ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: teeratum123 ที่ ธันวาคม 31, 2018, 09:34:36 am



หัวข้อ: โรงงานรับผลิตลูกกลิ้ง เฟืองดอกจอกเฟืองงามมิ่ง แล้วก็ยอย สปริง มู่เล่ย์ คอปปิ้ง พ
เริ่มหัวข้อโดย: teeratum123 ที่ ธันวาคม 31, 2018, 09:34:36 am
เรารับผลิต เฟืองดอกจอก ขายเฟือง เฟืองงามมิ่ง ยอย หลากหลายชนิด สปริง เหล็ก คอปปิ้ง พวงมาลัย มู่เล่ย์ เกลียว กลึง พวงมาลัย  ราคาถูก
หน้าที่รวมทั้งองค์ประกอบสายพานลำเลียง (Fuction and Componnents of Belt Conveyor)
สายพานลำเลียงก็เสมือนเครื่องจักรอื่นๆโดยทั่วไป คือมีส่วนประกอบหลักและก็อุปกรณ์ประกอบฯลฯในแต่ละชิ้นส่วน แต่ละเครื่องมือยังมีมากมายต้นแบบ การออกแบบสายพานลำเลียงยัังไม่มีมาตราฐานสากลเข้ามาควบคุมประกอบกับ การออกแบบจะดีไซน์ให้สมควรเฉพาะงาน ด้วยเหตุผลดังกล่าววิศวกรผู้ออกแบบจะใช้ศาสตร์และศิลป์ของตนเอง ด้วยเหตุดังกล่าวไม่ว่าต้นแบบ การเลือกใช้ชิ้นส่วน ปริมาณอุปกรณ์ที่ติดตั้งตำแหน่งที่ติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือ มีนานาประการรูปแบบเช่นเดียวกัน องค์ประกอบสำคัญๆที่สำคัญต่อการออกแบบสายพานลำเลียงพอแยกเป็นชนิดและประเภทได้ดังนี้
Conveyor belt (สายพานลำเลียง) เป็นส่วนที่ปฏิบัติภารกิจรองรับอุปกรณ์ขนแล้วก็ส่งกำลัง
Head terminal (ส่วนปลายด้านหัว) เป็นส่วนที่ปลายสุดท้ายที่ปฏิบัติภารกิจจ่ายอุปกรณ์ออกจากสายพาน
Foot terminal or Tail terminal (ส่วนปลายด้านหลัง) เป็นส่วนที่รับวัสดุเข้าสายพาน
Thoughed belt idler or Carring idler (ชุดลูกกลิ้งสายพานรูปแอ่ง หรือ ลูกกลิ้งรองรับสายพานด้านบรรทุกวัสดุ) เป็นชุดลูกกลิ้งซึ่งปฏิบัติภารกิจรองรับสายพานด้านพาอุปกรณ์ไปในหนึ่งชุดประกอบด้วยลูกกลิ้งหนึ่งลูกหรือมากกว่า
Return Idlers (ชุดลูกกลิ้งพากลับ) เป็นชุดลูกกลิ้งที่ปฏิบัติภารกิจรองรับสายพานด้านไม่บรรทุกวัสดุ (สายพานเปล่า) ในหนึ่งชุดประกอบด้วยลูกกลิ้งหนึ่งลูกหรือมากกว่า
Drive (ชุดขับ) เป็นชุดเครื่องไม้เครื่องมือซึ่งปฏิบัติภารกิจขับสายพานให้เขยื้อน มีชุดต้นกำลัง,เครื่องใช้ไม้สอยส่งต่อกำลัง และก็ล้อขับสายพาน ซึ่งชุดต้นกำลังยกตัวอย่างเช่น มอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์,เครื่องไม้เครื่องมือส่งต่อกำลัง อาทิเช่น เครื่องไม้เครื่องมือปฏิบัติภารกิจรับ รวมทั้งส่งกำลังระหว่างชุดต้นกำลังไปยังล้อขับสายพาน เพื่อขับสายพานในความเร็วที่ต้องการ
Take-up Device (เครื่องมือปรับความตึง) เป็นเครื่องมือสำหรับปรับให้สายพานมีความตึงรวมทั้งยังทำหน้าที่เก็บ สายพานส่วนเกิน
Snub Pulley (ล้อกดสายพาน) เป็นล้อสายพานที่ปฏิบัติหน้าที่กดสายพาน เพื่อเพิ่มโค้งสัมผัสให้กับสายพานบนล้อขับสายพาน (Drive Pulley)
Bend Pulley (ล้อดัด) เป็นล้อสายพานที่ปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนทิศทางของสายพาน
Head Pulley (ล้อหัว) เป็นล้อสายพานที่จัดตั้งอยู่ที่ปลายด้านหัวของสายพานของชุดลำเลียง ครั้งคราวทำหน้าที่กระเป๋านล้อ ขับสายพาน
Tail Pulley (ล้อท้าย) เป็นล้อสายพานที่จัดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งปลายสุดด้านหลังของสายพาน บางโอกาสปฏิบัติหน้าที่เป็นล้อปรับ ความตึงสายพาน
