ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: teareborn ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2019, 04:43:40 pm



หัวข้อ: สีเสียด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าทึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2019, 04:43:40 pm
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/02/TKMHLa.jpg)[/b]
สีเสียด
ชื่อสมุนไพร สีเสียด[/size][/b]
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น สีเสียดเหนือ ,สีเสียดไทย (ภาคกึ่งกลาง),สีเสียด,ขี้เสียด,สีเสียดเหลือง(ภาคเหนือ),สีเสียดแก่น(ราชบุรี),สะเจ(ไทยใหญ่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia catechu (L.f.) Willd.
ชื่อสามัญ Black Catechu ,Catechu Tree, Cutch tree,Acacia catechu, Cutch
สกุล LEGUMINOSAE- MIMOSACEAE
บ้านเกิดสีเสียด
เสียดเป็นพืชที่มีบ้านเกิดในทวีปเอเชียตั้งแต่ ตะวันตกของปากีสถาน ศรีลังกาอินเดียไปจนกระทั่งพม่าจีน,ไทยและก็ประเทศต่างๆในรอบๆห้วงมหาสมุทรประเทศอินเดีย ถัดมามีการกระจายจำพวกไปในประเทศต่างๆในรอบๆใกล้เคียง สำหรับในประเทศไทยมักขึ้นเรี่ยราดตามป่าโปร่งและป่าละเมาะ บนที่ราบ แล้ง โดยสามารถขึ้นเป็นกรุ๊ปๆบนพื้นที่เสื่อมโทรมที่มีสภาพดินหยาบช้าแล้วก็มีก้อนกรวดหินผสมปนเป มีการระบายน้ำดี เป็นพันธุ์ไม้ที่ถูกใจแสง คงทนต่อสภาพแห้งแล้ง สามารถแตกหน่อได้อย่างรวดเร็ว
ลักษณะทั่วไปสีเสียด
สีเสียดจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกึ่งกลาง สูง 10-15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดโปร่ง ตามลำต้นและก็กิ่งมีหนามแหลมโค้งออกในลักษณะเป็นคู่ เปลือกเป็นสีเทาคล้ำหรือสีเทาอมน้ำตาลตะปุ่มตะป่ำแตกล่อนเป็นแผ่นยาว แก่นสีน้ำตาลปนแดง
ใบ เป็นแบบใบประกอบแบบขนสองชั้น เรียงสลับ ช่อใบกิ้งก้านเรียงตรงข้ามกัน 10-20 คู่ ใบย่อย 30-50 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปแถบ กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 4-7 มิลลิเมตร ปลายใบมน โคนใบเบี้ยว ใบหมดจด หรือมีขนบางส่วนเส้นแขนงใบข้างละ 6-7 เส้น ก้านใบหลักยาวราว 3-4 ซม. มีขน
ดอกออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดเหมือนช่อหางกระรอกตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อยาว 5-9 เซนติเมตร ดอกย่อยขนาดเล็ก สีขาวนวลหรือสีเหลืองอ่อน กลีบ 5 กลีบ ยาว 0.2-0.3 ซม เกสรเพศผู้จำนวนหลายชิ้น เป็นเส้นเล็กสีขาว ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-3 มม. มีกลิ่นหอมยวนใจ
ผลออกเป็นฝักแห้งแตก ฝักแบนรูปขอบขนานหัวด้านหลังแหลม ยาว 5-10 เซนติเมตร ฝักแก่สีน้ำตาลคล้ำเป็นเงา เม็ด มี 3-7 เมล็ดต่อฝัก ลักษณะแบน สีน้ำตาลอมเขียว
เนื้อไม้ มีสีแดงเข้มถึงน้ำตาลปนแดง เป็นเงาเลื่อม เศษไม้สน เนื้อแน่น แข็งเหนียว ส่วนแก่นของต้นมีสีน้ำตาบแดง และก็ทน เลื่อยผ่า ตบแต่งได้ยาก
การขยายพันธุ์สีเสียด
สีเสียดสามารถแพร่พันธุ์ได้ 2 แนวทาง เป็น
