์ช่วยสำหรับในการนอนหลับ เรียนรู้ฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าท้องขนาด 50,100 และก็150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดลองด้วยวิธี head dip test รวมทั้ง Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 และก็ 150 มก./กก. น้ำหนักตัว มีผลลดอาการผงกหัว (head dip) รวมทั้งระยะเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดความประพฤติการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติและก็ความสนใจต่อสภาพแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกนั้นยังพบว่า สารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าทางช่องท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว โดยการทำให้ระยะเวลาการนอนหลับของหนูนานขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว

ฤทธิ์ต้านการเกาะกรุ๊ปของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กลุ่ม ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน รวมทั้งศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วในหลอดทดลอง (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณลักษณะยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดกระต่ายที่เหนี่ยวนำโดย collagen แล้วก็ adenosine diphosphate (ADP)
ฤทธิ์ลดไข้ เรียนฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าด้านใต้ผิวหนัง ขนาด 10 มิลลิลิตร/กก. น้ำหนักตัว จากนั้น 19 เซนติเมตรแบ่งหนูออกเป็น 5 กลุ่ม (กลุ่มละ 6 ตัว) กรุ๊ปที่ 1 ให้เป็นกรุ๊ปควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว กลุ่มที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 แล้วก็ 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ตามลำดับ กระทำวัดปรอทร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 และ 23 ของการทดสอบพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดมีผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แล้วก็ได้ผลไม่ต่างอะไรจากกรุ๊ปที่ได้รับยาพาราเซตามอล
 
ฤทธิ์ต่อต้านเบาหวาน การเล่าเรียน
 
ฤทธิ์ต่อต้านโรคเบาหวานของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบรวมทั้งดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นาน 14-84 วัน มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ รวมถึงระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลแล้วก็เพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol รวมทั้งเอนไซม์ glucokinase ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับการควบคุมระดับกลูโคสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับและกล้าม นอกจากนี้ยังลดความเสียหายของกรุ๊ปเซลล์ Islet of Langerhans จำพวก B-cells ในตับอ่อนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้
ส่วนในการทดลองฤทธิ์ของอัญชันในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำและสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดลองด้วยวิธี 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) เท่ากับ 1 และก็4 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ และเมื่อนำสารสกัดน้ำดอกอัญชันไปเป็นส่วนประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่มีคุณภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้บางทีอาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นองค์ประกอบในเครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวบางทีก็อาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การเรียนความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน ของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศภรรยาพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่นำไปสู่ความเป็นพิษต่อหนูแต่อย่างใด และในการศึกษาความเป็นพ
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