Take-up Pulley (ล้อปรับความตึง) ซึ่งก็คือ พูลเล่ย์ที่เดินทางเปลี่ยนตำแหน่งได้ใช้ประโยชน์เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของเครื่องมือปรับ ความตึงสายพาน
Anti Run Back or Back Stop (อุปกรณ์ต้านการเคลื่อนกลับ) เป็นเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับคุ้มครองสายพานเคลื่อนกลับแนวทาง ขณะที่สายพานขนอุปกรณ์เคลื่อนชันแล้วชุดต้นกำลังหยุดการทำงาน
Retarder (รีทราดเดอร์) เป็นอุปกรณ์ สำหรับคุ้มครองความเร็วสายพานสูงเกิน ใช้ในกรณีจัดตั้งชุดสายพานเอียงลดลง
Brake (เบรค) เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ปฏิบัติภารกิจเบรคให้สายพานหยุดการทำงาน หรือหยุดเพื่อดำเนินการทำนุบำรุง
Cleaner or Belt wiper (วัสดุอุปกรณ์ชำระล้างหรือใบเฉือน) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับนำสิ่งของที่ติดบนสายพานหรือบนล้อสายพานออก
Discharge Chute (รางจ่ายอุปกรณ์) เป็นเครื่องมือที่ดีไซน์ เพื่อบังคับทิศทางไม่ให้สิ่งของกระเด็นกระจัดกระจายออก รวมทั้งป้องกันอันตรายอันจะเกิด จากการหมุนของล้อสายพานและสายพาน
Drive Support (เครื่องใช้ไม้สอยรองรับชุดขับ) ทำหน้าที่รองรับรวมทั้งจับยึดชุดขับทั้งหมดทั้งปวง
Walk way and hand rail (ทางเดินแล้วก็ราวจับ) เป็นช่องทางเดินพร้อมราวจับ ยึดติดทางข้างๆของโครงสายพาน ใช้สำหรับในการทำนุบำรุง รวมทั้งตรวจการดำเนินการของสายพาน
Hood (ฝาครอบ) กระเป๋านอุปกรณ์ที่ยึดโครงสายพานครอบเหนือสายพาน เพื่อป้องกันแสงแดด,ฝน,ลม รวมทั้งการฟุ้งกระจายของวัสดุที่ขนถ่าย ลักษณะของฝาครอบนิยมสร้างเป็นรอน (Conrrugated)
Wind Guard (โครงกันลม) เป็นโครงสำหรับยึดฝาครอบกันลม
Corbel connection (ข้อต่อ) เป็นเครื่องใช้ไม้สอยที่ใช้สำหรับยึดต่อความยาวของโครงสายพาน ชนิดมีส่วนยื่นรองรับ
Decking (ชั้นขัดขวางสิ่งของ) เป็นชั้นปิด หรือฝาครอบปิดที่ติดตั้งระหว่างแผ่นสายพานด้านบนและด้านล่าง เพื่อคุ้มครองป้องกันอุปกรณ์ที่อยู่ข้างบน ของสายพานตกหล่นลงสู่แผ่นสายพานด้านล่าง
Gravity take-up (ชุดถ่วงปรับความตึง) เป็นชุดปรับความตึงของสายพานโดยอาศัยน้ำหนักดึงในแนวตั้ง
Bent (ขาตั้งแบบมีจุดหมุน) เป็นขาตั้งที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักขององค์ประกอบแล้วก็ชุดสายพาน ขาตั้งนี้อยู่แนวตั้งในตอนที่โครงสายพาน อาจเอียงลาด
Lateral Frame (โครงข้อต่อสายพาน) เป็นข้อต่อให้โครงสายพานให้ยาวยิ่งขึ้น โดยดครงข้อต่อนี้จะปฏิบัติภารกิจเป็นจุดรองรับปลายของ ส่วนประกอบสายพานที่จะมาต่อชนกัน
Knuckle joint (ข้อต่องอ) เป็นข้อต่อที่รองรับโครงสร้างรวมทั้งสายพานที่เปลี่ยนทิศทาง รอบๆนี้จะมีลูกเกลือกสายพานติดอยู่ด้วย เพื่อรองรับ การดัดโค้งของสายพาน
Frame (โครงสร้างสายพาน) เป็นองค์ประกอบที่ทำด้วยเหล็ก เพื่อรองรับน้ำหนักและเป็นที่ยึดติดเครื่องมือทั้งผองของระบบสายพานนั้นๆบางทีอาจเป็นโครงเหล็กถัก(Truss),โครงเหล็กพับหรือโครงเหล็กรูปร่าง
Loading hopper or chute (ภาชนะรูปกรวยหรือราง) ติดอยู่ใกล้ส่วนท้ายของสายพานลำเลียงปฏิบัติภารกิจรองรับ รวมทั้งนำสิ่งของไปสู่ สายพานลำเลียง
Screw take-up (สกรูเกลียวปรับความตึง) เป็นเครื่องมือปรับความตึงของสายพานโดยใช้การดึงของสกรู