แบบอาศัยเพศ ใช้เม็ดเพาะในแปลงเพาะ โดยการทำการเก็บฝักแก่จากต้น โดยจะสังเกตว่าฝัหมีสีน้ำตาลคล้ำเป็นเงา นำไปผึ่งแดดให้แห้ง 2-3 วัน ฝักจะแตกอ้าตามรอยตะเข็บข้างๆเมล็ดแก่จะมีสีน้ำตาลอมเขียว เป็นมัน แล้วนำเม็ดไปเพาะในแปลงเพาะ ซึ่งจะมีเปอร์เซ็นต์การงอกประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ และก็เมล็ดจะใช้เวลาในการงอก 10 วัน ก็เลยย้ายชำต้นกล้าลงถุงพลาสติกที่ได้ตระเตรียมดินไว้แล้ว แล้วต่อจากนั้นดูแลรักษากล้าราวๆ 4-5 เดือน ก็เลยนำไปปลูกลงในพื้นที่ที่อยากต่อไป สำหรับเพื่อการเพาะเมล็ด อาจจะใช้วิธีหยอดเม็ดลงในถุงพลาสติกโดยตรงแล้ว รักษาต้นกล้าให้เจริญเติบโตจนกระทั่งระยะปลูกก็ได้เหมือนกัน
แบบไม่อาศัยเพศ โดยการใช้เหง้าปลูก ด้วยเหตุว่าไม้แก่นเป็นไม้โตเร็ว จึงสามารถแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติด้วยการแตกหน่อได้ด้วย
สำหรับในการระบุระยะ ถ้าเกิดอยากใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ควรปลูกระยะห่าง 2x3 เมตร หรือ 4x4 เมตร แม้กระนั้นถ้าเกิดปลูกเพื่ออยากผลิตไม้ฟืนหรือถ่าน ควรปลูกระหว่าง 2x2 หรือ 2x4 เมตร และหากปลูกเพื่ออยากได้เก็บเม็ดสำหรับในการทำแหล่งเมล็ดพันธุ์ ควรปลูก 2x2 หรือ 2x4
ส่วนประกอบทางเคมี
สาระสำคัญกรุ๊ปหลักที่พบในสีเสียดไทย คือ สารกรุ๊ปแทนนิน (tannins) ที่ทำให้พืชสมุนไพรประเภทนี้รสฝาด ได้แก่ catechutannic acid ในปริมาณ 20-35%, acacatechin 2-10%, epicatechin, phlobatannin, protocatechu tannins, pyrogallic tannins, epicatechin-3-O-gallate, epigallocatechin3-O-gallate นอกจากนี้ยังเจอสารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ (flavoniods) ประกอบด้วย quercetin, quercetagetin, fisetin flavanol dimers, flavonol glycosides, 5,7,3´,4´-tetrahydroxy-3-methoxy flavone-7-O-β-D-galactopyranosyl-(1→4)-O-β-D-glucopyranoside รวมทั้งยังเจอสารกรุ๊ปอื่นๆยกตัวอย่างเช่น catechu red แล้วก็ caffeine และถ้าแยกเป็นแต่ละส่วนออกมาจากสารต่างๆดังนี้
ใบ พบ Catechin, Isoacacatechol, Tannins isoaca catechol acetate
เปลือกต้นพบสารพวก Catechol, Gallic acid, Tannin, แก่นมีสาร Catechin, Dicatechin, 3′ ,4′ ,7′ , -Tri-O-methyl catechin, 3′ ,4′ ,5 , 5′ , 7-sPenta-O-methyl gallocatechin, ใบมีสาร -(+)-Chatechin, Isoacacatechol, Tannins isoacacatechol acetate ส่วนอีกทั้งต้นมีสาร Epicatechin
สรรพคุณเสียดสี
ในประเทศไทยมีการนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆเยอะมาก เช่น มีการเปลือกต้นแล้วก็ก้อน มาใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้าและฟอกหนังสัตว์ โดยเนื้อไม้หรือแก่นของจะให้สีน้ำตาล ซึ่งสามารถนำมาใช้ย้อมผ้า แห อวน และหนังได้ หรือจะใช้เปลือกต้นนำมาย้อมสีเส้นไหม โดยการลอกเอาเฉพาะเปลือกต้นแล้วนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆต้มสกัดสีกับน้ำ ในอัตราส่วน 1:2 ซึ่งจะได้เส้นไหมสีน้ำตาล ฯลฯ
