หัวข้อ: ซื้อแอร์อย่างไร ให้ประหยัดเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด เริ่มหัวข้อโดย: asianoned ที่ มกราคม 23, 2019, 01:23:03 am เมื่ออากาศมันอบอ้าว เลยก็เลยต้องหาอะไรเพื่อที่จะดับร้อนกันซะหน่อย ใครชอบบริโภค ก็มองหาของกินทานดับร้อนกันไป แต่ว่าหากว่าผู้ใดอยากให้บรรยากาศในที่พักไม่อบอ้าวดั่งนรก ก็ต้องอาศัย “แอร์” หรือว่า “เครื่องปรับอากาศ” แล้วละ แต่ถ้าใช้งานแอร์ บางคนก็คงจะกังวลใจส่วนประเด็นของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาหลังจากนั้น แล้วทุกคนจะมีหลักเกณฑ์การซื้ออย่างไร ให้ได้ทั้งสินค้าคุณภาพดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
ข้อแรกเราจะต้องพิจารณาถึงแบบของแอร์ต้องให้พอเหมาะกับที่ตั้งรวมถึงการทำงาน ซึ่งสมัยนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกหา โดยที่แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันไป ถ้าหากหากตัดสินใจผิดนั้น ทำให้สามารถมีผลต่อเกิดผลเสียกับแอร์ และยังทำให้เสียพลังงานไปอีก หลักๆ แล้ว แอร์จะแบ่งออกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ เช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมถึง แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละลักษณะ มีรูปลักษณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย อย่างแรกก็คือแอร์ติดผนัง โดยที่เครื่องปรับอากาศอย่างนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือไม่ก็คงจะคุ้นชินกันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ เพราะว่าใช้งานที่หลากหลาย และด้วยรูปแบบการออกแบบที่ร่วมสมัย รวมถึงก็มีขนาดกะทัดรัด อีกทั้งยังทำให้ประหยัดพลังงาน แล้วยังสามารถทำนุบำรุงง่าย เพราะว่าแอร์แบบนี้ เหมาะกับห้องขนาดน้อย หรือที่พักอาศัย หรือคอนโดทั่วๆ ไป ช่วยให้ตรงใจกับความปรารถนาในการทำงานได้อย่างหลายรูปแบบ ถัดมาคือแอร์วางพื้น โดยที่แอร์แบบนี้ถือเป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นได้ดี สามารถทำความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังทนทานต่อการใช้งาน รวมถึงทนทานกับมลพิษอีกด้วย โดยลักษณะของแอร์จะเป็นรูปแบบติดตั้งที่พื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ โรงงาน หรือมีประชากรคับคั่ง ซึ่งแอร์ลักษณะนี้จะทำงานใช้อึกทึก ก็เลยทำให้สิ้นเปลืองพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศแบบอื่นๆ ชนิดต่อไปคือลักษณะเครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน โดยกลุ่มนี้จะเป็นแอร์ 4 ทิศทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้ง สามารถติดข้างในฝ้าเพดาน ส่งผลให้สามารถรักษาทรงความดูดีของห้องได้เหมือนเดิม ลดขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะสมสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความประณีต ทำให้ภายในบ้านเรียบร้อยเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศแบบนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเครื่องปรับอากาศแบบอื่นๆ ส่วนชนิดท้ายที่สุดก็คือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แอร์อย่างนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนกับแบบที่แล้ว เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่แอร์แบบนี้ใช้ได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ว่าไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ และก็ไม่จำเป็นต้องติดกับผนังด้วย เหมาะสมกับคนที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ทำนุบำรุงก็ง่ายดาย เหมือนกับแอร์ทั่วไปเลย กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกกันต่อ ถัดมาก็ต้องซื้อขนาดเครื่องปรับอากาศให้เข้ากันกับสัดส่วนห้อง เพราะว่าเมื่อรู้สัดส่วนห้องเรียบร้อยแล้วนั้น มันก็จะสะดวกกับการเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการใช้งานและช่วย เซฟพลังงาน โดยหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันหมายถึง ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการตัดสินใจ BTU ย่อมมีความสำคัญ เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานรวมถึงอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็ทำให้ใช้งานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ความสามารถด้านในลดลง รวมทั้งยังมีผลให้ให้มีความชื้นในห้องมาก อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วย หรือว่าเจ็บป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็ถ้าหากเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้คอมแอร์ถูกใช้งานทุกเมื่อและมากจนเกินควร เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้ ก็จะทำให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่าย แล้วยังสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย ถัดมาจะเป็นหลักไม่ยุ่งยาก เลยที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องช่วยให้เลือกเลือกซื้อแน่นอน คือ การซื้อแอร์ที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะนั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด ก็จะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดเงินได้นั้นเอง Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา
|