หัวข้อ: ถ้ำพุหวาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานถ้ำเขาวงจ้ะ ถ้ำนี้เป็ เริ่มหัวข้อโดย: iAmtoto007 ที่ กรกฎาคม 08, 2019, 10:42:22 pm รวมทั้งค้างคาวที่อาศัยอยู่ในถ้ำก็มีทั้งปวงถึง 9 ประเภทร่วมกัน ซึ่งถือว่าแทบจะมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
ถ้ำพุหวาย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย สภาพโดยทั่วไปเป็นเทือกเขาหินปูนชันซับซ้อน ถ้ำพุหวาย เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ข้างในถ้ำกว้างขวาง มีหินงอกหินย้อย อย่างเช่น รูปเจดีย์ อ่างน้ำ ทางเข้าถ้ำอยู่บนไหล่เขาจำต้องเดินขึ้นไป อากาศถ่ายเทสะดวก มีโพรงทะลุถึงด้านตรงกันข้ามของภูเขา มีค้างคาวอาศัยอยู่ 9 ชนิด ถ้ำ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภูมิประเทศเขาหินปูน เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากน้ำฝนตกลงบนภูเขาจะละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ เมื่อซึมออกมาผ่านดินที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากพืชและก็การผุพังของซากพืชจำนวนมาก ดินจะเป็นละลายคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากที่สุด เมื่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมกับไอออนของน้ำจะแปลงเป็นกรดคาร์บอนิกประกอบกับหินปูนเป็นหินที่มีรอยแยกเชื่อมต่อกัน ไม่ยุ่งยากต่อการละลายจนเป็นโพรงรวมทั้งไม่ยุ่งยากต่อการที่น้ำจะซึมผ่านรอยแยกแตกนี้ การละลายหินปูนนี้ก็เลยนำไปสู่พื้นที่แบบ คาร์ส (เป็นแนวเขาหินปูนที่เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเด่นเฉพาะ โดยมีหน้าเขาหินงดงาม และมีทางน้ำบาดาลเฉพาะแบบ) ถ้ำเกิดขึ้นได้ในภูเขาหินหลากหลายประเภทยกตัวอย่างเช่น หินทราย หินควอตไซต์ หินตะกอน แต่ว่าในภูเขาหินที่พบถ้ำสูงที่สุด คือหินที่มีคาร์บอเนต เป็นต้นว่า หินปูน หินอ่อน หินพวกซัลเฟต รูปร่างของถ้ำมีต่างๆมากมายก่ายกองแต่จำนวนมากมักเป็นรูปแนวขนาน การเกิดถ้ำพอจะแบ่งเป็นขั้นตอนใหญ่ๆได้สองขั้น ดังนี้ 1. น้ำในภาวะกรดอ่อนจะซึมลงชั้นหินปูนผ่านรอยแตกเล็กๆจนกระทั่งระดับน้ำใต้ดินรวมทั้งละลายหินปูนออกไปเรื่อยจนกำเนิดเป็นช่องหรือทางทะเลใต้ดินขนาดใหญ่ขึ้น 2. ต่อมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนทำให้น้ำบาดาลลดระดับลง น้ำในทางน้ำจะน้อยลงตาม ทิ้งให้ทางทะเลใต้ดินเดิมกลายเป็นโพรงที่รกร้างซึ่งเรียกกันว่า ถ้ำนั่นเอง สิ่งที่น่าสนใจภายในถ้ำ (ประติมากรรมถ้ำ) เป็นต้นว่า หินงอก (Stalagmite) เป็นผลมาจากน้ำใต้ดินซึ่งกรดคาร์บอนิก ได้ละลายหินที่เป็นแคลไซต์ หรือแคลเซียมคาร์บอเนตมารวมกันเรียกว่า "แคลเซียมไบคาร์บอเนต" จากนั้นจะไหลไปตามเพดานถ้ำ แล้วหยดลงสู่พื้นถ้ำ และเมื่อน้ำระเหยไปก็จะยังเหลือผลึกแคลเซียมคาร์บอเนตจับกันก่อกำเนิดทับถมจนถึงมีลักษณะเป็นตะกอนหินปูน จับตัวกันเป็นแท่งขึ้นมาจากพื้นถ้ำรูปร่างกลมปลายมน หลอดหินงอกหรือท่อหินย้อย (Soda Straw) คือ สารหินปูนด้ามจับตัวเป็นหลอดหรือท่อห้อยลงมาจากเพดานถ้ำ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-4 นิ้ว มีฝาผนังบาง น้ำไหลไปตามรูกึ่งกลางเกิดเป็นวงแหวนของหินปูนที่ปลายของหลอดหรือท่อ แร่แคลไซต์ที่เกิดจะมีการเรียงตัวของผลึกในแนวยาวรวมทั้งย้อยลงมา ทำให้มีความยาวมากขึ้นทำให้ดูคล้ายหลอดกลวงที่มีน้ำหยดลงมา หินงอก (Stalactite) จะเกิดต่อเนื่องจากหินหลอดย้อย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อข้างในหลอดหรือท่อหินย้อยตัน