สีเสียดมีเนื้อไม้สีแดงเข้มถึงน้ำตาลทรายแดง ลักษณะวาวเลื่อมเหนียว คงทน ขัดชักเงาก้าวหน้า สามารถประยุกต์ใช้ผลดีสำหรับในการทำวัสดุ เครื่องใช้ต่างๆหรือใช้ทำเสาเรือนใช้สำหรับกลึง แกะ สำหรับต้นที่ลักษณะไม่ดีก็ใช้ทำฟืนเชื้อเพลิงหรือใช้เพื่อการเผาถ่านได้ ส่วนใบใช้เป็นอาหารสัตว์ประเภท โค ควาย หรือใช้ต้นใช้เลี้ยงครั่งได้เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้ชาวเขาในเชียงใหม่ ยังมีการใช้แก่นไม้ เอามาเคี้ยวรับประทานกับหมากได้อีกด้วย
สำหรับสรรพคุณทางด้านสมุนไพรนั้น ตามตำรายาไทยได้มีการนำมาทำเป็นเครื่องยาโดยการนำแก่นต้น สับให้เป็นชิ้นๆแล้วต้มและเคี่ยว ต่อจากนั้นระเหยน้ำที่ต้มได้ให้เหนียวข้น จะได้ของแข็งเป็นก้อน สีน้ำตาลดำ วาว แข็ง รูปร่างไม่แน่นอน ผิวนอกหยาบคาย มีด้านในด้านหนึ่งที่แตกจะแวววาว ไม่มีกลิ่น รสขม ฝาดจัด ซึ่งมีสรรพคุณ แก้ท้องเสียเรื้อรัง ลำไส้อักเสบ รักษารอยแผล แก้ปากเป็นแผล ใส่แผลเปื่อยยุ่ยรวมทั้งริดสีดวง และการบาดเจ็บที่มีเลือดออก บดหรือต้มกินแก้ท้องเสีย คุมธาตุ แก้บิดมูกเลือด แก้ลงแดง ทารักษารอยแผล รักษาโรคผิวหนัง ต้มล้างบาดแผล ไทยเป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องร่วง ห้ามเลือดที่ออกมาจากจมูก แก้บิด ล้างแผลหัวนมแตก ล้างแผลถูกไฟไหม้ ทำให้แผลหายเร็ว และก็ยังคงใช้ส่วนต่างๆของต้นเป็นสมุนไพรได้โดยจะมีสรรพคุณดังต่อไปนี้
แก่นไม้ แก้ท้องร่วง,รักษาโรคผิวหนัง,แก้บิด,ปิดธาตุ,แก้ลงแดง
เปลือกต้น แก้บิด แก้ท้องร่วง สมานแผล แก้ท้องเดิน
เมล็ดในฝัก ฝนแก้โรคหิด แผลน้ำกัดเท้า
นอกจากนั้นบัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้สีเสียดไทย ในยารักษาอาการของโรคในระบบทางเดินอาหาร ปรากฏตำรับ ”ยาเหลืองปิดสมุทร” มีส่วนประกอบของไทย รวมทั้งเทศ ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ทุเลาอาการท้องร่วงจำพวกที่ไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ยกตัวอย่างเช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปนแล้วก็ท้องร่วงชนิดที่ไม่มีไข้ได้อีกด้วย
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/02/TKMaOz.jpg)[/b]
ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้
สำหรับเพื่อการนำก้อนมาใช้จำเป็นต้องเอามาบดเป็นผงราว 0.3-2 กรัม แล้วชงน้ำดื่ม หรือต้มเอาน้ำรับประทานช่วยแก้อาการท้องร่วง ท้องเดิน แก้บิด หรือใช้ทารักษาแผลต่างๆก็จะช่วยรักษาแผลล้างรอยแผล ใช้ห้ามเลือด และก็รักษาโรคผิวหนัง น้ำกัดเท้าได้ แก้แผลเรื้อรัง ใช้เปลือกต้น ต้มกับน้ำ ใช้ล้างแผล หัวนมแตก ใช้ล้างแผล แก้แผลเน่าเรื้อรัง น้ำกัดเท้า แก้โรคหิด ใช้เมล็ดฝัก ฝนทาแก้โรคหิด แผลน้ำกัดเท้า หรือจะใช้ผงสีเสียดเป็นยาฝาดสมาน แก้อาการท้องเดิน โดยผสมกับผงอบเชย ในปริมาณเท่าๆกัน ถ้าเกิดท้องเดินมากมายใช้ 1 กรัม ถ้าเกิดน้อยใช้ 1/2 กรัม ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว ต้มหนึ่งชั่วโมง กรอง รับประทานทีละ 4 ช้อนแกง (โดยประมาณ 30 มล.) วันละ 3 ครั้ง หรือใช้ผงผสมกับน้ำมันพืช ทาแผลน้ำกัดเท้า
