ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: sudteen555 ที่ มกราคม 16, 2019, 02:24:38 am



หัวข้อ: ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ
เริ่มหัวข้อโดย: sudteen555 ที่ มกราคม 16, 2019, 02:24:38 am
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1543806904131.jpg)
ลูกซัด
ชื่อสมุนไพร  ลูกซัด
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น  ไม่มีข้อมูล
ชื่อวิทยาศาสตร์   Trigonella foenum-graecum L.
ชื่อสามัญ  Fenugreek , Methi
วงศ์ LEGUMINOSAE (FABACEAE) - PAPILIONIODEAE
ถิ่นกำเนิด
ลูกซัดเป็นพืชที่มีถิ่นเกิดในแถบเมติเตอร์เรเนียน และก็มีการกระจัดกระจายประเภทไปในประเทศอินเดีย จีน รวมทั้งประเทศแอฟริกา อาทิเช่น อียิปต์ , เอธิโอเปีย ในขณะนี้สามารถ พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วทั้งโลกทั้งในเอเชีย แอฟริกา รวมทั้งยุโรปโดยส่วนใหญ่นิยมใช้เมล็ดของลูกซัดซึ่งมีกลิ่น ส่วนตัว เป็นเครื่องเทศสำหรับเพื่อการทำครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหรับและก็อินเดีย ส่วนแหล่งปลูกเพื่อการพาณิชย์ที่สำคัญ ดังเช่น อินเดีย อียิปต์ ตูนีเซีย โมร็อกโก เอธิโอเปียฝรั่งเศส ประเทศตุรกี และ จีน
ลักษณะทั่วไป
ลูกซัดจัดเป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว ลำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 60 เซนติเมตร รากแก้วขนาดใหญ่ใบประกอบแบบขน มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ หูใบขนาดเล็ก ก้านใบยาว 1-4 หรือ 1-6 ซม. แกนกลางสั้น ใบย่อยรูปไข่กลับหรือขอบขนาด กว้าง 0.5-2 ซม. ยาว 1.5-4 เซนติเมตร ดอกลำพังออกที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว สีเหลือง ยาว 1-1.5 ซึม ฝักรูปขอบขนาน กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 5-19 เซนติเมตร ผิวเนียน ในฝักมีเม็ด 10-20 เม็ด เมล็ดแก่สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลืองทองคำ เม็ดมีขนาดเล็ก ขนาดกว้าง 3 มิลลิเมตร ยาว 4 มม. ครึ้ม 1 มม. มีร่องตรงกลางเมล็ด มีกลิ่นแรงเฉพาะตัว เม็ดมีรสฝาด มีกลิ่นหอม
การขยายพันธุ์
ลูกซัดสามารถแพร่พันธุ์ได้โดยการใช้เม็ด และการปักชำ โดยมีวิธีการเพาะเมล็ดแล้วก็ใช้กิ่งปักชำ รวมถึงขั้นตอนการปลูกเหมือนกับพืชชนิดอื่นๆธรรมดา
ส่วนประกอบทางเคมี
เมื่อศึกษาทางด้านส่วนประกอบทางเคมีพบว่าสาระสำคัญที่พบในลูกซัดมีgalactomannan จำนวนร้อยละ 14-15 น้ำมันระเหยยาก (fixed oil) มีรสขมแล้วก็กลิ่นเหม็น น้ำมันระเหยง่ายปริมาณร้อยละ 0.02 พบสารกลุ่มAlkaloids ตัวอย่างเช่น trigonelline , สารกรุ๊ป saponin ดังเช่นว่า diosgenin, yamogenin, tigogenin, neotigogenin, Graecunin A-G sarsapogenin smilgenin trigofoenside A trigofoenoside B,C trigofoenoside D trigofoenoside F,G yuccagenin, gitogenin สารกลุ่มflaronoids ดังเช่นว่า vitexin, orientin, quercetin, luteolin kaempferol กรดอะมิโนชื่อ 4-hydroxyisoleucine