มอเตอร์ ( Motor )
มอเตอร์คือเครื่องกลไกไฟฟ้า (Electormechnical Energy) ที่ปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้า (Electric Energy) ให้เป็นพลังงานมายากล (Mechanical Energy) ในรูปของการหมุนเคลื่อนมีสาระสำหรับในการใช้ประโยชน์งานได้อย่างกว้างขวาง ถูกนำไปร่วมใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือกระแสไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยประมาณ 80-90% ลักษณะมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Energy) แสดงดังรูป
ลักษณะการทำงานของมอเตอร์
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้งานแบ่งออกได้เป็น 2 จำพวก เป็น มอเตอร์ไฟฟ้า กระแสไฟตรง (DC Motor) เป็นมอเตอร์ที่ใช้กับแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าไฟฟ้ากระแสตรง (DC Source) เป็นมอเตอร์แบบเบื้องต้นที่ถูกทำมาใช้งาน รวมทั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Motor) เป็นมอเตอร์ที่ใช้กับแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Source) มอเตอร์ประเภทนี้ถูกพัฒนามาจากมอเตอร์ระแสตรง เพื่อสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางเยอะขึ้น
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงประกอบด้วย แม่เหล็กถาวร 2 ขั้ว วางอยู่ระหว่างขดลวดตัวนำ ขดลวดตัวนำจะได้รับแรงกดดันไฟฟ้ากระแสตรงป้อนให้สำหรับเพื่อการดำเนินการ นำไปสู่อำนาจแม่เหล็ก 2 ชุด มีขั้วแม่เหล็กเหมือนกันวางใกล้กันเกิดแรงผลักดันทำให้ขดลวดตัวนำหมุนเขยื้อนได้การทำงานพื้นฐานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (D.C. Motor)
เมื่อมีกระแสไหลผ่านเข้าไปในมอเตอร์กระแสจะแบ่งออกไป 2 ทาง คือ ส่วนอันดับที่หนึ่งจะผ่านเข้าไปที่ขดลวดสนามแม่เหล็ก(Field coil) ทำให้เกิดสนามไฟฟ้าขึ้นแล้วก็อีกส่วนหนึ่งส่วนใดจะผ่านแปลงถ่านคาร์บอนรวมทั้งผ่านคอมมิวเตเตอร์ เข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์ทำให้เกิดสนามไฟฟ้าขึ้นด้วยเหมือนกัน ซึ่งทั้งคู่สนามจะเกิดขึ้นช่วงเวลาเดียวกัน ตามคุณลักษณะของเส้นแรงแม่เหล็กและก็จะไม่มีการติดกัน จะมีแต่กี่หักล้างรวมทั้งมีการเสริมกัน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงบิตในอาร์เมเจอร์ ทำให้อาร์เมเจอร์หมุนซึ่งสำหรับการหมุนนั้นจะเป็นไปตามกฎมือซ้ายของเฟลมมิ่ง (Fleming’s left hand rule)
สายพานแบนส่งกำลัง เป็นสายพานที่ใช้ในอุตสาหกรรมโรงสีข้าว จำพวกสายพานแล้วก็ความแข็งแรงจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนชั้นของผ้าใบที่ใช้สำหรับการผลิต
คุณลักษณะของสายพาน:
• ความคงทนต่อการแยกชั้นของผ้าใบ การใช้แรงงานของสายพานส่งกำลังจำพวกนี้ จะใช้ส่งกำลังระหว่างพูเลย์ที่มีรอบการหมุนสูง ทำให้สายพานเกิดการแยกชั้นได้ง่าย โดยเหตุนั้นการยึดติดของผ้าใบแต่ละชั้น ก็เลยต้องมีความแข็งแรงมากพอ หมายคือแรงยึดระหว่างกาวกับผ้าใบ รวมทั้งยางกาวกับยางในจำเป็นต้องแข็งแรง เพราะเหตุว่าแม้มีการแยกชั้นของผ้าใบขึ้น ระหว่างการใช้งาน จะทำให้สายพานมีอายุการใช้งานสั้น
• ความทนทานต่อแรงดึง สายพานที่ใช้จึงควรถูกดึงด้วยแรงที่มีค่าค่าหนึ่ง เพื่อกำเนิดแรงเสียดทานสำหรับในการขับ ความแข็งแรงของสายพาน สามารถเพิ่มหรือลดได้ โดยการเพิ่มหรือลดปริมาณของชั้นผ้าใบ
