หัวข้อ: พลู ประโยชน์เเละสรรพคุณ เริ่มหัวข้อโดย: ttads2522 ที่ มกราคม 08, 2019, 06:04:18 pm (https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1543633694589.jpg)
พลู ชื่อสมุนไพร พลู ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น พลูเหลือง, พลูทอง, พลูจีน (ทั่วไป), เปล้าอ้วน, ซีเก๊ะ , ซีเก๊าะ (ภาคใต้),กื่อเจี่ย (จีนแต้จิ๋ว), จวีเจียง (จีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper betle Linn. ชื่อสามัญ Bettle Piper , Bettle leaf vine วงศ์ PIPERACEAE ถิ่นกำเนิด พลู มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนชื้นในแถบเอเชียใต้ได้แก่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ อื่นๆอีกมากมาย (แต่ว่าอีกแบบเรียนหนึ่งระบุว่าพลูมีต้นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซีย) โดยพบว่าพลูมีมากยิ่งกว่า 100 สายพันธุ์ทั่วโลกซึ่งส่วนมากพบได้ทั่วไปในประเทศอินเดียกว่า 40 สายพันธุ์ ส่วนในประเทศไทยพลูพบได้ทั่วไปในทั่วทุกภาคแล้วก็มีแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญในประเทศเป็น ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครนายก นครปฐม จ.กรุงเทพฯ มหาสารคาม ขอนแก่น แล้วก็จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งชอบเป็นการปลูกเพื่อการบริโภคในแคว้น รวมทั้งปลูกเพื่อการค้า แล้วก็ส่งออกต่างถิ่นในเล็กน้อย ลักษณะทั่วไป พลูเป็นพืชตระกูลเดียวกับพริกไทย (PIPERACEAE) จัดเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งลำต้นหมดจดเป็นข้อ รวมทั้งมีข้อ ขนาดลำต้น 2.5-5 ซม. ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ และก็มีร่องเล็กๆสีน้ำตาลอมแดงตามแนวยาวของลำต้น สันร่องมีสีเขียว โดยลำต้นส่วนปลายจะมีสีเขียว ส่วนลำต้นส่วนต้นจะมีสีเขียวอมเทา โดยมีรากยึดเกาะที่ออกตามขอของลำต้นบางทีเรียกว่า รากตุ๊กแก แตกออกตามข้อของลำต้นเพื่อยึดเกาะวัสดุสำหรับช่วยพยุงลำต้นเลื้อยขึ้นที่สูงได้ รวมทั้งทำให้ลำต้นไม่หลุดหล่นลงสู่พื้นได้ง่าย ใบเป็นใบเลี้ยงลำพัง ออกสลับกัน รูปหัวใจหรือกลมปนรูปไข่กว้าง 8 – 12 ซม. ยาว 12 – 16 ซม. ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม เนื้อใบค่อนข้างเป็นเงาสด ใบอ่อนมีสีเหลืองอ่อน แล้วก็ค่อยๆกลายเป็นสีเขียวอ่อน และก็สีเขียวเข้ม เมื่อแก่เต็มกำลังจะมีสีเหลือง มีกลิ่นหอมยวนใจเฉพาะ รสเผ็ด เส้นใบนูนเด่นทางด้านล่าง ก้านใบยาว ดอกพลูมีสีขาว ออกรวมกันเป็นช่อ มีช่อดอกแบ่งเพศกันอยู่คนละต้น ประกอบด้วยช่อดอกตัวเมียและดอกเพศผู้ มีใบเสริมแต่งดอกขนาดเล็กรูปวงกลม ช่อดอกตัวผู้ยาว 2-12 ซม. ก้านช่อดอกยาว 1.5-3 ซม. ประกอบด้วยเกสรตัวผู้ 2 อัน มีขนาดสั้นมาก ส่วนช่อดอกตัวเมียมีความยาวเท่ากับช่อดอกเพศผู้ แม้กระนั้นมีก้านช่อดอกยาวกว่า ดอกมักบานไม่พร้อมกัน ก็เลยทำให้ไม่ค่อยพบเจอผลของพลู ด้วยเหตุว่าได้โอกาสผสมเกสรน้อย ผลของพลูมีลักษณะอัดแน่นที่เกิดขึ้นมาจากดอกในช่อดอก ผลของพลูมีลักษณะค่อนข้างจะนุ่ม ด้านในมี 1 เมล็ด โดยเมล็ดมีลักษณะกลม ขนาดยาวประมาณ 2.25-2.6 มม. กว้างประมาณ 2 มม. การขยายพันธุ์ พลูสามารถปลูก และก็แพร่พันธุ์ใหม่ด้วยการปักชำกิ่ง เช่นเดียวกับพืชเครือญาติพริกไทยอื่นๆ โดยใช้กิ่งหรือลำต้นที่มีข้อราว 3-5 ข้อ ปักชำในแปลงปักชำหรือถุงปักชำเมื่อกิ่งปักชำติดแล้วค่อยย้ายลงปลูกเอาไว้ในแปลงปลูก แล้วจึงทำค้างให้พลูเลื้อยพันขึ้น ซึ่งพลูจะสามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในสภาพของดินร่วนที่มีอินทรียวัตถุมาก มีความเป็นกรดเล็กน้อย (pH 6- 6.7) พื้นที่การระบายได้ดิบได้ดีมีค่าความชื้นชมรมราวๆ 70-80% ส่วนประกอบทางเคมี ใบพลู มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งประกอบด้วยสาระสำคัญต่างๆเช่น chavicol, chavibetol, eugenol , estragole methlyeugnol แล้วก็ hydroxycatechol สารกรุ๊ปโมโนเทอร์ไต่ส์ ยกตัวอย่างเช่น 1,8-cineol, carvacrol, camphene, limonene สารกลุ่มเซสควีเทอร์ปีนส์ ตัวอย่างเช่น cadinene, caryophyllene ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสารอื่นๆอีก อย่างเช่น β-carotene, β-sitosterol, stigmasterol รวมทั้งในส่วนของต่างๆของพลูสดยังเจอสาร Fluoride , tectrochrysin, adunctin A, yangonin, fargesin, pluviatilol, sesamin ที่มา : wikipedia นอกเหนือจากนั้นเมื่อนำใบพลูสดมาพินิจพิจารณาคุณประโยชน์ทางอาหารพบว่า มีองค์ประกอบต่างๆดังนี้ คุณประโยชน์ทางโภชนาการในใบพลูสด (100 กรัม) Water (น้ำ) 85 – 90% Protein (โปรตีน) 3 – 3.5% Fat (ไขมัน) 2.3 – 3.3% Minerals (เกลือแร่) 0.4 – 1.0% Fiber (ใยอาหาร) 2.3% Chlorophyll (คลอโรฟีล) 0.01 – 0.25% Carbohydrate (ติดอยู่รโปรไฮเดรต) 0.5 – 6.10% Nicotinic acid (วิตามืน บี 3) 0.63 – 0.89 มก./100 ก. Vitamin C (วิตามิน ซี) 0.005 – 1.01% Vitamin A (วิตามิน เอ) 1.9 – 2.9 มิลลิกรัม/100 กรัม Thiamine (วิตามิน บี1) 10 – 70 มคกรัม/100 กรัม Riboflavin (วิตามิน บี2) 1.9 – 30 มคกรัม/100 ก. Tannin (แทนนิน) 0.1 – 1.3% Nitrogen (ไนโตรเจน) 2.0 – 7.0% Phosphorus (ฟอสฟอรัส) 0.05 – 0.6% Potassium (โพแคสเซียม) 1.1 – 4.6% Calcium (แคลเซียม) 0.2 – 0.5% Iron (เหล็ก) 0.005 – 0.007% Essential oil (น้ำมันหอมระเหย) 3.4 มดกรัม/100 กรัม Energy (พลังงาน) 44 กิโลแคลอรี่/100 กรัม ประโยชน์/สรรพคุณ ใบพลูกับชาวไทยนับว่ามีความผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วโดยคนภายในอดีตสมัยมั่นใจว่าใบพลูกินกับหมาก แล้วก็ปูนแดง จะช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง ช่วยดับกลิ่นปาก และก็ในหนังสือเรียนยาไทยที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ จะใช้ใบสดรับประทานเป็นยาขับลม แก้ปวดท้อง ฝาดสมาน ขับเสมหะ เป็นยากระตุ้นน้ำลาย ขับเหงื่อ แก้ปวดท้อง(ที่มีอาการเย็นบริเวณท้อง) เจ็บท้อง เนื่องจากพยาธิ ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ และก็ยังชื่อว่ารักษาอาการช้ำบวม รักษาลักษณะของการปวดท้อง รักษาอาการไอเจ็บคอ รักษาอาการผื่นคันสาเหตุจากกำเนิดลมพิษ รักษาโรคผิวหนัง รักษาโรคกลาเกลื้อน แผลอักเสบฝีหนองแล้วก็สิว นอกเหนือจากนั้นยังใช้น้ำคั้นจากใบสดเป็นยาถ่ายพยาธิ ยาระบาย แก้ท้องผูก ขับเสมหะ ลดไข้แก้ปวดศีรษะ ขับลมในกระเพาะ ทำให้ลมหายใจหอมแจ่มใส นอกนั้นจากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยยังเจาะจงถึงสรรพคุณของพลูว่าใช้สมานแผลรวมทั้งใช้คุ้มครองป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าในน้ำพลูมีสารeugenol รวมทั้ง chavicol ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชาแล้วก็ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต แบบ/ขนาดวิธีการใช้ ใช้ใบสด 3-5 กรัม ต้มน้ำกินสำหรับแก้อาการปวดท้อง แก้ผื่นคัน ให้ใช้ใบสดตำผสมเหล้าทาบริเวณที่เป็น ใช้เคี้ยวแล้วคายทิ้งวันละ 2-3 ครั้งช่วยดับกลิ่นปาก แก้อาการท้องอืดท้องอืดและก็บำรุงกระเพาหาร ใช้ใบสดตำอย่างละเอียดคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำร้อนหนึ่งแก้วใช้ดื่ม ลดปวดบวม ใช้ใบพลู ใบใหญ่ๆนำไปอังไฟให้ร้อนใช้ไปประคบรอบๆที่ปวดบวมช้ำ รักษาขี้กลากและฮ่องกงฟุต เอาใบสดตำให้ละเอียดดองกับเหล้าขาวทิ้งไว้ 15 วัน แล้วกรองเอาแต่น้ำใช้ทาบริเวณที่เป็น การเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial activity) จากการเรียนรู้ฤทธิ์การยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียของสารสกัดจากใบพลูที่สกัดด้วยน้ำ พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อ Streptococcus mutans โดยพบว่าที่ความเข้มข้น 1 มก./มล. ของสารสกัดจากใบพลูส่งผลทำให้เซลล์แตก นอกจากเชื้อดังกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้แล้ว มีการเล่าเรียนเกี่ยวกับพลูว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์กว้างขวางในการยั้งการเจริญของเชื้อได้หลายแบบ ได้แก่ Ralstonia sp., Xanthomonas sp. และก็ Erwinia sp., ฯลฯ โดยองค์ประกอบหลักที่พบในสารสกัดจากใบพลูที่สกัดด้วยน้ำเป็น hydroxychavicol, fatty acid แล้วก็hydroxybenzenacetic acid และก็ยังพบว่าสารสกัดใบพลูที่สกัดด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ S, aureus, B. cereus, K. pneumonia รวมทั้ง E. coli ฤทธิ์สำหรับเพื่อการยั้งการเติบโตของเชื้อรา (Antifungal activity) มีการเรียนพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบพลูมีความรู้ในการยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้หลายแบบได้แก่ Colletotrichum capsici, Fusarium pallidoroseum, Botryodiplodia theobromae, Altemaria altemate, Penicilium citrinum, Phomopsis caricae-papayae รวมทั้งAspergillus niger ซึ่งทดสอบโดยใช้แนวทาง disc diffusion method พบว่าสารสกัดใบพลูจากเอทานอลมีฤทธิ์ยั้งการเติบโตของเชื้อราดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้ดีมากว่าprochloraz 2.5 มิลลิกรัม/มล. หรือ clorimazole 10 มก.มลนอกเหนือจากนี้มีการศึกษาเพื่อปรับปรุงครีมพลูเพื่อใช้สำหรับในการรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ที่สามารถติดต่อสู่กันระหว่างคนและก็สัตว์โดยตระเตรียมครีมพลูที่ประกอบด้วย สารสกัดพลูจากเอทานอล10 % เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน ketoconazole cream 20% ด้วยแนวทาง disc diffusion method ผลการค้นคว้าพบว่าให้ค่าการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา microsporum canis, microporum gypreum รวมทั้ง Trichophyton mentagrophyte ใกล้เคียงกับ ketosporum canis, microsporum gypreum และ trichophyton mentagrophyte ใกล้เคียงกับ ketoconazole cream เมื่อกระทำการอ่านผลที่ 96 ชั่วโมงแต่ประสิทธิภาพของครีมพลูเริ่มน้อยลงหลังจาก 96 ชั่วโมง และหมดไปในวันที่ 7 ของการทดสอบ ฤทธิ์การต้านอักเสบ (Anti-inflammatory