ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: SEO.No1 ที่ มกราคม 12, 2019, 03:01:00 am



หัวข้อ: รีวิวสายสัญญาณเสียง 6 วิธีวิเคราะห์ประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง ราคา คลิกเลย
เริ่มหัวข้อโดย: SEO.No1 ที่ มกราคม 12, 2019, 03:01:00 am
6 วิธีสำรวจคุณภาพสายสัญญาณเสียง
สายสัญญาณเสียง คือวัสดุอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องเสียงกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆโดยสายนี้จะเป็นตัวนำเสียงจากเครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ให้มาแสดงออกในเครื่องเสียง ช่วยทำให้สามารถเล่นไฟล์เสียงด้วยเสียงที่ดังขึ้นได้
เดี๋ยวนี้ พวกเราสามารถหาซื้อสายสัญญาณเสียงได้ทั่วไปตามร้านค้าจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมีผลิตภัณฑ์หลายรุ่น หลายยี่ห้อให้เราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งแน่ๆว่าเมื่อสายสัญญาณเสียงบนท้องตลาดมีอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ทำให้ท่านภาพของผลิตภัณฑ์มีความต่างกันด้วย ถ้าหากพวกเราได้สายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีมาใช้ดีแล้วไป แม้กระนั้นถ้าพวกเราเผลอไปซื้อสายสัญญาณเสียง ที่มิได้ประสิทธิภาพมาใช้งานเข้า ก็ต้องเจอกับปัญหาระหว่างใช้งานหลายประการ เสียงไม่ออก ประสิทธิภาพเสียงไม่ดี มีอายุการใช้แรงงานสั้น ใช้ไปได้ไม่เท่าไรก็เสียแล้ว อีกทั้งสายสัญญาณเสียงนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจประเมินคุณภาพด้วยราคาได้ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ราคาไม่แพงหรือสินค้าราคาแพง ต่างก็มีคุณภาพดี คุณภาพไม่ดี และปัญหาในตนเองปะปนไป ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงควรต้องมีวิธีการพื้นฐานสำหรับพิจารณาประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาใช้งานได้ถัดไป
.
(https://static.mustlovemac.store/catalog/product/cache/image/700x560/e9c3970ab036de70892d86c6d221abfe/b/e/belkin_rca_studio_audio_cable.jpg)
.
การตรวจสอบคุณภาพ สายสัญญาณเสียง เราสามารถทำเป็น 6 แนวทางดังนี้
1. วิเคราะห์ความแข็งแรง-ความอ่อนของสาย ข้อนี้เป็นอย่างแรกที่เราสามารถด้วยตนเองได้ และก็ควรเช็คเป็นอย่างแรก เพราะสายสัญญาณเสียงในปัจจุบันมีการผลิตสายออกมาให้มีความแข็งแรงและก็ความอ่อนไม่เท่ากัน โดยธรรมดา สายสัญญาณเสียงที่ราคาแพงถูกมักจะมีสายค่อนข้างจะแข็ง ในเวลาที่สายสัญญาณเสียงราคาสูงๆมักจะมีสายอ่อน ข้อแนะนำคือ ไม่ควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่แข็งเกินไป เนื่องจากว่าจะไม่สามารถพับสายได้ แม้พับ ม้วนเก็บสายย่อมทำให้เกิดปัญหา ในเวลาเดียวกันก็ไม่ควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่อ่อนเหลือเกิน เพราะว่ายิ่งอ่อนนิ่มมาก สายก็จะยิ่งเปราะบาง เมื่อนำไปใช้งานเสมอๆย่อมมีความเสี่ยงสูงที่สายจะขาด หรือหักพับได้ไม่ยากสาย audio cableที่ดีที่สุด ควรจะเป็นสายที่อ่อนพอจะสามารถพับได้อย่างไม่มีการเสียหาย แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันก็มีความแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้อย่างไม่เกิดการฉีกให้ขาด ถ้าเกิดพวกเราพบว่าสายสัญญาณเสียงใดมีลักษณะแบบนี้ สามารถซื้อมาไว้ใช้งานได้เลย
2. วิเคราะห์สิ่งของที่ใช้เพื่อทำหัวสายว่าเป็นยังไง สายสัญญาณเสียงที่ผลิตออกมาขายในปัจจุบันนั้น มีการใช้โลหะอยู่ 2 จำพวกใหญ่ๆในการทำหัวสาย ได้แก่ ทองบรอนซ์ รวมทั้งอลูมินัม ขอเสนอแนะว่าควรจะเลือกใช้สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นทองบรอนซ์จะดีมากกว่า เพราะว่าเป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ดีมากยิ่งกว่าอลูมินัม ไม่ค่อยพบเจอกับปัญหาเสียงขาดเสียงหาย แม้จะแทงสายไม่แน่นก็ตาม ในขณะที่อลูมินัม เป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ไม่ดีนัก ถ้าเกิดแทงไม่แน่นจะไม่สามารถที่จะนำสัญญาณเสียงได้ นอกนั้น ทองสัมฤทธิ์ยังเป็นโลหะที่มีความคงทนสูง แก่การใช้แรงงานยาวนาน ไม่ค่อยเจอกับปัญหาประเด็นการหัก หรือการโค้งงอผิดรูปผิดรอย ขณะที่สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นอลูมินัมนั้นต้องใช้งานอย่างระแวดระวัง แม้ไม่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู หัวสายจะหักหรือโค้งงอได้ง่ายในเวลาอันเร็วทันใจ