ที่มา : Wikipedia
นอกนั้น ลูกซัดยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้ คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดลูกซัดต่อ (100 กรัม) (3.5 ออนซ์)
พลังงาน 1,352 kJ (323 kcal)
คาร์โบไฮเดรต 58 กรัม
ใยอาหาร 25 กรัม
ไขมัน 6.4 กรัม
โปรตีน 23 กรัม
วิตามิน
Thiamine(B 1 ) ไทอะมีน (วิตามิน B1) 0.322 mg
Riboflavin (B 2 ) ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) 0.366 มก
ไนอาซิน(B 3 ) (วิตามิน B3) 1.64 มก
ไพริดอกสิน (วิตามิน บี6) 0.6 มก
โฟเลต(B 9 ) (วิตามิน B9) 57 ไมโครกรัม
แอสคอบิดเอซิด (วิตามินซี) 3 มก
แร่ธาตุ
แคลเซียม 176 มก.
เหล็ก 34 มก
แมกนีเซียม 191 มก
แมงกานีส 1.23 mg
ฟอสฟอรัส 296 มก
โพแทสเซียม 770 มก
โซเดียม 67 มก
สังกะสี 2.5 มก
องค์ประกอบอื่นๆ
น้ำ 8.8 กรัม
ประโยชน์/คุณประโยชน์
ลูกซัดถูกประยุกต์ใช้เป็นเครื่องเทศสำหรับเพื่อการปรุงอาหาร ด้วยเหตุว่าให้กลิ่นหอมสดชื่น และมีรสขมเฉพาะตัว เป็นรสเสน่ห์อาหารอย่างหนึ่ง ซึ่งลูกซัดจะมีกลิ่นหอมหวนคล้ายขึ้นฉ่ายแต่ว่าแรงกว่า รสออกขมนิดๆขมหน่อยๆเมื่อจะใช้เขานำไปคั่วไฟก่อน ไฟจำต้องอ่อนมากๆเนื่องจากว่าลูกซัดบอบบาง ไหม้ง่าย เมื่อคั่วแล้วจะมีกลิ่นหอมสดชื่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากคั่วด้วยน้ำมันเม็ดจะพองตัว รสออกขมเข้มขึ้น เจือด้วยรสเผ็ดนิดๆแล้วก็ด้วยคุณสมบัติกลิ่นและรสดังที่กล่าวมาข้างต้น ลูกซัดจึงเปลี่ยนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญใน ?ผงกะหรี่? อันเป็นเครื่องเทศสากลที่ใช้กันทั่วโลก และก็ที่ชาวอินเดียใช้ ลูกซัดสำหรับในการดองมะม่วง พริก กระเทียมและก็ผักอื่นๆทำเป็น Achar (อาจาด) ที่ใช้เป็นเครื่องเคียงของสะเต๊ะ แล้วก็ในอีกหลายๆประเทศก็ยังมีการใช้ลูกซัดมาเป็นส่วนผสมของแป้งเพื่อตระเตรียมเป็นอาหารชนิดต่างๆเช่น ขนมปัง แป้งพิซซ่า มัฟฟิน และเค้ก รวมทั้งมีการคิดค้นเพื่อพัฒนาลูกซัดในลักษณะของอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ (functional food) แล้วก็ สินค้าเสริมของกิน (dietary supplement) อีกด้วย ในอินเดียวมีการใช้เม็ดแก้ท้องเสีย รักษาเกาต์ เบาหวานขับน้ำนม กระตุ้นกำหนัด และขับระดู ส่วนในประเทศทางแถบยุโรป จะใช้เมล็ดรักษาโรคเบาหวาน แล้วก็ขับน้ำนม
สำหรับคุณประโยชน์ทางยาตามตำรายาไทย: ใช้เมล็ด แก้ท้องเดิน กล่อมเสมหะรวมทั้งอาจมแก้ธาตุทุพพลภาพแก้ท้องอืด ขับลมในไส้ขับฉี่ บำรุงธาตุ ทำให้เจริญอาหาร บดแล้วนำมาใช้พอก ฝี ลดอาการบวม ทาแผลต่างๆแก้อักเสบบวม แก้ไอเรื้อรัง ช่วยทำให้เมนส์มาเป็นปกติ
คุณประโยชน์แผนโบราณ ขับเสลด ทำให้เปียกชื้น ต่อต้านการอักเสบ ขับเมนส์ ขับนมหลังคลอดลูก รักษาโรคเบาหวาน ส่วนคนประเทศไทยในโบราณกาลใช้น้ำต้มลูกซัดและเปลือกชะลูดต้มผ้า เพื่อให้ผ้ามีกลิ่นหอมรวมทั้งแข็งจับกลีบได้ ซึ่งสารเมือกที่มีในลูกซัดนั่นเองที่ทำให้ผ้าแข็งตัวเป็นเงาสวย ปัจจุบันนี้ได้มีการใช้มูกของลูกซัดสำหรับเพื่อการอาบกระดาษมัน แล้วก็ผสมสำหรับเพื่อการทำยาเม็ดเพื่อการแตกตัวของยาดีขึ้น
รูปแบบ/ขนาดการใช้
การใช้ลูกซัดในตอนนี้เป็นการใช้ในการบริโภคในรูปแบบของเครื่องเทศ แล้วก็อาหารมากกว่า การใช้สำหรับการเป็นยารักษาโรคเพราะเหตุว่าขนาดสำหรับการให้ยารักษาโรคนั้นก็ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยที่บ่งชัดถึงขั้นการใช้ที่เหมาะสมและก็มีความปลอดภัยที่แน่ๆ
การเรียนทางเภสัชวิทยา
มีการเรียนรู้ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง ทั้งยังธรรมดารวมทั้งถูกเหนี่ยวนำให้เป็นโรคเบาหวาน โดยพบว่าในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan เมื่อฉีดสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 0.06 0.2 0.5 แล้วก็ 1 กรัม/กก. และก็สารสกัด 70% เอทานอลจากใบ ขนาด 0.8 ก./กิโลกรัม เข้าทางท้อง และก็ป้อนสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 1 2 รวมทั้ง 8 ก./กก. มีผลลดน้ำตาลในเลือดของหนู ยาต้มแล้วก็สารสกัด 95% เอทานอลจากเมล็ด ขนาด 0.5 มิลลิลิตร/ตัว สารสกัด 95% เอทานอลจากเม็ด ขนาด 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และสารสกัดอัลกอฮอล์จากเมล็ด ขนาด1 2 แล้วก็ 4 กรัม/กิโลกรัม มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้บาหวานด้วย alloxan ได้เช่นกัน
ลูกซัดมีผลเสริมฤทธิ์ของยารักษาโรคเบาหวานโดยเมื่อให้ผงเมล็ดลูกซัดร่วมกับยา glicazide พบว่าลูกซัดจะเสริมและก็เพิ่มระยะเวลาการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของยาในหนูแรทปกติ หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan monohydrate รวมทั้งในกระต่ายปกติ โดยไม่ทำให้มีการเกิดการชักเนื่องจากว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ สารสกัดเอทานอล ขนาด 500 มิลลิกรัม/กก. เมื่อให้ร่วมกับยาglibenclamide แก่หนูแรทปกติแล้วก็หนูที่ถูกรั้งนำให้เป็นโรคเบาหวานด้วย streptozotocin จะมีผลเสริมฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกันผงเมล็ด ขนาด 15 กก. ส่งผลลดน้ำตาลในเลือดและก็อินซูลินของคนเจ็บ เมื่อทดลองด้วยแนวทางวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร (Meal tolerance test) เมื่อให้ผู้เจ็บป่วย จำนวน 15 คน กินอาหารที่ผสมผงเมล็ดลูกซัดที่ขจัดไขมัน จำนวน 100 ก.นาน 10 วัน พบว่าระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดต่ำลง คนไข้ อายุระหว่าง38-54 ปี ปริมาณ 10 คน ที่กินอาหารซึ่งผสมผงเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 กรัม โดยแบ่งเป็นขนาดเท่าๆกัน รับประทานวันละ2 มื้อ คือ ตอนกลางวันรวมทั้งเย็น นาน 15 วัน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง โดยลูกซัดมีผลลดระดับน้ำตาลในพลาสมา เพิ่มการใช้กลูโคส และก็เพิ่ม insulin receptor บนเม็ดเลือดแดง ทำให้เพิ่มความต้านทานต่อเดกซ์โทรส แล้วก็เมื่อให้คนไข้ จำนวน 60 คน รับประทานอาหารที่ผสมผงเม็ดลูกซัดในขนาดเดียวกันนี้ นาน 24 สัปดาห์ พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดแล้วก็อินซูลินในผู้ป่วยลดลงเช่นกัน
การเรียนรู้
 
ในอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรงที่รับประทานแคปซูลผงใบลูกซัดขนาด 2.5 กรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 3 เดือน พบว่าไม่เป็นผลลดน้ำตาลในเลือด เมื่อให้คนธรรมดา จำนวน 6 คน รับประทานตำรับของกินที่ผสมผงเม็ดลูกซัดดิบ เม็ดต้น แล้วก็เม็ดกำลังแตกหน่อ ปริมาณ 12.5 กรัม วันละครั้งเป็นข้าวเช้า หรือให้กินตำรับยาซึ่งมีลูกซัด รวมทั้ง guar gum พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลงเม็ด ขนาด 25 กรัม ยางที่สกัดจากเมล็ด (gum) ขนาด 5 กรัม และก็ใบ ขนาด 150 กรัม ส่งผลลดน้ำตาลในเลือดของคนปกติได้ เมื่อให้อาสาสมัครชายร่างกายแข็งแรงอายุ 20-30 ปี จำนวน 20 คน กินสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 40 มิลลิกรัม/กก.พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 13.4 หลังจากได้รับสารสกัด 4 ซม. โดยมีผลใกล้กันเล็กน้อย อย่างเช่น รู้สึกหิวฉี่บ่อยมาก รวมทั้งเวียนหัว
 