activity) การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านการอักเสบจากสารสกัดที่ได้จากพลูพบว่าสารสกัดจากใบพลูอบแห้งหนสกัดด้วยเอทานอล 95% มีประโยชน์สำคัญที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอับเสบ เป็น allylpyrocatechol โดยมีการศึกษาในหนู Sprague Dawley rat เพศผู้มีขนาดน้ำหนักตัว 100 – 120 ก. ผลจาการทดสอบพบว่าการฉีด allypyrocatechol ขนาด10 มก./กิโลกรัม เข้าใต้ผิวหนังบริเวณ sub-plantar มีฤทธิ์สำหรับการต้านทานการอักเสบที่เกิดขึ้นในหนูโดย allylpyrocaate-chol จะลดการแสดงออกของ mRNA ของ inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase-2 (COX-2), interleukin-12p40 (IL-12p40) และก็ tumor necrosing factoralpha (TNF-α) ซึ่ง allylpyocatachol จะคุ้มครองป้องกันการทำลาย kappa B inhibitor (IKB) ส่งผลยับยั้งรูปแบบการทำงานของ transcription ขึ้น นำมาซึ่งการทำให้มีการกระตุ้นลักษณะการทำงานของ macrophage น้อยลง ทำให้มีการเกิดการอักเสบลดลง ฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ (Free radlcal scavenging activity) การเรียนรู้ผลของสารสกัดใบพลูด้วยเอทานอลต่อการต้านอนุมูลอิสระในหนู Swiss albino mice โดยเรียนรู้ถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการเกิดอนุมูลอิสระผลจาการเรียนรู้พบว่าสารสกัดจากใบพลูมีผลสำหรับเพื่อการยับยั้งการเกิดแนวทางการ lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นด้วยรังสีแกมมา รวมทั้งนอกจากนั้นพบว่าเมื่อทำการป้อนสารสกัดพลูในขนาด 1,5 แล้วก็ 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้หนูกินวันแล้ววันเล่าติดต่อกันตรงเวลา 2 สัปดาห์ต่อไปจึงนำตับของหนูมาวิเคราะห์พบว่าไม่มีการเปลี่ยนระดับของ lipid peroxidation แล้วก็ยังพบว่าสารสกัดจากใบพลูส่งผลทำให้ปริมาณของ glutathione เพิ่มขึ้น ซึ่งglutathione มีส่วนสำคัญในแนวทางการ detoxification โดยจะไปกระทำควบคุมแล้วก็รักษาระดับของปฏิกิริยา redox รวมทั้ง thiol homeostasis ในตับ ซึ่งส่งผลสำหรับการควบคุมการเกิดปฏิกิริยาcellular oxidative รวมทั้งยังพบว่าสารสกัดใบพลูส่งผลสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพแนวทางการทำงานของเอนไซน์ superoxide dismutase (SOD) แม้กระนั้นในทางตรงกันข้ามพบว่า การทำงานของเอนไซน์ catalase ลดลงนอกเหนือจากการศึกษาต้นเหตุดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีการเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์เครียดของสัตว์ทดลองที่เกิดหลังจากการให้สารสกัดจากใบพลู โดยเรียนถึงความเคลื่อนไหวของระดับ glyoxalase system (Gly l รวมทั้ง Gly ll) ซึ่งเป็นตัวบ่งถึงสภาวะเครียดของหนู ซึ่งจากการทดลองพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับ Gly l แล้วก็ Gly ll) ภายหลังการให้สารสกัดใบพลูกับหนู ฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน (lmmunomodulating Activity) การศึกษาผลของสารสกัดพลูด้วยเอทานอลต่อการผลิต histamine และก็ granulocyte macrophage colony stimulating factor (GM-CSF) จาก bone marrow mast cells ของหนูแรท (murine rat) แล้วก็การหลั่งของ eotaxin รวมทั้ง IL-8 โดย human lung epithelial cell line (BEAS-2B) ซึ่งจากการเล่าเรียนพบว่าสารสกัดพลูด้วยเอทานอล