• ความคงทนต่อการสึกหรอ ผ้าใบด้านล่างของสายพาน จะสัมผัสกับพูเลย์(Pulley) ทำให้อายุการใช้งานของสายพาน ขึ้นอยู่กับความทนทานของผ้าใบ ซึ่งผ้าใบที่ใช้เป็นผ้า COTTON ขนาดต่างๆกัน
KENTEC Pin Coupling
- Pin coupling คัปปลิ้งแบบสลัก
- ติดตั้งทำการตั้งศูนย์ได้ง่าย
- ทำรูเพลาสูงสุดได้ถึง160mm
- สามารถตรวจดูแนวทางการหมุนของมอเตอร์โดยการถอดสลักออก
KENTEC Chain Coupling
- คัปปลิ้งรับแรงบิดได้สูง เมื่อเทียบกับคัปปลิ้งที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
- ทำรูเพลาสูงสุดได้ถึง200mm
- คัปปลิ้งราคาย่อมเยาเหมาะสมกับงานส่งกำลังทั่วไป
Sprocket
คุณสมบัติ:
- เหมาะกับงานส่งกำลังในรอบช้า
- สามารถรับแรงบิดได้สูง(Torque) ใช้งานในสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นมากมายรวมทั้งอุณหภูมิสูงได้ดิบได้ดี
- Martin มีผลิตทั้งยัง Sprocket สำหรับงานส่งกำลังรวมทั้ง Sprocket สำหรับงานโซ่ลำเลียง
Martin-Flex Coupling
- ชิ้นยางรอบรับการดึงของเครื่องจักรได้เป็นอย่างดี (shock load)
- รองรับการเยื้องศูนย์ได้สูงกว่าคัปปลิ้งทั่วๆไป
- ชิ้นยางถอดออกตามแนวรัศมี จัดตั้งง่ายไม่ต้องเคลื่อนย้ายมอเตอร์หรือเครื่องจักร
- ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และสามารถวิเคราะห์สภาพชิ้นยางได้ด้วยการดูจากด้านนอก
- ใช้ร่วมกับ taper bush ถอดประกอบกับเครื่องจักรได้ง่าย
- มีรุ่น FRAS ชิ้นยางกันไฟฟ้าสถิต และทนความร้อนได้สูง
TIMING PULLEY
คุณสมบัติ:
- สามารถทำอัตราทดได้สูงขึ้นยิ่งกว่า มู่เลย์แบบร่องวีรวมทั้งรองรับกำลังของมอเตอร์ได้มากกว่าสามารถผลิตรองรับสายพานได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เป็นต้นว่า HTD,GT2,XH,H,L,XL,RPP,STPD,T,AT
- สามารถใช้ร่วมกับ Taper Bush สำหรับเพื่อการประกอบเพลา
คำว่าการผลิต ในภาษาอังกฤษมีการใช้คำอยู่ 2 คำเป็น Manufacturing และก็ Production ซึ่งสื่อความหมายแตกต่างกันดังนี้
1. Manufacturing หมายถึง แนวทางการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบหรือสิ่งของให้แปลงเป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่สามารถแตะต้องได้
2. Production หมายถึง ขั้นตอนเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จ เช่นเดียวกันกับคำว่า Manufacturing แต่แตกต่างกันตรงที่ Production จะรวมเอางานบริการต่างๆเข้าไปด้วย เช่น การผลิตอาหารบรรจุกระป๋อง บริษัทสัญญาประกันภัย บริการที่ได้รับจากโรงพยาบาลและการเข้ารับการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฯลฯ
สแตนเลส หรือเป็นรู้จักกัน ว่า เหล็กกล้าไม่เป็นสนิม คือ โลหะเหล็กในกลุ่มที่มีแรงต้านทานการกัดกร่อนสูง ผสมระหว่างเหล็กแล้วก็คาร์บอน ซึ่งส่วนประกอบจะมีจำนวนคาร์บอนต่ำ มีโครเมียม เป็นส่วนผสมหลัก ราวๆ 10.5 % หรือมากกว่า นำไปสู่การสร้างฟิล์มถ่ายรูปโครเมียมออกไซด์
 
ผลิตภัณฑ์ที่ดินร้าน KGSthai จำหน่าย อาทิเช่น
1. เฟืองโซ่ เฟืองตรง เฟืองดอกจอก เฟืองตัวหนอน เฟืองสะพาน เฟืองามมิ่ง เฟืองทองสัมฤทธิ์ เฟืองโซ่ลำเลียง เฟืองดอกจองเฉ แล้วก็เฟืองสั่งทำพิเศษ
