หัวข้อ: เตย เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์ เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ ธันวาคม 25, 2018, 08:44:07 pm (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1543807758392.jpg)
เตย ชื่อสมุนไพร เตย ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ใบเตย , เตยหอม , ต้นเตย , เตยหอมใหญ่ , เตยหอมเล็ก (ภาคกลาง) , หวานข้าวใหม่ (ภาคเหนือ) , ปาแนะวอวิง , ปาแง๊ะออริง (นราธิวาส,มาเลเซีย) ,พังลั้ง (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ Pandanus amaryllifolius Roxb. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pandanus ordorus Ridl. ชื่อสามัญ Pandanus Palm , Fragrant Pandan , Pandom wangi. วงศ์ Pandanaceae ถิ่นกำเนิด เตย เป็นพืชที่ชาวไทยรู้จักกันอย่างดีเยี่ยมมาตั้งแต่อดีตกาลแล้ว เพราะว่าได้ประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่างๆมากมายก่ายกอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนของใบที่พวกเราเรียกว่า ใบเตย จึงทำให้เรียกพืชจำพวกนี้ชินปากกันมาจนกระทั่งปัจจุบันว่า “ใบเตย” สำหรับบ้านเกิดของเตยนั้น เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ไทย เมียนมาร์ลาว มาเลเซีย แล้วก็อินเดีย รวมทั้งทวีปอื่นยกตัวอย่างเช่นแอฟริกา และประเทศออสเตรเลีย ชอบขึ้นตามพื้นที่เปียก ขอบสายธารหรือรอบๆที่เปียกชื้นที่มีน้ำขังน้อย ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ลักษณะทั่วไป เตยจัด เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีลำต้นทรงกลม และเป็นข้อสั้นๆถี่กัน โผล่ขึ้นมาจากดินเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ โคนลำต้นแตกรากกิ่งก้านสาขาออกเป็นรากค้ำชูหรือเรียกว่า รากอากาศ ลำต้นสามารถแตกหน่อฯลฯใหม่ได้ ทำให้มองเป็นกอหรือเป็นพุ่มไม้ใหญ่ๆที่รวมความสูงของใบแล้วสามารถสูงได้มากกว่า 1 เมตร ใบเตย แตกออกเป็นใบเดี่ยวด้านข้างรอบลำต้นแล้วก็เรียงสลับวนเป็นเกลียวขึ้นตามความสูงของลำต้น จนกระทั่งขอด ใบมีลักษณะเรียวยาวเป็นรูปดาบ ปลายใบแหลม สีเขียวสด ใบยกเฉแนบไปกับลำต้น แผ่นใบเป็นเงา กว้างราวๆ 2-3 ซม. ยาวราวๆ 30-50 ซม. แผ่นใบรวมทั้งขอบใบเรียบ แผ่นใบข้างล่างมีสีจางกว่าด้านบน มีเส้นกึ่งกลางใบลึกเป็นแอ่งตื้นๆตรงกลาง ใบนี้ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา ด้วยเหตุว่ามีน้ำมันหอมระเหย และก็สาร ACPY การขยายพันธุ์ เตย สารมารถแพร่พันธุ์ได้เองโดยการแตกหน่อ แม้กระนั้นในขณะนี้ก็สามารถปลูกด้วยการแยกเหง้าหรือย้ายหน่อปลูกได้ด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ เตยสามารถขึ้นก้าวหน้าในที่เปียกแฉะ และทนต่อสภาพดินเฉอะแฉะเจริญ แต่ควรเลือกพื้นที่ปลูกไม่ให้น้ำหลากขังง่าย โดยมีวิธีการดังนี้ การเตรียมแปลง แปลงปลูกเตย ควรจะไถแปลง และตากดินก่อน 5-10 วัน พร้อมกำจัดวัชพืชออกให้หมด ก่อนหว่านด้วยปุ๋ยมูลสัตว์อัตรา 2 ตัน/ไร่ และก็ปุ๋ยยูเรีย อัตรา 10 กก./ไร่ พร้อมไถกลบ การปลูกเตย ควรจะปลูกไว้ในตอนฤดูฝน เนื่องจากดินจะเปียกชื้นดี ทำให้ต้นเตยติด และตั้งตัวได้ง่าย ด้วยการขุดหลุมปลูกเป็นแนว ระยะหลุม แล้วก็ระยะแถวที่ 50 ซม. หรือที่ 30 x 50 เซนติเมตร ก่อนนำต้นชนิดเตยลงปลูก ภายหลังปลูกเตยเสร็จ ควรจะให้น้ำทันทีแม้กระนั้นถ้าหากดินชื้นมากก็ไม่จำเป็นต้องให้ แล้วก็ให้น้ำเสมอๆทุกๆ7-10 วัน ขึ้นอยู่กับความชื้นดิน รวมทั้งฝนที่ตก องค์ประกอบทางเคมี จากการศึกษาทางเคมีของใบเตยพบว่ามีประโยชน์สำคัญหลากหลายประเภทเมื่อนำใบเตยหอมากลั่นด้วยละอองน้ำจะได้สารหอมที่มี แพนดานาไมน์ (Pandanamine) ไลนาลิลอะซีเตท ( linalyl acetate) เบนซิลอะซีเตท (benzyl acetate) ไลนาโลออน (linalool)รวมทั้งพบรานิออล (geraniol) มีสารที่ทำให้มีกลิ่นหอมยวนใจเป็น คูมาริน (coumarin) และก็เอทิลวานิลลลิน (ethyl vanillin)สารคลอโรฟิลล์(chlorophyll) ทำให้มีสีเขียว เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) แล้วก็สารในกรุ๊ปแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่สำคัญ linalyl acetate benzyl acetate โครงสร้างของสารไลนาลิลอะซีเตท ส่วนประกอบของเบนซิลอะซีเดท linalool Geraniol ส่วนประกอบของไลนาโลออล ส่วนประกอบเจอรานิออล Pandanamine Chlorophyll โครงสร้างของแพนดานาไมน์ โครงสร้างของคลอโรฟิลล์ Anthocyanin Ethylvanillin โครงสร้างของแอนโทไซยานิน องค์ประกอบของเอทิลวานิลลิน นอกเหนือจากนี้ในส่วนของค่าทางโภชนาการของเตย ค่าทางโภชนาการของใบเตยสดใน 100 กรัม ส่วนประกอบ ใบเตยสด พลังงาน (กิโลแคลอรี่) 35 ความชุ่มชื้น (กรัม) 85.3 คาร์โบไฮเดรต (กรัม) 4.6 โปรตีน (กรัม) 1.9 ไขมัน (กรัม) 0.8 สายสัมพันธ์(กรัม) 5.2 แคลเซียม (มิลลิกรัม) 124 ฟอสฟอรัส (มก.) 27 เหล็ก(มก.) 0.1 วิตามิน บี 2 (มิลลิกรัม) 0.2 ไนอะซิน (มก.) 1.2 วิตามิน ซี (มิลลิกรัม) 8 เบตา-แคโรทีน (ไมโครกรัม) 2.987 ประโยชน์/สรรพคุณ ใบเตย มักถูกนำมาผสมในของกิน เพื่อของกินมีกลิ่นหอมสดชื่นน่าอร่อย และก็ยังช่วยแต่งสีเขียวให้กับขนมไทยหลายๆประเภท ยกตัวอย่างเช่น ของหวานแฉะปูน ขนมชั้น แล้วก็ยังมีการเอามาทำเป็นเครื่องดื่มอีกด้วย นอกจากนี้ยังคงใช้ใบเตยนำมาห่อทำขนมหวาน ดังเช่นว่า ขนมตะโก้ใบเอามาผูกรวมกัน ใช้สำหรับวางในห้องน้ำห้องรับแขกเพื่อให้อากาศมีกลิ่นหอมยวนใจช่วยสำหรับเพื่อการขจัดกลิ่นหรือใช้ใบเตยสดนำมายัดหมอน ช่วยทำให้มีกลิ่นหอมยวนใจ นำมาใช้เป็นสารแต่งกลิ่นบุหรี่ เอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนใช้ชงเป็นชาดื่ม น้ำมันหอมระเหยจากเตยนำไปเป็นส่วนผสมของน้ำยาปรับอากาศ ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ครีมทาผิว แชมพู สบู่ หรือ ครีมนวด ฯลฯ ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของเตยนั้น แบบเรียนยาไทย ได้ชี้แจงสรรพคุณทางยาของใบเตยไว้ว่าเตยเป็นประโยชน์หลายประการ ดังเช่นว่า บำรุงหัวใจ ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันเลือด ใช้รักษาโรคหัด เลือดออกตามไรฟัน หวัด ตับอักเสบ ดับพิษไข้ แก้โรคหัด แก้อาการท้องอืด แก้อยากกินน้ำ แก้ร้อนในขับเยี่ยว รากเตย ใช้เป็นยาขับเยี่ยว รักษาโรคเบาหวานเพราะมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดนอกจากยังคงใช้รักษาโรคตับ ไตอักเสบ และรักษาโรคโรคหืด แก้โรคหนองใน แก้พิษโลหิตแก้ตานซางในเด็ก ช่วยละลายก้อนนิ่วในไต แบบอย่าง/ขนาดวิธีการใช้ • ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ใช้ใบสดผสมในอาหาร แล้วรับประทาน หรือนำใบสดมาคั้นน้ำกิน ทีละ 2-4 ช้อนแกง • ช่วยดับกระหาย นำใบเตยสดมาล้างให้สะอาด เอามาตำหรือปั่นอย่างรอบคอบ แล้วเพิ่มเติมน้ำเล็กน้อย คั้นมัวแต่น้ำดื่ม • รักษาโรคฝึกฝนหรือโรคผิวหนัง โดยนำใบเตยมาตำแล้วมาพอกบนผิว • ใช้รักษาโรคโรคเบาหวาน ใช้ราก 1 กำมือนำไปต้มเป็นน้ำดื่ม ทุกเช้า-เย็น • ใช้เป็นยาขับฉี่ โดยการนำต้นเตยหอม 1 ต้น หรือราก ครึ่งกำมือไปต้มกับน้ำดื่มหรือใช้ใบมาหั่นตากแดดให้แห้งแล้วชงดื่มแบบชาก็ได้ • ใช้บำรุงผิวหน้า โดยการกางใบเตยล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆเอามาปั่นรวมกับน้ำสะอาดจนถึงละเอียด จะได้ครีมข้นเหนียวแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้โดยประมาณ 20 นาที การศึกษาทางเภสัชวิทยา ใบเตย มีฤทธิ์ลดระดับความดันโลหิตและลดอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มความแรงสำหรับเพื่อการหดตัวแล้วก็ลดอัตราการยุบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ลดน้ำตาลในเลือด ลดไข้ต้านทานอนุมูลอิสระแล้วก็มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียStaphylococcus aureus, Staphylococcus epidermidis แต่ยังเป็นการทดสอบในสัตว์ทดลองและก็ในหลอดทดลองแค่นั้น การเรียนรู้ทางพิษวิทยา จากการค้นหาข้อมูลตอนนี้ ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษหรืออาการไม่พึงปรารถนาจากการรับประทานใบเตย ข้อเสนอ/ข้อความระวัง
|