ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: gogrov5568225 ที่ ธันวาคม 26, 2018, 01:17:43 am



หัวข้อ: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ
เริ่มหัวข้อโดย: gogrov5568225 ที่ ธันวาคม 26, 2018, 01:17:43 am
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542858868819.jpg)
เพชรสังฆาต
ชื่อสมุนไพร  เพชรสังฆาต
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Cissus quadrangularis Linn.
วงศ์  Vitaceae
ถิ่นกำเนิด
เพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีบ้านเกิดเมืองนอนในเขตร้อนของทวีปเอเชีย และแอฟริการวมทั้งมีการแพร่ระบาดประเภทไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่กล่าวมาแล้ว โดยมักพบตามบริเวณป่าหรือที่เปียกชื้นที่หรูหราความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยพบมากตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป และก็ชอบออกดอกและก็ติดผลในช่วงเดือน เดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม
ลักษณะทั่วไป
เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันเห็นข้อปล้องกระจ่างแจ้ง ลักษณะเป็นข้อๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวโดยประมาณ 6-10 ซม. บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงกันข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบผู้เดียว เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 เซนติเมตร ยาว 4-10 เซนติเมตร ใบเป็นสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมหนา เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า หลังใบและท้องใบเรียบเป็นมัน ขอบใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนิ่ม ก้านใบยาว 2-3 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวราว 2-4 เซนติเมตรดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มม. กลีบดอกมี 4 กลีบโคนกลีบดอกด้านนอกมีสีแดง ส่วนกลีบด้านในสีเขียวอ่อน เมื่อบานสุดกำลังดอกจะงองุ้มไปทางข้างล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบ ผลสดรูปทรงกลม ผิวเรียบวาว ฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียว พอเพียงสุกเป็นสีแดงหรือดำ เม็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เม็ด
การขยายพันธุ์
เพชรสังฆาตนิยมใช้ขั้นตอนการปักชำโดยมีวิธีการคือ เลือกเฟ้นเถาที่มีลักษณะเหมาะสม คือ ต้องเป็นเถาที่มีลักษณะครึ่งแก่ครึ่งอ่อน เอามาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่ปริมาณ2 ข้อแล้ว ทำปักชำท่อนประเภทโดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม รวมทั้งควรจัดวางถุงต้นกล้าที่ปักชำไว้ภายในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ด้านบนจะเป็นบริเวณที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญเป็นเถาต่อไป
ส่วนประกอบทางเคมี
เถาของเพชรสังฆาตมีองค์ประกอบทางเคมี อาทิเช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone และ 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกรุ๊ป stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกรุ๊ป flavonoids อย่างเช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมไปถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene และ calcium oxalate.
ผลดี/คุณประโยชน์
ตามตำรายาไทย กล่าวว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ระดูไม่ดีเหมือนปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารทั้งจำพวกกลีบมะไฟแล้วก็เดือยไก่
• ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก
• ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้เมนส์ไม่ดีเหมือนปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
• ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคลำไส้ (อาการอาหารไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก
นอกเหนือจากนี้ในการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังกำหนดไว้ว่าเพชรสังฆาต มีคุณภาพที่ดีสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยเฉพาะการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดไหล แล้วก็กลายเป็นซ้ำ
อีกทั้งในปัจจุบันได้มีงานวิจัยพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งรับรองสรรพคุณรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี และก็ยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารเริ่มของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีองค์ประกอบของแคลเซียมสูงมาก แล้วก็สารอนาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการผลิตเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งทำหน้าที่สร้างกระดูกและก็ยังช่วยทำให้มีการสร้างสารไม่วโคโพลีแซกค้างไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกรรมวิธีการสมานกระดูก อีกทั้งสารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกุมตัวกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตจนเปลี่ยนเป็นกระดูกแข็งที่สามารถรับน้ำหนักแล้วก็มีความยืดหยุ่นในตัวเองอีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นเพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เพราะว่าเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมแปลกตา มีดอกรวมทั้งผลเป็นช่อสีแดงสวยงาม สามารถนำไปปลูกเพื่อการตกแต่งบริเวณรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อเถาก้าวหน้าเลื้อยพันขึ้น
แบบ/ขนาดการใช้
ในอดีตการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (เพราะเหตุว่าเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดบางทีอาจ เกิดการเคืองทางเดินอาหารได้) ถัดมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในรูปแบบแคปซูลเพื่อง่ายต่อการบริหารยา
โดยในรูปยาผงใส่แคปซูล 250 มิลลิกรัม ให้รับประทานทีละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหารแล้วก็ก่อนนอน เป็นเวลา 5-7 วัน
แบบเรียนยาท้องถิ่นนครราชสีมา ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานทีละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำกิน แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้รอบเดือนไม่ดีเหมือนปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในไส้
ตำรับยาสมุนไพรประจำถิ่นล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกรอบๆกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้โลหิตรอบเดือนสตรีแตกต่างจากปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก
ส่วนประเทศอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นรับประทานแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการไม่ดีเหมือนปกติของรอบเดือน
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ผลต่อแรงตึงตัวของหลอดโลหิตดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดเลือดดำ ให้มีความตึงตัวมากขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 ประเภท เป็นต้นว่า ไดออสมิน 90%รวมทั้งฮิสเพอริดิน 10% ที่เจอในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบรุนแรง สารสกัดเมทานอลยั้งการบวมของใบหู และการบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี
สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 1 และก็สารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่รั้งนำด้วยสารเคมี ได้ที่เวลา 30 นาที ตรวจเจอส่วนประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน
ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดจำนวนครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะการเจ็บปวดท้องเพราะได้รับกรดอะซีว่ากล่าวกที่ฉีดเข้าทางช่องท้อง รวมทั้งลดช่วงเวลาของการเลียเท้าหลังทั้ง 2ระยะ สำหรับในการทดลองด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านทั้งยังระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งส่วนปลาย
ฤทธิ์คุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะ สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารหนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 รวมทั้ง 750 มิลลิกรัม/กก. ให้หนูกินนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 และ 72.6% เป็นลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ลดการเกิดแผล 71.9% ด้วยเหตุดังกล่าวสารสกัดขนาด 500 มก./กก. เป็นขนาดที่ดีที่สุด เนื่องจากว่าออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine และก็ได้ผลไม่มีความแตกต่างกับขนาด 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัมจะลดการทำลายเนื้อเยื่อในกระเพาะ และรายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งกล่าวว่า การศึกษาเล่าเรียนประสิทธิผลและผลกระทบของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในคนป่วยโรคริดสีดวงทวารระยะกะทันหัน ปริมาณ 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กรุ๊ป คือ กลุ่มที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มิลลิกรัม/เม็ด) กลุ่มที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มก./เม็ด) และก็กลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในช่วง 4 วันแรก ให้กินครั้งละ 3 เม็ด ยามเช้าแล้วก็เย็นหลังอาหาร รวมทั้งช่วง 3 คราวหน้า ได้รับครั้งละ 2 เม็ด รุ่งเช้าแล้วก็เย็น หลังอาหาร คนป่วยจะได้รับการประมาณอาการต่างๆคือ เลือดออกทางทวารหนัก เมือก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก รวมทั้งการสัมภาษณ์เพื่อสอบถามอาการ รวมถึงมีการตรวจเลือดรวมทั้งติดตามผลข้างเคียงของการได้รับยาหรือสมุนไพรควบคู่ไปพร้อมกันด้วย
ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยในทุกกรุ๊ปส่วนใหญ่อาการเลือดไหลทันควันจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา รวมทั้งมีลักษณะดียิ่งขึ้นข้างหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการรักษาในคนไข้ทุกกรุ๊ปไม่มีความต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และไม่มีผลใกล้กันเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตให้ผลสำหรับเพื่อการรักษาริดสีดวงทวารในระยะเฉียบพลันไม่ได้แตกต่างจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์รวมทั้งยาหลอก แสดงว่าเพชรสังฆาตไม่เป็นผลช่วยในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะกระทันหัน
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ความเป็นพิษทันควัน เมื่อทดลองความเป็นพิษโดยให้หนูขาวกิน ขนาด 0.5 – 5.0 กรัม/กก
ไม่พบพิษใดๆ
ความเป็นพิษกึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวพันธุ์วิสตาร์ 5 กรุ๊ปๆละ 12 ตัว/เพศ กลุ่มควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ในขณะที่หนูอีก 4 กลุ่มได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 และก็ 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเท่ากัน 1,10 และ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน เป็นลำดับ โดยกรุ๊ปสุดท้ายเป็นกรุ๊ปพินิจอาการข้างหลังการหยุดยา ผลวิจัยพบว่าการเติบโตของกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มพินิจอาการหลังการหยุดยา ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าการเติบโตของกลุ่มได้รับผงยาและก็กลุ่มควบคุมไม่ได้มีความแตกต่างกัน ไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของค่าทางโลหิตวิทยาและค่าทางซีรั่มชีวเคมี หรือจุลพยาธิสภาพของอวัยวะภายในที่มีความเกี่ยวเนื่องกับขนาดของผงยา และไม่เจอความแปลกใดๆก็ตามซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเพราะว่าความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต
ข้อเสนอ/ข้อควรพิจารณา