2. มู่เล่ย์สำเร็จรูป มู่เล่ย์ชั้น มู่เล่ย์สายพานแบน มู่เล่ย์เตเปอร์ รวมทั้งมู่เล่ย์สั่งทำพิเศษ
3. โซ่ลำพัง โซ่คู่ โซ่สแตนเลส โซ่ปีก โซ่ลำเลียง รวมทั้งโซ่สั่งทำพิเศษ
4. ข้อต่อเต็มข้อ ข้อต่อครึ่งข้อ ข้อต่อปีก รวมทั้งข้อต่อสั่งทำพิเศษ
5. คอปปิ้ง ยอยเฟือง ยอยโซ่ ยอยสลัก NK, MD, MT, ROTEX, NORTEX และคอปปิ้งลักษณะพิเศษต่างๆ
6. ลิ่มสำเร็จรูป ลิ่มเหล็ก ลิ่มสแตนเลส
7. สปริงดึง สปริงดัน สปริงดีด สปริงเตเปอร์ แผ่นสปริง สปริงขึ้นรูป สปริงลาน สปริงแท่นเจาะ สปริงแม่พิมพ์(สปริงสี) รวมทั้งงานดัดสปริงทุกประเภท
8. เหล็กหล่อ และงานหล่อตามแบบทุกชนิด
9. ใบพัดมอเตอร์อลูมิเนียม พวงมาลัยเหล็กถลุง พวงดอกไม้อลูมินัม พวงดอกไม้ชุบโครเมี่ยมเพลาเกลียว
พัฒนาการของการผลิตในขั้นแรกจะอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1760. – 1830. ซึ่งเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษและก็เป็นตอนๆเวลาที่มีการประดิษฐ์เครื่องจักรชนิดต่างๆมาใช้เพื่อการผลิตดังนี้
1. การประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำของวัตต์ (Watt’s Steam Engine) ในปี ค.ศ. 1776. และก็มีการสร้างจริงในปี ค.ศ. 1785
2. การพัฒนาอุปกรณ์กล (Machine Tools) โดย John Wilkinson ที่ได้ประดิษฐ์เครื่องคว้าน(Boring Machine) เมื่อโดยประมาณปี ค.ศ. 1775.
3. การประดิษฐ์เครื่องกรอได้ (Spining Jenny) เครื่องทอผ้า (Power loom) แล้วก็เครื่องจักร อื่นๆที่ใช้ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลิตผล
4. ระบบของโรงงาน (Factory System) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ของการจัดหน่วยงานเพื่อการสร้างเยอะๆโดยใช้หลักการพื้นฐานของการแบ่งกลุ่มของผู้คนงาน
     "เหล็ก" เป็นคำที่คนไทยทั่วไปนิยมใช้เรียกเหมารวมกันหมายคือ เหล็ก (iron) รวมทั้ง เหล็กกล้า (steel) ซึ่งในความเป็นจริงนั้น สิ่งของทั้ง 2 แบบงี้แตกต่างหลายประการ อย่างไรก็ดี เหล็กเป็นสิ่งของพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาสังคมและก็ความเป็นอยู่ของคนเราตั้งแต่อดีตกาลจนถึงเดี๋ยวนี้แล้วก็ต่อไปในอนาคตอีกนานนม
      เหล็ก (iron) สัญลักษณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์ Fe คือธาตุโลหะประเภทหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ จำนวนมากมีสีแดงอมน้ำตาล โดยทั่วไปสามารถดูดติดแม่เหล็กได้ พบได้บ่อยในชั้นหินใต้ดินบริเวณที่ราบสูงแล้วก็เทือกเขา อยู่ในรูปก้อนแร่เหล็ก (iron ore) ปนเปกับโลหะจำพวกอื่นๆและหิน เมื่อประยุกต์ใช้ผลดีจำเป็นจะต้องผ่านวิธีการทำให้บริสุทธิ์ด้วยกรรมวิธีการ "ผลาญ" (ใช้ความร้อนสูงเผาให้แร่เหล็กเปลี่ยนเป็นของเหลวในเวลาที่กำจัดแร่อื่นที่ไม่ได้อยากต้องการออกไป) ยิ่งกว่านั้นธาตุเหล็กยังเป็นสารอาหารที่ร่างกายมนุษย์เราอยากได้ ด้วยเหตุว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดงของเราอีกด้วย กล่าวคือ คนที่ขาดธาตุเหล็กจะเป็นโรคโลหิตจางได้ง่าย