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต้านจุลชีวิน มีรายงานการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านจุลชีวิน พบว่าสารสกัดน้ำ เมทานอล และก็เฮกเซน จากไทยมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli O157:H7, Pseudomonas aeruginosa, Salmonella typhi, Bacillus subtilis, Bacillus cereus, Staphylococcus aureus รวมทั้ง methicillinresistant S. aureus ได้ นอกนั้นยังพบว่าสารสกัดเฮกเซนจากเปลือกต้นไทยมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา Candida albicans รวมทั้ง Aspergillus niger ได้
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองพบว่ามีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ทดสอบสารสกัดเอทานอล (80%) จากลำต้นแห้ง ความเข้มข้น 6.25 มก./มล. กับเชื้อแบคทีเรีย S. aureus ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์อ่อนๆเมื่อเปลี่ยนแปลงมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากเรสินของสีเสียด[/b][/i] พบว่ามีฤทธิ์ มีการทดลองน้ำสกัด สารสกัดเฮกเซน และก็สารสกัดเอทานอล ความเข้มข้น 200 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ของพืชหลายชนิดในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียประเภทต่างๆโดยวิธี agar well diffusion จากผลของการทดลองพบว่า สารสกัดเอทานอลจากเปลือกของ มีฤทธิ์ต้าน S. aureus ส่วนน้ำสกัดมีฤทธิ์อ่อนๆแล้วก็สารสกัดเฮกเซนไม่มีฤทธิ์
ฤทธิ์ต้านทานอาการท้องเสีย สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์น้ำจากเปลือกต้น (Acacia catechu Willd.) ซึ่งประกอบด้วยสารกรุ๊ป catechins อย่างเช่น (-)-epicatechin แล้วก็ (+)-catechin มีฤทธิ์ลดความถี่และก็ความแรงในการหดเกร็งตัวของลำไส้ใหญ่และก็ลำไส้เล็กส่วนปลายที่แยกได้จากหนูตะเภา โดยฤทธิ์การขัดขวางจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนสารสกัดที่ให้ สารสกัดจากต้นสามารถเสริมฤทธิ์ของ calcium antagonist สำหรับเพื่อการต่อต้านการหดเกร็งบริเวณลำไส้ใหญ่มากกว่าส่วนของลำไส้เล็กส่วนปลาย แล้วก็สามารถออกฤทธิ์คลายการหดเกร็งของลำไส้ใหญ่รวมทั้งลำไส้เล็กส่วนปลายจากการเหนี่ยวนำด้วยสาร carbachol ซึ่งเป็นการรับรองว่าเปลือกต้นมีฤทธิ์ต้านทานการยุบเกร็งของไส้ผ่านการหยุดยั้ง muscarinic receptors แล้วก็ Ca2+ channels ของเซลล์ จากการทดลองฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดอาการท้องเดิน พบว่าสารสกัดจากต้นสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Campylobacter jejuni, Escherichia coli และก็ Salmonella spp โดยไม่เป็นผลต่อเชื้อจุลินทรีย์ชนิด Bifido แล้วก็ Lactobacillus ในลำไส้เมื่อให้ที่ความเข้มข้น 5 เท่าของฤทธิ์ต้านการหดเกร็ง ก็เลยสามารถสรุปได้ว่าสารสกัดจากต้นออกฤทธิ์ทุเลาอาการท้องเดิน โดยการต้านการยุบเกร็งในลำไส้มากกว่าฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงน่าจะเป็นผลดีต่อการรักษาอาการท้องเสียที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการได้รับเชื้อแบคทีเรีย