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีงานค้นคว้าวิจัย
 
ปริมาณหนึ่งทำทดสอบโดยให้สตรี ที่อยู่ในตอนให้นมลูกดื่มชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ผลสรุปที่ได้ คือ มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปริมาณนมที่เพิ่มขึ้นของม่าม้าในกลุ่มทดลองอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ไม่ได้บริโภคชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด จึงอาจกล่าวได้ว่า ของกินเพิ่มนมที่มีส่วนผสมของลูกซัดบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างนม รวมทั้งมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวเด็กในระยะหลังคลอดได้ด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ หลักฐานที่แจ่มกระจ่างด้านการแพทย์เกี่ยวกับลูกซัดที่สโมสรกับการเพิ่มจำนวนนมในสตรีที่ให้นมลูกยังคงมีจำกัดแล้วก็นักค้นคว้ายังบอกว่าต้องมีการเรียนรู้เสริมเติมถัดไป
 
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ลูกซัด การทดลองความเป็นพิษ ยาต้มจากใบ สารสกัดน้ำจากใบ หรือสารสกัดเอทานอล:น้ำจากเม็ดเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูแรท และก็หนูเม้าส์ มีค่าLD50 เท่ากับ 4 กรัม/กิโลกรัม 1.9 กรัม/กก. และก็ 1ก/กก. ตามลำดับ เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารกสัดน้ำจากใบพบว่ามีค่า LD50 เท่ากับ 10 ก./กิโลกรัม สารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากเมล็ด เมื่อทดลองในกระต่ายและก็หนูแรทมีค่า LD50 มากยิ่งกว่า 2 รวมทั้ง 5กรัม/กก. ตามลำดับ
การกินเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 กรัม/วัน ไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดพิษ การเรียนรู้ความเป็นพิษในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 จำนวน 60 คน โดยให้ทานอาหารที่เสริมผงเม็ดลูกซัด 25 กรัม นาน 24 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นพิษต่อตับและก็ไต และไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติของค่าทางโลหิตวิทยา แต่ว่ามีระดับยูเรียในเลือดน้อยลงภายหลังกิน 12 สัปดาห์
พิษต่อเซลล์ สารสกัดน้ำจากเมล็ด ความเข้มข้น 0.3 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นพิษต่อเซลล์ตับของหนูแรท โดยการทำให้กำเนิดความผิดปกติของไครโมโซม
พิษต่อตัวอ่อน ไม่พบความเป็นพิษต่อตัวอ่อน เมื่อป้องผงเม็ดแห้ง ขนาด 175 มก./กิโลกรัม ให้แก่หนูแรทที่ตั้งท้อง เม็ด ขนาด 2 กรัม/ตัว ไม่เป็นผลทำให้หนูแรทแท้ง
มีรายงานคนเจ็บที่การเกิดอาการแพ้จากการสูดดมผงเมล็ดลูกซัด โดยการทำให้น้ำมูกไหลมากมาย หอบและสลบ รวมทั้งคนไข้ที่เกิดอาการแพ้จากการรับประทานเครื่องแกง ที่มีลูกซัดเป็นส่วนผสม โดยมีลักษณะอาการหลอดลมบีบเกร็ง หอบ รวมทั้งท้องเดิน และก็จะเสริมให้แพ้มากในผู้ป่วยที่แพ้ถั่วลิสงด้วย ในคนเจ็บที่เป็นโรคหอบหืดเรื้อรังซึ่งใช้ผลเม็ดลูกซัดสำหรับแก้รังแค พบว่าทำให้หนังหัวหมดความรู้สึก หน้าบวม แล้วก็หอบ
 