มีผลลดการหลั่ง histamine แล้วก็ GM-CSF ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการกระตุ้นของ lgE ที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาhypersensitive อย่างมีนัยสำคัญ และก็สารสกัดพลูจากเอทานอลยังส่งผลในการยั้งการหลั่ง eotaxin และก็ IL-8 ซึ่งมาจากจากการกระตุ้นของ TNF-α และก็ IL-4 ในปฏิกิริยา allergic reaction นอกเหนือจากนี้ยังพบว่าน้ำมันหอมระเหยจากพลูส่งผลต่อการกระบวนการ phagocytosis ของ macrocytes ในหนูถีบจักร และน้ำมันหอมระเหยจากพลูยังส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณของlymphocytes จากม้าม ไขกระดูก และก็ต่อม thymus ในหนูถีบจักรด้วย การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดลองความเป็นพิษ (Toxicity test) ขนาดของสารสกัดพลูที่ป้อนให้หนูถีบจักรรับประทานแล้วตายกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่าเท่ากับ 3.22 กรัม/กิโลกรัม หนูที่ได้รับสารสกัดต่ำกว่า 2 ก./กก. มีลักษณะซึมและหลับ ไม่เป็นผลต่อการหายใจและกลายเป็นธรรมดาได้ ถ้าเกิดได้รับสารสกัดมากยิ่งกว่า 2.5 กรัม/กก. พบว่าหนูมีลักษณะซึมและหลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีลักษณะอาการเมื่อยล้า จากนั้นมีอาการซึมและก็ตายเนื่องมาจากหายใจไม่ออก รวมทั้งยิ่งกว่านั้นยังพบว่า chavicol และก็ chavibetol เป็นสารในใบพลู ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ phenol เป็นพิษกับเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) นำมาซึ่ง hypopigmentation ในส่วนของ basal cell layeres ของผิวหนังชั้นกำพร้า ทดลองความเป็นพิษเมื่อส่องแสง (Phototoxicity) ของขี้ผึ้งพลู4% ซึ่งทำมาจากสารสกัดใบพลูด้วยอีเทอร์ใน modified polyethylene glycol ointment ต่อผิวหนังหนูตะเภา ไม่เจอผื่นแดง หรืออาการระคายเคืองใดๆก็ตามทั้งก่อนฉายและก็หลังส่องแสงอุลตราไวโอเล็ต ในช่วงเวลาที่ยาจัดเตรียมขึ้ผึ้งใบพลูที่ใช้ base เป็น hydrophilic petrolatum จะเป็นพิษต่อผิวหนังหนูตะเภา โดยมีสีแดงกระจ่างแจ้ง ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดอะซีโตนแล้วก็สารสกัดน้ำจากใบ ความเข้มข้น 200 ไมโครกรัม/เพลท ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Salmonella typhimurium TA98, TA100 ,TA1535, TA1537 และ TA1538 สารสกัดคลอโรฟอร์ม สารสกัด 50% เอทานอล สารสกัด 95% เอทานอล และก็สารสกัดน้ำจากใบ ความเข้มข้น1.41 37.5 50 และก็ 153.8 มิลลิกรัม/ เพลท ตามลำดับไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ ต่อเชื้อ S.typhimurium TA98, TA100 พิษต่อเซลล์ สารสกัดน้ำจากช่อดอก ความเข้มข้น 800 ไมโครกรัม/มล. เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ oralmucosal fibroblasts รวมทั้งสารสกัดเดียวกันนี้เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ gingival keratinocytes สารสกัด 95% เอทานอลจากใบ ความเข้มข้น20 ไมโครกรัม/มล. เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์ 9KB พิษต่อยีน สารสกัดน้ำจากช่อดอก เป็นพิษต่อยีนเมื่อทดลองในเซลล์ oral mucosal fibroblasts และก็เซลล์ gingival keratinocytes สาร hydroxychavicol จากช่อดอกเป็นพิษต่อยีน ทำให้โครโมโซมของเซลล์ Chinese hamster