หัวข้อ: วางระบบไฟฟ้าโรงงาน เริ่มหัวข้อโดย: mossade4T ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2019, 03:52:00 pm วางระบบไฟฟ้าโรงงาน รับเหมาวางระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม งานระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม ออกแบบติดตั้งระบบไฟฟ้า (http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2019/02/pro_2435801.jpg) (http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2019/02/contact-1.jpg) ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า (http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2019/02/pro_2436401.jpg) (http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2019/02/contact-1.jpg) โรงงานอุตสาหกรรมแต่ละประเภทมีรูปแบบการวางระบบไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่โรงงานประเภทเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องมีการวางระบบไฟฟ้าที่เหมือนกัน ซึ่งการออกแบบวางระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม จะมีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาดังนี้ 1. ขนาดของโรงงาน โดยการไฟฟ้าทั้งสามคือ กฟผ., กฟน. และ กฟภ. ได้นิยามขนาดของโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจพาณิชยกรรมตามปริมาณกำลังไฟฟ้าที่ขอใช้ดังนี้ - โรงงานขนาดเล็ก : ความต้องการพลังไฟฟ้าไม่เกิน 30 KVA. - โรงงานขนาดกลาง : ความต้องการพลังไฟฟ้า สูงสุด 30-1999 KVA. - โรงงานขนาดใหญ่ : ความต้องการพลังไฟฟ้าตั้งแต่ 2 MVA. ขนาดของโรงงานและกำลังไฟฟ้าที่ใช้ มีผลกระทบต่อการเลือกระดับแรงดันของระบบไฟฟ้าในโรงงานซึ่งจะส่งผลต่อไปยังการลงทุนในอุปกรณ์ และอัตราค่าไฟฟ้า ตลอดจนมาตรฐานที่การไฟฟ้าฯ ใช้ควบคุมการใช้ไฟของโรงงาน 2. อุตสาหกรรมบางประเภท มีกระบวนการผลิตที่ต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเคมี โรงกลั่น อุตสาหกรรม petro chem เป็นต้น คุณภาพของไฟฟ้ามีผลกระทบต่อผลผลิตของโรงงานสูง บางอุตสาหกรรมการใช้ไฟฟ้ามีลักษณะกระชากเป็นช่วง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก โรงโม่หิน โรงงานเชื่อมเหล็ก การออกแบบระบบไฟฟ้าต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าต้นทาง และผู้ใช้ไฟใกล้ ๆ กัน กระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยชี้นำในการลงทุนเพื่อคุณภาพของระบบไฟฟ้าของโรงงานเราแบ่งประเภทของกระบวนการผลิตออกเป็น - กระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง continuous flow เช่น อุตสาหกรรมเคมี โรงกลั่น เป็นต้น ระบบไฟฟ้าขัดข้องอาจทำให้สินค้าที่อยู่ในกระบวนการผลิตทั้งหมดเสียหาย ต้องนำไปทำลาย ค่าเสียหายจากการที่ระบบไฟฟ้าขัดข้องจึงสูง การลงทุนให้ระบบไฟฟ้าภายในโรงงานมั่นคงจึงคุ้มค่า - กระบวนการผลิตแบบ batch flow เช่น โรงงานทอผ้า อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปบางประเภท โรงถลุงเหล็ก เป็นต้น การขัดข้องของระบบไฟฟ้าอาจทำให้สินค้า lot นั้นคุณภาพไม่ได้มาตรฐานต้องทำลายทิ้ง หรือจำหน่ายเป็นสินค้าเกรดต่ำ หรือต้องเริ่มต้นกระบวนการผลิตของ lot นั้นใหม่ การตัดสินใจลงทุนเพื่อคุณภาพของระบบไฟฟ้าของโรงงานจึงขึ้นกับระดับความ สูญเสียที่จะเกิดจากระบบไฟฟ้าขัดข้องเฉลี่ยต่อครั้ง - กระบวนการผลิตที่ไม่ต่อเนื่อง การหยุดการผลิตไม่ได้ทำให้สินค้าหรือวัตถุดิบที่อยู่ใน production line เสียหาย เช่น อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ โรงงานผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ โรงโม่หิน เป็นต้น 3. ประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงาน อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นต้นกำลังจะมีความต้องการคุณภาพของ power supply ในระดับที่แตกต่างกัน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้น และลักษณะการใช้งาน เช่น อุปกรณ์ motor ไฟฟ้าใช้กับไฟ 3 phase อุตสาหกรรมเราอาจแบ่งประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้พอสังเขปดังนี้ - ระบบไฟแสงสว่างในโรงงาน/ สำนักงาน - อุปกรณ์ระบบปรับอากาศในโรงงาน/ สำนักงาน - เตาอบ เตาหลอม heater เครื่องเชื่อมไฟฟ้า - ตู้แช่แข็ง ห้องเย็น - มอเตอร์ไฟฟ้า - หม้อแปลงไฟฟ้า - อุปกรณ์ electronic และ computer - ระบบควบคุม และป้องกัน - เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉิน ระบบไฟฟ้าของโรงงานจะต้องออกแบบให้เป็นต้นกำลังที่เหมาะสมและปลอดภัยเพียงพอกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะต้องใช้ในโรงงาน ซึ่งการวางระบบที่เหมาะสมจะสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ได้หลากหลายสนองความต้องการในกระบวนการผลิตของโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ 4. ที่ตั้งของโรงงานและแหล่งจ่ายไฟ โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ระบบไฟฟ้าของ กฟภ. และ กฟน. มีความมั่นคงสูง เช่น อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น ทางการไฟฟ้าได้มีการลงทุนให้ระดับความมั่นคงของระบบส่ง- จ่ายไฟฟ้าเป็น N-1 นั้นก็คือมีแหล่งจ่ายไฟสำรองให้สามารถรองรับกรณีฉุกเฉินได้ 1 วงจรจ่ายไฟ ในกรณีเช่นนี้ ทางโรงงานสามารถลดต้นทุนในการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำรองหรือ stand by source ลงได้ในระดับหนึ่ง โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ห่างไกลที่ระบบจำหน่ายของ กฟภ. ไปไม่ถึงหรือไปถึงแต่คุณภาพต่ำมี voltage drop มากจะ trip บ่อย ก็จะต้องประเมินระดับการลงทุนในระบบไฟฟ้าของโรงงานที่เหมาะสม หรือใช้พลังงานอื่นเป็นพลังงานป้อนกระบวนการผลิตแทน เช่น เตาเผา หม้อไอน้ำ จากเชื้อเพลิงถ่านหิน น้ำมัน เป็นต้น โรงงานขนาดใหญ่ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง อาจลงทุนผลิตไฟฟ้าใช้เอง หรือขอให้ไฟฟ้าจากระบบส่งแรงดันสูงแทนระบบจำหน่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการลงทุนเบื้องต้นจะสูงกว่าแต่ค่าพลังงานไฟฟ้าจะถูกลง ทั้งนี้การไฟฟ้าทั้งสามแห่งเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเลือกระดับแรงดันที่ต้องการได้ แต่การลงทุนเชื่อมต่อระบบของการไฟฟ้าเป็นภาระของผู้ใช้ไฟเอง ระดับแรงดันที่อนุญาตให้ใช้คือ 69 KV, 115 KV,230 KV ที่ตั้งของโรงงานแลแนวสายส่งที่จะต่อเชื่อมกับระบบส่งของการไฟฟ้าฯ ได้ มักจะเป็นปัจจัยหลักในการเลือกระดับแรงดัน นี่คือภาพโฆษณาที่ลงในหนังสือ The Catalogue (http://bybrandex.com/wp-content/uploads/2019/02/1372.jpg) บริษัท เทคนิคอล ซีสเต็ม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านงานออกแบบ ติดตั้งระบบไฟฟ้า วางระบบไฟฟ้าโรงงาน รับเหมาระบบไฟฟ้า ออกแบบระบบไฟฟ้าอาคาร ติดตั้งระบบไฟฟ้าโรงงาน ปรับปรุงระบบไฟฟ้า ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า แรงต่ำ-แรงสูง ติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้า ออกแบบระบบไฟฟ้า รับทำตู้สวิตซ์บอร์ด ระบบไฟฟ้าอาคารโรงงาน ติดตั้งระบบดับเพลิง รับซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้า งานระบบท่อ ปล่อง ท่อดับเพลิง ติดตั้งระบบปรับอากาศ สนใจติดต่อ 207/207 หมู่ 6 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20230 โทรศัพท์ : +663 804 2323, +669 8926 9424, +668 9627 9144 โทรสาร : +663 804 2324 อีเมล : tse.marketing@hotmail.com technicalsystem.brandexdirectory.com tsecthai.com tsec.co.th
|