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรไตร่ตรอง

1. ไม่ชี้แนะให้ผู้ที่แพ้ของกินชนิดถั่วทานลูกซัด เพราะเหตุว่าถั่วลูกซัดเป็นพืชเครือญาติถั่ว ถึงแม้จะจัดเป็นเครื่องเทศก็ตาม
2. หญิงตั้งท้องไม่ควรทานถั่วลูกซัด ด้วยเหตุว่าถั่วลูกซัดอาจเข้าไปกระตุ้นการยุบตัวของมดลูกได้
3. ต้องระวังการใช้ลูกซัดร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน ได้แก่ ยาในกลุ่ม sulfonylureas เช่น chlorpropamide, glibencamide, glipizide, gliclazide, gliquidone รวมทั้ง glimepiride เนื่องจากลูกซัด อาจไปเสริมฤทธิ์ของยา
4. อาจมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงมากเกินความจำเป็น ดังนั้นถ้าหากคนไข้โรคเบาหวาน จะรับประทานลูกซัด ควรจะปรึกษาแพทย์และอยู่ภายใต้คำเสนอแนะของแพทย์อย่างใกล้ชิด
5. ควรรอบคอบสำหรับในการใช้ร่วมกับยาสลายลิ่มเลือด เป็นต้นว่า warfarin หรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการรวมตัวของเกร็ดเลือด ยกตัวอย่างเช่น กระเทียม หรือแปะก๊วย เนื่องจากว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงต่อการตกเลือดได้
6. ลูกซัดบางทีอาจมีผลนำไปสู่ผลข้างเคียงอื่นๆได้ ดังเช่นว่า ท้องร่วง ท้องไส้ป่วนปั่น เรอ มีแก๊สในช่องท้อง หรือเยี่ยวมีกลิ่นคล้ายเมเปิลไซรัป
7. แม้ยังไม่มีรายงานการใช้ในสตรีท้องแล้วก็ให้นมบุตร แต่ว่าสตรีตั้งท้องและให้นมบุตร แม้กระนั้นสตรีมีท้องควรระมัดระวังในการใช้ เนื่องมาจากลูกซัดมีผลลดน้ำตาลในเลือด นอกจากนั้นยังมีรายงานวิจัยว่า สารสกัดน้ำ 95% เอทานอล รวมทั้งเมทานอลจากเม็ด มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูกของหนูที่กำลังท้อง ด้วยเหตุดังกล่าว อาจมีผลทำให้เกิดแท้งลูกได้ โดยเหตุนั้นควรจะขอคำแนะนำแพทย์รวมทั้งผู้ที่มีความชำนาญก่อนใช้รวมทั้งไม่ควรใช้ในปริมาณมาก และต่อเนื่องเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆ
 
เอกสารอ้างอิง

  • ธิดารัตน์ จันทร์ดอน.ลูกซัด...เครื่องเทศมีประโยชน์.จุลสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่35.ฉบับที่1 ตุลาคม.2560
  • Chan HT, So LT, Li SW, Siu CW, Lau CP, Tse HF. Effect of herbal consumption on time in therapeutic range of warfarin therapy in patients with atrial fibrillation. J Cardiovasc Pharmacol. 2011;58(1):87-90.
  • นันทวัน บุณยะประภัศร อรนุช โชคชัยเจริญพร.บรรณาธิการ.สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 4 กรุงเทพฯ:บริษัท ประชาชน จำกัด,2543:740 หน้าhttps://www.disthai.com/[/color]
  • นิจศิริ เรืองรังสี เครื่องเทศ.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.2542:206 หน้า.
  • อรัญญา ศรีบุศราคัม.ลูกซัด...แก้เบาหวาน.จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่ 27.ฉบับที่1 ตุลาคม.2552.หน้า4-11
  • El Bairi K, Ouzir M, Agnieszka N, Khalki L. Anticancer potential of Trigonella foenum graecum: cellular and molecular targets. Biomed Pharmacother 2017;90:479-91.
  • ลูกซัด..ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีEthan M. Natural standard herb and supplement reference: evidence-based clinical reviews. New York: Elsevier Mosby; 2005.
  • Lu FR, Shen L, Qin Y, Gao L, Li H, Dai Y. Clinical observation on Trigonella foenum-graecum L. total saponins in combination with sulfonylureas in the treatment of type 2 diabetes mellitus. Chin J Integr Med. 2008;14(1):56-60.
  • Nagulapalli VKC, Swaroop A, Bagchi D, Bishayee A. A small plant with big benefits: fenugreek (Trigonella foenum-graecum Linn.) for disease prevention and health promotion. Mol Nutr Food Res. 2017;61(6):1-26.
  • Izzo AA, Di Carlo G, Borrelli F, Ernst E. Cardiovascular pharmacotherapy and herbal medicines: the risk of drug interaction. Int J Cardiol. 2005;98(1):1-14.
  • Lambert JP, Cormier J. Potential interaction between warfarin and boldo-fenugreek. Pharmacotherapy. 2001;21(4):509-12.
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