     เหล็กกล้า (steel) คือโลหะผสมประเภทหนึ่ง โดยทั่วไปเหล็กกล้าหมายความถึง "เหล็กกล้าคาร์บอน (carbon steel)" ซึ่งมีธาตุสำคัญๆคือ เหล็ก (Fe) คาร์บอน (C) แมงกานีส (Mn) ซิลิคอน (Si) รวมทั้งธาตุอื่นๆอีกเล็กน้อย เหล็กกล้าเป็นวัสดุโลหะที่มิได้มีอยู่ตามธรรมชาติ แม้กระนั้นถูกผลิตขึ้นโดยความสามารถมนุษย์ (และก็เครื่องจักร) โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการปรับปรุงเหล็ก (Fe/iron) ให้มีคุณลักษณะโดยรวมดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนแปลงรูปได้จากที่อยาก แข็งแรง ยืดหยุ่น แข็งแรงต่อแรงกระแทกหรือสถานการณ์ทางธรรมชาติ สามารถรับน้ำหนักได้มาก ไม่ฉีกขาดหรือแตกหักง่าย เป็นต้น สมควรสำหรับการใช้งานในด้านต่างๆในชีวิตประจำวันของคนเราได้อย่างนานาประการ ด้วยทุนที่ต่ำ เพื่อให้ขายได้ในระดับราคาที่คนสามัญซื้อหามาใช้ได้ ซึ่งนับว่ามีข้อเด่นดีกว่าวัสดุอื่นๆมากมาย
การสร้างท่อ (Pipe and Tube Manufacturing)
สำหรับในการผลิตท่อนั้นจะใช้กระบวนการต่างๆเช่น การเชื่อมชน (butt welding) การเชื่อมเกย (lap welding) การเชื่อมชนด้วยกระแสไฟฟ้า (electric butt welding)
- การเชื่อมชน (butt welding process) สามารถทำได้ 2 วิธี กล่าวคือ วิธีแรก นำเหล็กอ่อนทำท่อ (skelp) มาอบให้ร้อนจนตราบเท่ามีอุณหภูมิสูงขึ้นยิ่งกว่าอุณหภูมิการตกผลึกใหม่ (recrystallization temperature) หลังจากนั้นนำไปดึงผ่านแบบดาย ซึ่งมีลักษณะคล้ายระฆัง เรียกว่า กรวยเชื่อม (welding bell) ในเวลาที่เหล็กอ่อนทำท่อ (skelp) ถูกบังคับให้วิ่งผ่านกรวยเชื่อมจะเปลี่ยนรูปแปลงเป็นท่อ และขอบทั้งสองข้างถูกบังคับให้วิ่งมาชนกันรวมทั้งเชื่อมชิดกันโดยอาศัยความร้อนและแรงกด ต่อมาท่อที่ได้จะถูกส่งต่อไปยังชุดลูกรีด เพื่อรีดให้ได้ขนาดถัดไป
สำหรับแนวทางลำดับที่สองจะนำเหล็กเหนียวทำท่อ (skelp) ที่ผ่านการอบให้ร้อนจนได้ที่แล้ว ส่งผ่านเข้าไปในชุดลูกรีด (rolls) เพื่อรีดบังคับให้แผ่นเหล็กกลายเป็นท่อ แล้วก็ขอบทั้งสองข้างเชื่อมชิดกันโดยอาศัยความร้อนแล้วก็แรงอัดจากลูกรีด วิธีการเชื่อมชนนี้จะใช้ผลิตท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 75 มม. ลงมา
- การเชื่อมชนด้วยกระแสไฟฟ้า (electric butt welding) นำแผ่นเหล็กมาตัดให้ได้การกว้างดังที่อยากได้ ต่อจากนั้นนำเข้าเครื่องรีดกระทำรีดให้เป็นท่อ ในขณะแผ่นเหล็กนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่อุณหภูมิบรรยากาศปกติ โดยใช้ชุดลูกรีด (rolls) ต่อจากนั้นเชื่อมรอยต่อของขอบให้ชิดกัน โดยใช้เครื่องเชื่อมไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ขั้นตอนนี้นิยมใช้สำหรับการผลิตท่อขนาดใหญ่ที่มีความครึ้มอยู่ในตอน 3.2 -12.7 มิลลิเมตร สามารถผลิตท่อขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 915 มม.
- การเชื่อมเกย (lap welding process) เหล็กอ่อนทำท่อที่ผ่านการอบให้ร้อนจนกระทั่งมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิการตกผลึกใหม่ (recrystallization temperature) ถูกเอามาดึงผ่านแบบดายเพื่อทำให้เปลี่ยนเป็นท่อก่อน แล้วหลังจากนั้นป้อนเข้าสู่ชุดลูกรีด (rolls) เพื่อรีดแต่งให้ขอบทั้งสองข้างมาอยู่ในลักษณะทับกันหรือเกยกัน (overlapping) อาศัยความร้อน เหล็กแกนแบบ (mandrel) รวมทั้งแรงบดอัดจากลูกรีดทำให้ขอบทั้งสองข้างเชื่อมชิดกัน กระบวนการนี้ใช้ในการผลิตท่อที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ในระหว่าง 50 - 400 มม.