3. พิจารณาการยึดระหว่างหัวสายกับสายไฟว่าคืออะไร มีการเชื่อมต่ออย่างสนิทดีไหม โดยธรรมดาสายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีจะยึดจุดเชื่อมต่อระหว่างสายไฟกับหัวเสียบได้อย่างสนิท ตอนที่สายสัญญาณเสียงคุณภาพแย่มักยึดท่อนหัวสายกับสายไฟได้ไม่แน่น บางรุ่นทำเพียงแค่เอาสายใส่เข้าไปในหัวแบบมิได้ยึด สิ่งที่จะตามมาเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็คือ สายไฟหลุดออกมาจากหงุดหงิดบ และถ้าเกิดสายสัญญาณเสียงใดมีปัญหานี้ขึ้นมาย่อมไม่อาจจะซ่อมแซมได้ ต้องทิ้งอย่างเดียว ด้วยเหตุนั้นสำหรับในการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง พวกเราก็เลยจำต้องสำรวจจุดเชื่อมต่อระหว่างหัวเสียบกับสายไฟด้วย
4. ตรวจสอบความยาวของโลหะหัวเสียบว่ามีความสั้นยาวเท่าใด โดย สายสัญญาณเสียงที่ดี จะต้องมีความยาวระหว่างโลหะหัวเสียบอยู่ที่ 2-5 เซนติเมตร เนื่องจากว่าเป็นความยาวที่เหมาะสมสำหรับการทิ่มกับอุปกรณ์ต่างๆได้โดยไม่เกิดการโยกหรือหละหลวม ทั้งยังยังแทงได้สนิท ไม่มีโลหะหัวเสียบโผล่พ้นขึ้นมา แม้เป็นสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวของโลหะหัวเสียบสั้นเหลือเกิน จะไม่สามารถที่จะแทงกับเครื่องใช้ไม้สอยได้ กำเนิดปัญหาเสียงไม่ออก หรือเสียงมาเป็นช่วงๆจำเป็นต้องคอยพยุงไว้ ส่วนถ้าหากโลหะที่หัวเสียบมีความยาวมากเกินไป เมื่อแทงกับเครื่องมือจะมีผลให้มีโลหะเล็กน้อยโผล่ขึ้นมา ถ้าเผลอไปชนเข้าอาจทำให้สายมีการหักได้
5. ตรวจตราความยาวของสายไฟว่ามีมากมายน้อยเท่าใด ข้อนี้แม้ว่าจะมิได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานโดยตรง แม้กระนั้นก็สำคัญ เพราะการซื้อสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวเพียงพอต่อการใช้งาน จะช่วยทำให้สามารถต่อวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก ไม่เกิดปัญหาสายตึงรั้งเกินไปจนถึงมีความเสี่ยงต่อการหัก หรือหย่อนเกินความจำเป็นจนถึงกำเนิดความรู้สึกเกะกะ ซึ่งความยาวที่เหมาะสมของสายไฟขึ้นกับการใช้งานของเราว่าเป็นยังไง ถ้าหากเป็นสายสัญญาณเสียงสำหรับทิ่มเครื่องมือเครื่องเสียงในรถยนต์ หรือลำโพงทั่วๆไป ควรจะมีความยาวอยู่ที่ 30-60 ซม. ส่วนถ้าเกิดเป็นสานสำหรับต่อลำโพงขนาดใหญ่ จะต้องลากสายยาวๆก็จะต้องมีความยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป
6. พิจารณายี่ห้อของสาย ส่วนยี่ห้อนี้ก็จัดว่ามีความจำเป็นไม่แพ้กันสำหรับในการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง โดยควรเลือกซื้อสายสัญญาณเสียงที่สร้างขึ้นโดยยี่ห้ออันเป็นที่รู้จัก หลบหลีกสินค้าจากยี่ห้อแปลกๆหรือสินค้าโนเนม เพราะมักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มิได้ประสิทธิภาพ ได้โอกาสชำรุดทรุดโทรมเสียหายได้ง่าย
แนวทางในการเลือกซื้อ สายสัญญาณเสียง ให้ได้ประสิทธิภาพถือเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความใส่ใจ เพื่อการเชื่อมต่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องเสียงสามารถำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้การเล่นเสียงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
เครดิตบทความ
บทความสาย audio cable : https://www.dotlife.store/cable/audio-cable.html, dotlife
รีวิวสายสัญญาณเสียงจาก Pantip: www.pantip.com

Tags : สายสัญญาณเสียง,สายสัญญาณเสียง ราคา,สาย audio cable
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