ฤทธิ์ต่อต้านอักเสบ การทดลองนำสารสกัดผสมระหว่าง baicalin จาก Scutellaria baicalensis และก็ (+)- Catechin จาก A. catechu มาทดสอบฤทธิ์ลดการอักเสบ พบว่าสารผสมดังที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถยั้งลักษณะการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (COX) และ 5-lipoxygenase (5-LOX) ได้ โดยมีค่า IC50 (50% inhibitory concentration) ต่อ ovine COX-1 and COX-2 peroxidase enzyme และก็ potato 5-LOX enzyme พอๆกับ 15 g/mL แล้วก็ 25 g/mL เป็นลำดับ
ฤทธิ์ต่อต้านออกซิเดชั่น การเรียนฤทธิ์ต้านทานออกซิเดชั่นของส่วนสกัดเอธานอลจาก A. catechu (L.f.) Willd. ด้วยแนวทาง 1,1-Diphenyl-2-picrylhydrazyl (DPPH)assay โดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน Buthylated Hydroxyl toluene (BHT) รวมทั้ง Quercetin ได้ค่าความเข้มข้นของสารสกัดที่ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระได้ร้อยละ 50 (IC50) เท่ากับ 10.45μg/ml และก็ 2.73 μg/ml เป็นลำดับ
การศึกษาทางพิษวิทยา
การทดลองความเป็นพิษทดลองฉีดสารสกัดเอทานอล (50%) จากลำต้น เข้าทางท้องหนูถีบจักร พบว่าความเข้มข้นสูงสุดที่สัตว์ทดลองทนได้ คือ 100 มิลลิกรัม/กก.
พิษต่อเซลล์ทดสอบสารสกัดเอทานอล (50%) จากลำต้นกับ CA-9KB โดยมี ED50 มากกว่า 20 มคก./มิลลิลิตร พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ มีการทดสอบสารสกัดจากเปลือกกับเซลล์จากปลายรากของหอมหัวใหญ่ จากการทดสอบพบว่า สารสกัดจากเปลือก มีฤทธิ์ยั้งการแบ่งเซลล์เมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์เมื่อทดสอบสารสกัดจากแก่นไม้แห้ง (ไม่ระบุชนิดสารสกัด) ความเข้มข้น 250 มคก./จานเพาะเชื้อ กับ Salmonella typhimurium TA100, TA1535, TA1538, TA98 พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่มีฤทธิ์ ข้อเสนอ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง
การเลือกใช้สีเสียดเป็นยาสมุนไพร ควรพิจารณาถึงความปลอดภัย เช่นเดียวกับสมุนไพรประเภทอื่น เป็น ไม่สมควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และไม่ควรจะใช้เกินจำนวนที่กำหนดตามตำรายา เพราะว่าบางทีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้
ในการเลือกใช้สีเสียดก้อนนั้นควรคิดถึงความสะอาดแล้วก็ควรจะเลือกก้อนที่ไม่มีสิ่งเจือปนอื่นๆติดมาหรือควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้
เอกสารอ้างอิง
นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ และนงลักษณ์ เรืองวิเศษ.วิเคราะห์ วิจัยคุณภาพเครื่องยาไทย.คอนเซพท์ เมดิคัส จำกัด กรุงเทพมหานตรา 2551.หน้า502-510
 จงรัก วัจนคุปต์.  การตรวจหาสมุนไพรไทยที่มีอำนาจทำลายเชื้อแบคทีเรีย.  Special Project Chulalongkorn Univ, 1952. 