- การผลิตท่อที่ไม่มีตะเข็บ (Piercing) เป็นกรรมวิธีการผลิตท่อที่มีคุณภาพสูง ทนต่อแรงอัดได้สูงมากมาย แต่ผลิตยุ่งยากกว่าแบบมีตะเข็บ รวมทั้งมีความครึ้มกว่า การผลิตท่อโดยใช้เพลาแกนดันระหว่างกึ่งกลางชิ้นงานและให้วิ่งในแนวทางเดียวแท่งแกนจะเป็นตัวนำศูนย์ก่อน ใช้แรงอัดแล้วก็ความร้อนของเหล็กเป็นตัวควบคุมขนาดของรูท่อ
- การอัดรีดท่อ (Tube Extrusion) การอัดรีดท่อ เป็นวิธีผลิตท่อแบบไม่มีตะเข็บอีกวิธีหนึ่ง ใช้แนวทางราวการอัดรีดโดยตรง แนวทางการทำแนวทางแบบนี้ตัวอัดจับชิ้นงานหมุนด้วยความเร็วมากราวๆ 10 ฟุตต่อนาที ใช้ผลิตท่อเหล็กพวกเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ บางทีก็อาจจะทำกรรมวิธีการขึ้นรูปเย็นก็ได้อุณหภูมิของงานก่อนเอามาอัดขึ้นรูปประมาณ 2,400 องศาฟาเรนไฮต์
ระบบคลัทช์รวมทั้งคับปลิ้ง
1.ชนิดของคัตช์
คลัตช์ที่ใช้งานกันอยู่จะแบ่งตามประมาณรูปร่างของผิวแผ่นคัตสช์ ที่สามารถแบ่งออกเป็นคลัตช์แผ่นเดียวคลัตช์หลายแผ่นคลัตช์หลายลาเมลลาคลัตช์หลายเรียว
1.1คลัตช์ลาเมลา(LMELLAR CLUTCH)เป็นคัตสช์จำพวกหลายแผ่นเรียงซ้อนกันสลับกัน โดยคลัตช์แผ่นนอกจะสวมอยู่ในร่องตัวบ้านรวมทั้งคัตสช์แผ่นในจะสวมอยู่บนร่องเพลาตาม แผ่นคัสตช์สามารถขยับได้ แผ่นคัสตช์หลายแผ่นที่ทับกันจะถูกปลอบเลื่อนตันกดบังคับให้แขนกดมีลักษณะการทำงานด้วยแขนกด ทำงานด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ดำเนินงานด้วยแรงกดดันน้ำมัน
 
1.2 คลัตช์แบบเรียว เป็นคลัตช์ที่มีพื้นที่เสียดทานรูปร่างเรียวอยู่ด้านในตัวบ้านคลัจช์ชนิดนี้สามารถส่งข้างในโมเมนต์บิดได้มาก สามารถเลื่อนปลอกเลื่อนตามแนวแกนจะทำได้กำเนิดแรงอัดผ่านแขนกระเดื่องแผ่นคลัตช์ให้สัมผัสกับตัวบ้านจะได้แรงอัดสัมผัสสูงมากมาย คลัตช์ชนิดนี้มีลักษณะรูปร่าง
2. จำพวกของคับปลิ้ง
คับปลิ้งที่ใช้เป็นงานทั่วไปของเครื่องกลมีหลากหลายประเภทขึ้นกับวัตเช็ดหวังสำหรับการใช้งาน สามารถจัดชนิดและประเภทของคับปลิ้งออกเป็น 2 ชนิด เป็น คับปลิ้งแบบตัดทอนกำลังมิได้ กับคับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังได้ ดังต่อไปนี้
- คับปลิ้งแบบฝาประกบ(SPLIT COUPLING)เป็นคับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังมิได้ ทำมาจากเหล็กหล่อ 2 ชิ้น ยึดติดกันขาดสกรูให้บีบอัดเพลาทั้งสองไว้ การส่งถ่ายกำลังจะผ่านบริเวณบีบอัดจากแรงของสกรู ถ้าอยากส่งถ่ายการหมุนที่คงที่ก็จะใส่ลิ่มอัด คับปลิ้งจำพวกนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบหนักแบบแปลน(FLANGE COUPLING)เป็นคับปลิ้งชนิดตัดต่อกำลังมิได้ จะประกอบไปด้วยหน้าแปลน 2 ชิ้น สวมอัดอยู่ที่ส่วนปลายของเพลา รวมทั้งมีสกรูสร้อยขันยึดติดร่วมกัน สามารถใสลิ่มเพื่อการประกอบให้มั่นคงก็ได้ คับปลิ้งชนิดนี้มีลักษณะ
คับปลิ้งแบบเพลา (SHAFT COUPLING)กับปลอกเรียว เป็นคับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังไม่ได้ ปฏิบัติภารกิจยึดเพลาที่มีขนาดความโตเท่ากับแล้วก็อยู่ในแนวศูนย์เดียว ผิวที่ยึดมีลักษณะเรียวทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ลิ่มอัดช่วยที่ปลายของเพลา คับปลิ้งประเภทนี้มีรูปร่างลักษณะ