น้ำก็จะหยดไหลลงมาตามเปลือกนอกแทนการไหลมาตามรูภายในท่อ และก็เมื่อน้ำระเหยแห้งไปแล้ว แร่ธาตุที่นอนก้นอยู่ก็จะฉาบหุ้มหลอดหรือท่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รูปร่างกลมและก็ปลายแหลม เสาหิน (Columnar Pillar) รูปแบบของหินที่เป็นแท่งหรือเสา ยาวจากพื้นจรดเพดานถ้ำ มีเหตุมาจากหินงอกยาวลงมาจรดพื้นหรือหินงอกยาวขึ้นไปถึงเพดานถ้ำ มุกถ้ำ (Cave Pearl) คือ ขี้ตะกอนที่มีลักษณะกลมหรือค่อนข้างจะกลม มีผิวภายนอกเรียบคล้ายไข่มุก มักกำเนิดบริเวณพื้นถ้ำที่เป็นแอ่งตื้นที่เกิดขึ้นจากน้ำหยด มีสาเหตุมาจากหินปูนไปหุ้มห่อทรายหรือตะกอนขนาดเล็กอื่นๆที่อยู่ในน้ำ และน้ำควรจะมีการเคลื่อนไหลกระเพื่อมอยู่เสมอเวลาก็เลยจะทำให้กำเนิดเม็ดหินกลมได้ เกลียวหินปูน (Helictite) คือขี้ตะกอนปูนที่มีลักษณะเหมือนหลอดที่บิดเกลียว เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของแนวทางการเจริญเติบโตของผลึกแร่แคลไซต์ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีสาเหตุจากลมที่พัดผ่าน หินปูนฉาบ (Flow Stone) เป็น ขี้ตะกอนที่เกิดขึ้นมาจากน้ำที่มีสารคาร์บอเนตไหลเป็นแผ่นบางๆบนพื้นผิวของพื้นถ้ำ เกิดเป็นแผ่นของหินปูนลักษณะเหมือนแผ่นที่มาฉาบหน้าอยู่ ม่านหินปูน (Drapery) หินที่มีลักษณะเหมือนม่าน มีต้นเหตุจากน้ำที่มีสารคาร์บอเนตสูงที่ไหลตามฝาผนังที่เอียง หยดน้ำครั้งละหยดที่ไหลผ่านไปตามแนวเดิม เมื่อน้ำเกิดสูญเสียก๊าสคาร์บอนไดออกไซต์ก็เลยกระตุ้นให้เกิดการตกตะกอนของแร่แคลไซต์มีลักษณะเป็นแผ่นบาง และก็มักจะโปร่งแสงแตกออกยาวขึ้นเรื่อยๆ ม่านเบคอน (Bacon Formation) หินที่มีลักษณะเหมือนผ้าม่าน แม้กระนั้นจะเห็นแถบสีอ่อน สีแก่เป็นชั้นๆเพราะว่าความแตกต่างขององค์ประกอบของแร่ธาตุในหยดน้ำ บางที่จะมีสีน้ำตาลปนแดงสลับกับสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ทำนบหินปูน (Rimstone pool) เป็น ขี้ตะกอนหินปูนที่ก่อตัวขึ้นแล้วมีลักษณะเหมือนเขื่อนหรือทำนบ หรือขั้นบันไดที่กั้นน้ำไว้ เกิดในบริเวณพื้นถ้ำหรือตามทางน้ำไหล เมื่อน้ำไหลจะทิ้งขี้ตะกอนหินปูนพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ในถ้ำพุหวาย มีค้างคาวอาศัยอยู่ 9 ชนิด 1. ค้างคาวชนิดใช้ฟันหน้ากินผลไม้ 2. ค้างคาวมงกุฎยอดสั้นเล็ก 3. ค้างคาวหน้ายักษ์เล็ก 4. ค้างคาวปีกถุงหนวดเคราดำ 5. ค้างคาวหน้ายักษ์ทศกรรณ 6. ค้างคาวปีกพับดำใหญ่ 7. ค้างคาวมงกุฎจมูกใหญ่ 8. ค้างคาวยักษ์สามหลืบ 9. ค้างคาวยอดปีกกล้วยไม้ ติดต่อผู้นำนางได้รอบๆปากถ้ำใช้เวลาเดินราว 1 ชั่วโมง ทางข้างหลังของถ้ำพุหวาย คือ ถ้ำเทวดาบุปผาหรือถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็กค่อนข้างจะลึกมีความสวยงามตามธรรมชาติของหินงอกหินย้อย ยอดดอยพุหวาย สูง 700 เมตรจากระดับน้ำทะเลสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่กว้างอย่างงดงาม บนสันเขามีสภาพเป็นป่าเต็งรังที่ออกจะสมบูรณ์ การเดินทาง จากถนนหลวงลำดับที่ 3011 แยกเข้าทางเดียวกับสวนห้วยป่าปกเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์รวมทั้งวัดถ้ำเขาวง แม้กระนั้นทางไปถ้ำจะอยู่เลยจากแยกเข้าวัดถ้ำเขาวงไปประมาณ 4 กิโลเมตร คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : montecitoskincareblog ขอบคุณบทความจาก : http://www.montecitoskincareblog.com/มาดูวิธีเล่น-บาคาร่า-กับ/ Tags : http://www.montecitoskincareblog.com
|