หัวข้อ: รีวิวสาย audio cable 6 วิธีสำรวจคุณภาพสายสัญญาณเสียง ราคา คลิกเลย เริ่มหัวข้อโดย: SEO.No1 ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2019, 04:12:49 am 6 แนวทางสำรวจคุณภาพสายสัญญาณเสียง
สายสัญญาณเสียง คืออุปกรณ์สำหรับใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องเสียงกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆโดยสายนี้จะเป็นตัวนำเสียงจากวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มาแสดงออกในเครื่องเสียง ช่วยให้สามารถเล่นไฟล์เสียงด้วยเสียงที่ดังขึ้นได้ ปัจจุบันนี้ พวกเราสามารถหาซื้อสายสัญญาณเสียงได้ทั่วไปตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและก็เครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมีผลิตภัณฑ์หลายรุ่น หลายแบรนด์ให้เราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งแน่ๆว่าเมื่อสายสัญญาณเสียงบนตลาดมีอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ทำให้ท่านภาพของผลิตภัณฑ์มีความไม่เหมือนกันด้วย หากว่าพวกเราได้สายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีมาใช้ก็ดีแล้วไป แต่ถ้าเราเผลอไปซื้อสาย audio cable ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพมาใช้งานเข้า ก็ต้องเจอกับปัญหาระหว่างใช้งานหลายประการ ทั้งยังเสียงไม่ออก ประสิทธิภาพเสียงไม่ดี มีอายุการใช้งานสั้น ใช้ไปได้เล็กน้อยก็เสียแล้ว อีกทั้งสายสัญญาณเสียงนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจประเมินประสิทธิภาพด้วยราคาได้ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นสินค้าราคาไม่แพงหรือสินค้าราคาแพง ต่างก็มีทั้งคุณภาพดี คุณภาพไม่ดี แล้วก็ปัญหาในตนเองปะปนไป ดังนั้น เราก็เลยจำเป็นต้องมีวิธีการเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบประสิทธิภาพสายสัญญาณเสียง เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาใช้งานได้ถัดไป . (https://static.mustlovemac.store/catalog/product/cache/image/700x560/e9c3970ab036de70892d86c6d221abfe/b/e/belkin_rca_studio_audio_cable.jpg) . การสำรวจประสิทธิภาพ สายสัญญาณเสียง พวกเราสามารถทำเป็น 6 แนวทางดังต่อไปนี้ 1. ตรวจสอบความแข็ง-ความอ่อนของสาย ข้อนี้เป็นอย่างแรกที่เราสามารถตรวจตราด้วยตนเองได้ และก็ควรเช็คเป็นสิ่งแรก เนื่องมาจากสายสัญญาณเสียงในปัจจุบันมีการผลิตสายออกมาให้มีความแข็งและก็ความอ่อนไม่เท่ากัน โดยทั่วไป สายสัญญาณเสียงที่แพงถูกมักจะมีสายค่อนข้างจะแข็ง ขณะที่สายสัญญาณเสียงราคาสูงๆชอบมีสายอ่อน ข้อเสนอแนะคือ ไม่สมควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่แข็งเกินไป เนื่องจากว่าจะไม่สามารถที่จะพับสายได้ หากพับ ม้วนเก็บสายย่อมก่อเรื่อง ในขณะเดียวกันก็ไม่สมควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่อ่อนเกินความจำเป็น ด้วยเหตุว่ายิ่งอ่อนนิ่มมาก สายก็จะยิ่งบอบบาง เมื่อนำไปใช้งานบ่อยๆย่อมมีความเสี่ยงสูงที่สายจะขาด หรือหักพับได้อย่างง่ายดายสายสัญญาณเสียง ราคา[/b]ที่เยี่ยมที่สุด ควรจะเป็นสายที่อ่อนเพียงพอจะสามารถพับได้อย่างไม่มีการเสียหาย แต่ว่าในขณะเดียวกันก็มีความแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้อย่างไม่มีการฉีกขาด ถ้าหากพวกเราพบว่าสายสัญญาณเสียงใดมีลักษณะเช่นนี้ สามารถซื้อมาไว้ใช้งานได้เลย 2. ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำหัวสายว่าคืออะไร สายสัญญาณเสียงที่ผลิตออกมาจำหน่ายในขณะนี้นั้น มีการใช้โลหะอยู่ 2 จำพวกใหญ่ๆสำหรับเพื่อการทำหัวสาย อาทิเช่น ทองบรอนซ์ แล้วก็อลูมินัม ขอแนะนำว่าควรที่จะทำการเลือกใช้สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นทองเหลืองจะดีมากกว่า เพราะว่าเป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ดียิ่งไปกว่าอลูมิเนียม ไม่ค่อยมีปัญหาเสียงขาดเสียงหาย แม้ว่าจะทิ่มสายไม่แน่นก็ตาม ตอนที่อลูมินัม เป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ไม่ดีนัก ถ้าหากแทงไม่แน่นจะไม่สามารถนำสัญญาณเสียงได้ นอกนั้น ทองสัมฤทธิ์ยังเป็นโลหะที่มีความทนทานสูง แก่การใช้งานนาน ไม่ค่อยพบเจอกับปัญหาเรื่องการหัก หรือการโค้งงอผิดแบบ ในขณะสายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นอลูมิเนียมนั้นจำต้องใช้งานอย่างระแวดระวัง ถ้าเกิดไม่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู หัวสายจะหักหรือโค้งงอได้ง่ายในเวลาอันรวดเร็วทันใจ 3. ตรวจตราการยึดระหว่างหัวสายกับสายไฟว่าคืออะไร มีการเชื่อมต่ออย่างสนิทดีหรือไม่ โดยปกติสายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีจะยึดจุดเชื่อมต่อระหว่างสายไฟกับหัวเสียบได้อย่างสนิท ในเวลาที่สายสัญญาณเสียงคุณภาพไม่ดีมักยึดท่อนหัวสายกับสายไฟได้ไม่แน่น บางรุ่นทำเพียงแค่เอาสายสอดเข้าไปในหัวแบบไม่ได้ยึด สิ่งที่จะตามมาเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็คือ สายไฟหลุดออกมาจากอารมณ์เสียบ และก็ถ้าสายสัญญาณเสียงใดมีปัญหานี้ขึ้นมาย่อมไม่สามารถที่จะซ่อมได้ จำต้องทิ้งอย่างเดียว เพราะฉะนั้นสำหรับในการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง พวกเราก็เลยจำเป็นต้องวิเคราะห์จุดเชื่อมต่อระหว่างหัวเสียบกับสายไฟด้วย 4. ตรวจตราความยาวของโลหะหัวเสียบว่ามีความสั้นยาวแค่ไหน โดย สายสัญญาณเสียงที่ดี จะต้องมีความยาวระหว่างโลหะหัวเสียบอยู่ที่ 2-5 ซม. เพราะเป็นความยาวที่สมควรในการทิ่มกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆได้โดยไม่มีการคลอนหรือหลวม อีกทั้งยังทิ่มได้สนิท ไม่มีโลหะหัวเสียบโผล่พ้นขึ้นมา ถ้าเป็นสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวของโลหะหงุดหงิดบสั้นเกินไป จะไม่อาจจะทิ่มกับเครื่องใช้ไม้สอยได้ กำเนิดปัญหาเสียงไม่ออก หรือเสียงมาเป็นพักๆต้องรอประคองไว้ ส่วนหากโลหะที่ศีรษะทิ่มมีความยาวมากเกินไป เมื่อทิ่มกับเครื่องใช้ไม้สอยจะก่อให้มีโลหะบางส่วนโผล่ขึ้นมา ถ้าเผลอไปชนเข้าอาจส่งผลให้สายมีการหักได้ 5. ตรวจตราความยาวของสายไฟว่ามีมากน้อยเท่าใด ข้อนี้หากแม้จะมิได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้แรงงานโดยตรง แต่ว่าก็สำคัญ เนื่องจากว่าการซื้อสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวพอเพียงต่อการใช้แรงงาน จะช่วยทำให้สามารถต่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก ไม่เกิดปัญหาสายตึงรั้งเหลือเกินจนกระทั่งมีความเสี่ยงต่อการหัก หรือหย่อนยานเกินไปกระทั่งเกิดความรู้สึกขวาง ซึ่งความยาวที่สมควรของสายไฟขึ้นอยู่กับการใช้งานของพวกเราว่าเป็นยังไง หากเป็นสายสัญญาณเสียงสำหรับเสียบเครื่องใช้ไม้สอยเครื่องเสียงในรถยนต์ หรือลำโพงทั่วๆไป ควรมีความยาวอยู่ที่ 30-60 ซม. ส่วนถ้าเป็นสานสำหรับต่อลำโพงขนาดใหญ่ ต้องลากสายยาวๆก็จะต้องมีความยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป 6. ตรวจตราแบรนด์ของสาย ส่วนยี่ห้อนี้ก็ถือว่ามีความหมายไม่แพ้กันสำหรับในการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง โดยควรเลือกซื้อสายสัญญาณเสียงที่ทำขึ้นโดยแบรนด์อันเป็นที่รู้จัก หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์แปลกๆหรือสินค้าโนเนม เพราะชอบเป็นผลิตภัณฑ์ที่มิได้ประสิทธิภาพ มีโอกาสชำรุดทรุดโทรมเสียหายได้ง่าย แนวทางในการเลือกซื้อ สายสัญญาณเสียง ให้ได้ประสิทธิภาพนับว่าเป็นเรื่องที่เราจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องเสียงสามารถำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้การเล่นเสียงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง ขอขอบคุณ บทความสายสัญญาณเสียง : https://www.dotlife.store/cable/audio-cable.html, dotlife รีวิวสายสัญญาณเสียงจาก Pantip: www.pantip.com Tags : สายสัญญาณเสียง,สายสัญญาณเสียง ราคา,สาย audio cable
|