หัวข้อ: ปูทะเล เริ่มหัวข้อโดย: Petchchacha ที่ เมษายน 19, 2019, 06:16:26 pm (https://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/images/content/original-1533777594631.jpg)[/b]
ปูทะเล[/size][/b] ปูทะเลเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในชั้นครัสเตเชีย ที่พบในประเทศมีอย่างน้อย ๓ จำพวก ทุกจำพวกจัดอยู่ในวงศ์ Portunidae คือ ๑.ปูดำ หรือ ปูแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla serrata (forsskal) ชนิดนี้พบตามป่าชายเลนทั่วไป ๒.ปูขาว หรือ ปูทองหลาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla oceanic dana จำพวกนี้เจอตามพื้นทะเลทั่วไป ๓.ปูเขียว หรือ ปูทองโหลง หรือ ปูลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla transquebarica Fabricius ชนิดนี้พบตามพื้นทะเลทั่วไปทั้ง ๓ จำพวกมีลักษณะคล้ายกัน แต่แตกต่างกันด้านสีแล้วก็หนามที่ขอบกระดองรวมทั้งสภาพถิ่นอาศัย จนกระทั่งนักวิชาการบางสำนักจัดเป็นประเภทเดียวกันหมด เป็น Scylla serrata (Forsskal) ชีววิทยาของปูทะเล ปูทะเลอาจมีกระดองขนาดกว้างได้ถึง ๒๐ ซม. มีลำตัวที่แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนหัวที่เชื่อมรวมกับอกมีกระดองเป็นเปลือกปกคลุมอยู่ด้านบน กับส่วนท้องที่พับแนบติดกับลำตัวทางข้างล่าง ราษฎรเรียกส่วนนี้ว่า ตับปิ้ง ซึ่งในตัวผู้จะเป็นสามเหลี่ยมแคบ ส่วนในตัวเมียจะแผ่กว้างออกเป็นรูปโค้งกลม มีขา ๕ คู่ คู่แรกแปรไปเป็นก้ามใหญ่ ใช้จับเหยื่อและก็ปกป้อง และตัวผู้ใช้จับภรรยาเวลาผสมพันธุ์ ขาคู่ที่ ๒-๕ มักมียอดแหลม ใช้สำหรับคลานหรือเดิน ส่วนขาในที่สุดของปูทะเลจะแบนเป็นกรรเชียง ช่วยสำหรับการว่าย หายใจโดยเหงือกซึ่งมีลักษณะเหมือนฟองน้ำ ราษฎรเรียก นมปู มองเห็นได้เมื่อเปิดกระดองออก บางทีอาจสลัดก้ามทิ้งได้ โดยสร้างก้ามใหม่ขึ้นมาเมื่อลอกคราบคราวถัดมา เหมือนปกติภายหลังการลอกคราบเปื้อนเพียงแค่ ๒ รั้ง ก้ามปูอาจมีขนาดใหญ่เหมือนเดิมได้ การลอกรอยเปื้อนของปูเป็นขั้นตอนการช่วยเพิ่มขนาด ภายหลังจากปูกินอาหารรวมทั้งสะสมไว้พอเพียงแล้ว ก็จะสลัดเปลือกเดิมทั้งหมดทั้งปวงทิ้งไป แล้วสร้างเปลือกใหม่ขึ้นมาแทน ปูที่แก่น้อยนั้นลอกคราบบ่อยครั้ง แต่ว่าจะเบาๆห่างขึ้นเมื่อปูโตเต็มกำลังแล้ว ฤดูผสมพันธุ์ของอยู่ในตอนเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ในช่วงนี้มีไข่มาก ก่อนการผสมพันธุ์นั้น เพศผู้อุ้มตัวเมียไว้เพื่อรอจนกระทั่งตัวเมียลอกคราบ ภายหลังผสมพันธุ์แล้ว ตัวเมียจะปลดปล่อยไข่ออกมาไว้ตับปิ้ง ใช้รยางค์ของส่วนท้องโอบไข่เอาไว้ ไข่ในระยะแรกมีสีเหลืองอ่อนๆแต่จะปูทะเลกลายเป็นสีแก่ขึ้น จนถึงเป็นสีส้มและก็สีน้ำตาล เป็นลำดับ ต่อจากนั้นไข่จึงฟักเป็นตัวอ่อน ดำรงชีพเป็นพลิกก์ตอนลอยไปกับน้ำทะเล แล้วลอกคราบเปลี่ยนรูปร่างเป็นตัวอ่อนอีกระยะหนึ่ง จึงจะจมลงสู่พื้นทะเลเปลี่ยนรูปร่างเป็นปูขนาดเล็กถัดไป (https://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/images/editor/1024px-Crabe_madagascar.jpg)[/b] ผลดีทางยา แพทย์แผนไทยใช้ “ก้ามปูสมุทรเผา” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในการประกอบยาหลายขนาน เช่น ยาทาแก้แผลอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากไส้ด้วนไส้ลุกลาม นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก ซึ่งบึนทึกเอาไว้ใน พระคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา ดังนี้ ถ้าไม่หาย ให้ร้อนหนัก ท่านให้เอา ปูทะเลก้ามปูสมุทรเผา ๑ กาบหอยโข่งเผา ๑ รากลำโพงแดง ๑ รากขัดมอน ๑ ฝางเสน ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรด ๑ เปลือกจิกที่นา ๑ ผลจิกทุ่งนา ๑ เอาเสมอ บดด้วยน้ำลายตะไข้เป็นกระสาย หายแล ยาแก้อยากกินน้ำแก้ร้อนภายในอันทำให้หอบขนานหนึ่ง ซึ่งบันทึกไว้ในพระหนังสือธาตุวิภังค์ เข้าเครื่องยาที่เรียก “ก้ามปูสมุทรเผาไฟ” ด้วย ยาขนานนี้ตำราว่าใช้ “ทั้งยังรับประทานทั้งยังพ่น” ดังนี้ ขนานหนึ่งแก้ระหายน้ำให้ร้อนข้างในแลให้หอบ ท่านให้เอา สังข์หนามเผาไฟ ๑ รากบัวหลวง ๑ ฝุ่นจีน ๑ รังสุนัขร่าเผาไฟ ๑ ชาดก้อน ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกสาระภี ๑ ดอกบุนนาค ๑ เกสรบัวหลวง ๑ การบูร ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากคันทรง ๑ ก้ามปูทะเลเผาไฟ ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ปูทะเล๑ ยาทั้งนี้เอาส่วนเสมอกัน บดเปนแท่ง ละลายน้ำดอกไม้สด ทั้งยังรับประทานทั้งยังพ่น แก้ร้อนแก้ระหายน้ำ เสทตกก็หายแล Tags : ปูทะเล
|