ovary (CHO-K1) แบ่งตัวไม่ปรกติ เมื่อให้สารสกัดน้ำจากใบพลูร่วมกับสารสกัดน้ำจากหมากและก็ยาสูบ ขนาด9.4 กรัม/กิโลกรัม แก่หนูถีบจักรเป็นเวลา 10 เดือน พบว่าทำให้โครโมโซมของเซลล์ไขกระดูกของหนูเปลี่ยนและมีการแบ่งตัวเปลี่ยนไปจากปกติ ฤทธิ์ต่อระบบขยายพันธุ์ สารสกัด 95% เอทานอลจากก้านใบขนาด 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่งผลคุมกำเนิดในหนูขาวทั้ง 2 เพศ ให้หนูถีบจักรเพศผู้รับประทานสารสกัด 95% เอทานอลจากใบรวมทั้งลำต้นขนาด 50 มก./กก. ใน 30 วันแรก และขนาด 1000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ใน 30 ครั้งหน้า พบว่าสามารถคุมกำเนิดได้โดยลดการปฏิสนธิ (ferility) ได้ถึง 0% ในเวลาที่สารสกัด 95% เอทานอล สารสกัดน้ำและสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากใบรวมทั้งราก (ไม่ระบุขนาดที่ใช้) ไม่มีผลต่อการคุมกำเนิดในหนูถีบจักรและไม่ส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนที่มดลูกในหนูขาวที่ได้รับสารสกัดนี้ใบรวมทั้งรากแห้งไม่เจาะจงสารสกัดและขนาดที่ใช้ ก็ไม่เป็นผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนเช่นเดียวกัน เมื่อให้โดยการฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูขาว ฤทธิ์ก่อเกิดมะเร็ง นอกเหนือจากนี้ยังมีการศึกษาในชายที่บดหมากในประเทศไต้หวัด โดยศึกษาเล่าเรียนในคนป่วยที่เป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารระยะเริ่มต้น (esophageal squamous-cell-carcinoma) จำนวน 126 ราย โดย 65 ราย เป็นผู้เจ็บป่วยที่มีประวัติว่าบดหมาก รวมทั้ง 61 ราย ในนั้นเป็นคนไข้ที่เคี้ยวหมากกับดอกพลู (Piper betle infloesence) และก็ 4 ราย เคี้ยวหมากกับดอกแล้วก็ใบพลู (Piper betle inflorecence and betel leaf) พบว่าผู้ชายที่เคี้ยวหมาก มีโอกาสที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าผู้ที่มิได้บดแม้ 4 เท่า และจากการเรียนเพิ่มเติบพบว่า ผู้ที่บดหมากกับดอกพลูมีโอกาสในการเสี่ยงเป็นมะเร็งหลอดของกินได้มากกว่าผู้ที่เคี้ยวหมากกับใบและก็ดอกพลู หรือเคี้ยวหมากกับใบรวมทั้งดอกพลู หรือเคี้ยวหมากกับใบพลูสิ่งเดียวถึง 24 เท่า(ไม่เจอผลต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังในผู้ที่เคี้ยวหมากกับใบและดอกพลู หรือบดหมากกับใบพลูอย่างเดียว) ซึ่งผลจากการทดลองในคราวนี้คาดว่าในดอกของพลูมีสารที่ส่งผลให้เกิดมะเร็ง (carcinogens) แล้วก็ในใบพลูมีสารต้านมะเร็ง (anticarcinogenic) ข้อเสนอ/ข้อควรคำนึง 1. การเก็บใบพลู มาใช้ควรเก็บตอนสาย เนื่องจากเป็นตอนที่ใบมีการสังเคราะห์แสงสมบูรณ์ โดยเลือกเก็บเฉพาะใบที่มีสีเขียวเข้ม ไม่สมควรเก็บใบอ่อนรอบๆยอดหรือเก็บใบแก่ที่เหลืองแล้ว เพราะว่าใบพวกนี้จะมีสารเคมี หรือน้ำมันหอมระเหยน้อย 2. ในคนที่แพ้ยางของพืชประเภท ชะพลู พริกไทย ควรรอบคอบไม่ให้โดนยางของพลูด้วยเช่นเดียวกันเพราะว่าเป็นพืชในวงศ์เดียวกันอาจจะทำให้มีการแพ้ได้ 3. การใช้พลูในรูปแบบสมุนไพรเพื่อการดูแลรักษาโรคควรใช้ในขนาดแล้วก็ปริมาณที่พอดีไม่ใช้มากมายหรือใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป 4. สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว สตรีท้อง หรือสตรีให้นมลูก ควรหารือหมอและก็ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนใช้ เอกสารอ้างอิง
|