ผศ.ดร.ศิริมา  สุวรรณกูฏ.สีเสียด.สมุนไพรแก้ท้องร่วง.บทความสมุนไพรฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
นิจศิริ เรืองรังสี และธวัชชัย มังคละคุปต์.สมุนไพรไทย เล่ม 1.สำนักพิมพ์บี เฮลท์ตี้ กรุงเทพฯ2547.หน้า305.
.ฐานข้อมูลสมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “เหนือ Catechu Tree / Cutch Tree”.  หน้า 32.
ฤทธิ์ต้านอาการท้องเสียของต้น.ข่าวความเคลื่อนไหนสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
เหนือ.กลุ่มยารักษาน้ำกัดเท้า.สรรพคุณสมุนไพร200ชนิดโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี(ออนไลน์)
สมสุข มัจฉาชีพ.พืชสมุนไพร.รุ่งศิลป์การพิมพ์.กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งที่2.2542.หน้า280.
ศุภยางค์ วรวุฒิคุณชัย.หลิน กิจพิพิธ.ฤทธิ์ต้านเชื้อของสารสกัดสมุนไพรไทยต่อ clinical isolates ของ methicillinresistant Staphylococcus aureus. วารสารสงขลานครินทร์. 2548. 27(Suppl. 2) หน้า 525-34.
ไทย.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี(ออนไลน์)
วันดี กฤษณพันธ์ เกร็ดความรู้สมุนไพร.สำนักพิมพ์ดิคัล มีเดีย กรุงเทพฯ พิมพ์ครั้งที่ 2.2539หน้า125.
Shen D, Wu Q, Wang M, Yang Y, Lavoie EJ, and Simon JE. Determination of the Predominant Catechins in Acacia catechu by Liquid Chromatography/Electrospray Ionization-Mass Spectrometry. J. Agric. Food Chem 2006, 54 (9): 3219-24.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “สีเสียดเหนือ”.  หน้า 784-785.
Valsaraj R, Pushpangadan P, Smitt UW, Adsersen A, Nyman U.  Antimicrobial screening of selected medicinal plants from India.  J Ethnopharmacol 1997;58(2):75-83.
. Saini ML, Saini R, Roy S, and Kumar A. Comparative pharmacognostical and antimicrobial studies of acacia species (Mimosaceae). J Med Plants Res 2008, 2 (12): 378-86.
Shrimal SK.  Antimitotic effect of certain bark extracts.  Broteria Ser Trimest Cieng Nat 1978;48(3/4):55-8.
Jayshree D. Patel, Vipin Kumar, Shreyas A. Bhatt. Antimicrobial screening and phytochemical analysis of the resin part of Acacia catechu. Pharmaceutical Biology 2009, 47(1): 34-7.
 Ray PG, Majumdar SK.  Antimicrobial activity of some Indian plants.  Econ Bot 1976; 30:317-20.
. Burnett BP, Jia Q, Zhao Y, and Levy RM. A Medicinal Extract of Scutellaria baicalensis and Acacia catechu Acts as a Dual Inhibitor of Cyclooxygenase and 5-Lipoxygenase to Reduce Inflammation. J Med Food 2007, 10 (3): 442-51.
Dhar ML, Dhar MM, Dhawan BN, Mehrotra BN, Ray C.  Screening of Indian plants for biological activity: part I.  Indian J Exp Biol 1968; 6:232-47.
Ramli S, Bunrathep S, Tansaringkarn T, and Ruangrungsi N. Screening for free radical scavenging activity from ethanolic extract of Mimosaceous plants endemic to Thailand. J Health Res 2008, 22(2): 55-9.
Nagabhushan M, Amonkar AJ, Nair UJ, Santhanam U, Ammigan N, D'souza AV, Bhide SV.  Catechin as an antimutagen: its mode of action.  J Cancer Res Clin Oncol 1988;114(2):177-82.
 Ahmad I, Mehmood Z, Mohammad F.  Screening of some Indian medicinal plants for their antimicrobial properties.  J Ethnopharmacol 1998;62:183-93.

Tags : ประโยชน์สีเสียด,สรรพคุณสีเสียด
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