การรับประทานเพชรสังฆาตสด อาจจะทำให้เกิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเนื่องมาจากเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลโคนยู่มาก
2. ห้ามกินติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์เนื่องจากว่าอาจก่อให้เกิดนิ่วในทางเดินเยี่ยว คนเจ็บโรคไตห้ามกิน
3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตควรจะขอคำแนะนำแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับการใช้เสมอ เนื่องจากว่าอาจจะทำให้เกิดผลใกล้กันที่ไม่ปรารถนาได้ อาทิเช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวน้อย แน่นท้อง เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง

  • นพมาศ สุนทรเจริญนนท์.เพชรสังฆาต.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • วีรพล ภิมาลย์และคณะ.การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานประสิทธิภาพในการรักษาริดสีดวงทวารหนักของเพชรสังฆาต.วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน.ปีที่10.ฉบับที่3.กันยายน-ธันวาคม.2557.หน้า403-418https://www.disthai.com[/b]
  • Panthong A, Supraditaporn W, Kanjanapothi D, Taesotikul T, Reutrakul V. Analgesic, anti-inflammatory and venotonic effects of Cissus quadrangularis Linn. J Ethnopharmacology 2007; 110 : 264–70.
  • เพชรสังฆาต.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีPanpimanmas S, Sithipongsri S, Sukdanon C, Manmee C. Experimental Comparative Study of the Efficacy and Side Effects of Cissus quadrangularis L. (Vitaceae) to Daflon (Servier) and Placebo in the Treatment of Acute Hemorrhoids. J Med Assoc Thai 2010; 93 (12): 1360-7.
  • ผลของการใช้เพชรสังฆาตในการรักษาโรคริดสีดวงทวารที่มีอาการเฉียบพลัน.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • เพชรสังฆาต.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.J Med Assoc Thai 2010;93(12):1360-7


ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