 คับปลิ้งแบบขยับเขยื้อนได้ เป็นคับปลิ้งที่ใช้กับเพลาที่ไม่ร่วมศูนย์สามารถขยับเลื่อนแนวแกนขณะหมุนปฏิบัติงานได้ คับปลิ้งประเภทนี้มีความยืดหยุ่นได้เหมาะสมสำหรับเพื่อการดูดแบกรับภาระชนและการกระตุกกระเทือนที่เกิดจากการหมุนก้าวหน้า คับปลิ้งชนิดนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบฟันโค้ง เป็นคับปลิ้งใช้เพลาที่เยื้องศูนย์มุมตามแนวรัศมีหรือขยับตามแนวแกน สามารถส่งถ่ายโมเมนได้มากและมีความเร็วรอบสูง คับปลิ้งประเภทนี้มีล้อสวมอยู่ที่ปลายของเพลาทั้ง 2 ข้าง โดยเฟืองโค้งอยู่ข้างนอกของล้อและจะขบกับฟันเฟืองตรงที่อยู่ภายในของล้อและล้อจะขบเฟืองตรงที่อยู่ด้านในของตัวบ้านคับปลิ้งประเภทนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบข้อต่อ(JOINT COUPLING)เป็นคับปลิ้งที่สามารถเยื้องศูนย์ของเพลาได้มากกว่าจำพวกฟันโค้ง คับปลิ้งข้อต่อที่ใช้งานได้ดิบได้ดีคือแบบบอลล์ จะสามารถส่งถ่ายการหมุนระหว่างเพลาด้วยลูกฟุตบอลล์เหล็กกล้า ทำให้การส่งถ่ายการหมุนของเพลาได้บ่อยไม่สั่นสะเทือนคับปลิ้งข้อต่อมลักษณะ
 คับปลิ้งแบบยูนิเวอร์แซล(UNIVERSAL JOINT)คับปลิ้งจำพวกนี้ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนกากบาท 2 ชิ้นและก็ส่วนที่ขยับเลื่อนไปๆมาๆตามแนวเพลา ซึ่งเป็นเพลาแบบฟันสไปลน์ใช้ในงานวัสดุกล ดังเช่น เครื่องกัดขนาดเล็ก คับปลิ้งประเภทนี้มีลักษณะรูปร่าง
- คับปลิ้งแบบเมมเบรน(MEMBRANE COUPLING)เป็นคับปลิ้งซึ่งสามารถส่งถ่ายโมเมนต์ที่ความเร็วรอบสูงได้ดิบได้ดี การหมุนที่เป็นมุมจะกระทำด้วยแผ่นเมมเบรนที่ทำด้วยคับปลิ้งซึ่งสามารถดัดได้ แม้กระนั้นหักมุมต่อหนึ่งแผ่นเมมเบรมห้ามเกิน 1 องศา เพราะเหตุว่าคับปลิ้งเนื่องจากว่าคับปลิ้งชนิดนี้ไม่สามารถดัดไปๆมาๆได้ แต่ว่าการหักมุมต่อมีการล่อลวงลื่นสมควรสำหรับใช้ในงานที่อุณหภูมิสูง คับปลิ้งชนิดนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบยืดหยุ่น(FLEXIBLE COUPLING)เป็นคับปลิ้งที่ใช้กับเพลาที่ไม่ร่วมศูนย์รับภาระการชนการกระตุกกระเทือนได้รอบทิศทาง ชิ้นส่วนที่รองรับการยืดหยุ่นทำมาจากยาง หรือทำจากสปริง คับปลิ้งจำพวกนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบตัดต่อกำลัง เป็นคับปลิ้งที่นำมาใช้เมื่ออยากตัดต่อกำลังให้กับเพลา 2 ตัว คับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังจะแยกเป็นคับส่งถ่ายกำลังด้วยลักษณะรูปร่าง รวมทั้งด้วยลักษณะแรง
หน้าที่การใช้งานของคลัตช์
หน้าที่หลักของคลัตช์ประการแรก ใช้สำหรับเพื่อการตัดแล้วก็ต่อการส่งกำลังระหว่างเพลา 2 ตัว คลีตช์สามารถที่จะต่อกำลังระหว่างเพลา 2 เพลา ด้วยความฝืดได้อย่างเร็วและนิ่มนวลเป็นชิ้นส่วนเครื่องกลที่ดีไซน์มาใช้เพื่อสำหรับในการทุ่นแรง ดังเช่น คลัตช์ของรถมอเตอร์ไซค์คลัตช์ของรถยนต์คลัตช์ของปั๊มน้ำมันจั่นตอกเสาเข็มการก่อสร้างคลัตช์ที่ใช้กับเครื่องยนต์ที่จำเป็นต้องใช้ต้นการส่งจากเครื่องจักรมอเตอร์สถานที่สำหรับทำงานไม่สม่ำเสมอบางครั้งบางคราวจำต้องหยุดคอยจังหวะรวมทั้งบาง
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