หัวข้อ: เที่ยวมองบรอฟนิก DUBROVNIK โครเอเชีย เริ่มหัวข้อโดย: Narongrit999 ที่ กรกฎาคม 14, 2019, 02:48:11 pm เมืองมองบรอฟนิค ประเทศโครเอเชีย (Dubrovnik, Croatia)
ดูบรอคอยฟนิค เป็นอีกเมืองเก่าที่น่าดึงดูด แล้วก็ยังได้รับการสรุปงย่องว่าเป็นเพชรนิลจินดาที่ทะเลเอเดรียติกด้วย ซึ่งหากคุณได้มามองเห็นบ้านที่พักที่ผลิตมาจากอิฐแล้วก็มีหลังคาสีส้มเป็นเอกลักษณ์ตั้งอยู่รอบๆเชิงเขา และก็แลเห็นวิวทะเลสูดลูกหูลูกตาละก็ นี่เป็นสิ่งที่ประกันได้ดีว่ามองบรอคอยฟนิคเป็นเพชรนิลจินดาที่ทะเลเอเดรียตำหนิกอย่างแท้จริง รุ่งเช้าวันใหม่ เรือ Regent Seven Seas Mariner มาหยุดที่ท่าเรือเมืองดูบคอยฟนิกแล้วจ้ะ พวกเราจะเที่ยวมองบรอฟนิก โครเอเชีย ซึ่งบอกได้ว่าเป็นเยี่ยมในเมืองเก่าที่งามที่สุดในยุโรป ได้รับฉายาว่า ไข่มุกที่ทะเลเอเดรียติเตียนก ตรงนี้คือพวกเราจะเดินชมทิวทัศน์ เดินเลียบทะเล มองเรือกับวิวสวยๆน้ำใสปิ๊งๆเห็นตัวปลา โดยส่วนที่น่าดึงดูด จะเป็นเมืองเก่า Old Town Dubrovnik ที่ถูกปิดล้อมด้วยกำแพงโบราณที่สูงตระหง่าน และก็มีความยาวถึง 2 กิโลเมตร อยู่ตรงบริเวณพื้นที่ริมหาดอาเดรียติเตียนก แนวหลังติดอยู่สีส้มตระหง่านไปทั่วทั้งเมืองเก่า เป็นเขตชุมชนเริ่มแรกที่บรรพบุรุษชาวดูบรอคอยฟนิกมาก่อสร้างบ้านเมืองไว้ในศตวรรษที่ 7 และก็สร้างกำแพงเมืองที่แข็งแรงล้อมเมืองไว้ภายในศตวรรษที่ 13 เป็นกำแพงที่สมบูรณ์และอดทนมากค่ะ บนกำแพงมีทั้งยังหอสังเกตการณ์และป้อมปราการเพื่อป้องกันภัยจากศัตรูอาทิเช่นชาวอาหรับแล้วก็ชาวเวนิซ ที่เป็นคู่ปรับกันมานานแสนนาน องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติได้ขึ้นบัญชีให้เมืองเก่าแห่งนี้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 แล้วก็ยังถูกใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องGame of thrones อีกด้วยนะคะ ยอดเยี่ยมเล้ยยย! ทางเข้าเมืองนั้นจำเป็นต้องเดินลอดประตู Pile Gate ที่มีรูปปั้นของนักบุญเซนต์เบลส นักบุญประจำเมือง ข้างในมีสิ่งก่อสร้างให้ท่องเที่ยวชมเยอะมากค่ะ ทั้งน้ำพุ Onofrio, โบสถ์ The Cathedral Treasury อันโบราณ, หอนาฬิกาโบราณ,พระราชวังเรคเตอร์ และก็ร้านขายของ ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆเต็มไปโม้ดดด งดงามและก็โรแมนว่ากล่าวคมากๆแต่ก็พบรอยลูกกระสุนและก็ร่องรอยความทรุดโทรมจากการสู้รบอยู่ทั่วๆไปในเมือง หากเช็คดู ตามประวัติศาสตร์แล้ว ตรงรอบๆท่าเรือ บรรยากาศงามมาก ชอบเมืองนี้มากมายๆจ้ะ ใครกันแน่มีโอกาสทดลองไปสัมผัสมองนะคะ โรแมนตำหนิคจริงๆแล้วก็เวลาบ่ายมีนั่งรถยนต์ไป Cavtat เพื่อชิมเหล้าองุ่น เป็นขนมปัง ชีส และก็แฮม ทานคู่กับเหล้าองุ่นท้องถิ่น ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น เมืองมองบรอฟนิค (Dubrovnik) เมืองชายฝั่งทะเลเอเดรียตำหนิก บรรยากาศขอบชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเมืองหลังคากระเบื้องสีแสดสลับตามแนวริมฝั่ง • เมืองมองบรอคอยฟนิค ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม "มุกที่ทะเลเอเดรียตำหนิก" ด้วยความลงตัวของสถาปัตยกรรมและผังเมืองที่เรียบร้อย เป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านการค้า จึงได้สร้างความใหญ่โตให้สะดุดตา ด้วยการตกแต่งวัง สร้างโบสถ์ วิหาร จัตุรัส น้ำพุ และบ้านช่องต่างๆและก็ได้รับการบูรณะและก็เปลี่ยนแปลงอย่างงดงามตามยุคสมัย • เมืองดูบคอยฟนิค ยังมีประวัติศาสตร์เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับ "เวนิซ" ในอิตาลี รวมทั้ง "สปลิต" เมืองเลียบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกเมืองของโครเอเชียในสมัยก่อน มองบคอยฟนิกมีความจำเป็นทางการค้าอย่างยิ่งในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เคยเป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลแล้วก็ควบคุมการค้าทางทะเลมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เพราะมีหน้าที่เป็นเมืองที่เชื่อมกิจการค้าระหว่างฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตกของสมุทรเอเดรียว่ากล่าวก เรียกว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของสาธารณรัฐก็ว่าได้ • ในช่วงศตวรรษที่ 14-17 ดูบรอคอยฟนิคก็เลยร่ำรวยมีเงินทองมากไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับเพื่อการตกแต่งประเทศชาติให้เกิดความสวยสดงดงาม รวมถึงราชสำนัก โบสถ์ วิหารภาพงามของเมืองขณะนี้ คนใดกันแน่จะทราบว่าในอดีตกาลมองบคอยฟนิกจำต้องผ่านเหตุที่ได้รับความย่ำแย่อย่างหนักจากแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 4 บางส่วนของเมืองจมหายไปในทะเล หลังผ่านเหตุจากภัยจากธรรมชาติก็ต้องมาเจอภัยจากน้ำมือมนุษย์เมื่อตกเป็นวัตถุประสงค์โจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟในปี 1990 บ้านช่องกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆได้รับความเสียหายโดยเฉพาะชีวิตของมนุษย์ที่สูญหายไปในกองเพลิงการศึกนับแสนคน เหลือไว้ก็แต่รายนามในพิพิธภัณฑสถาน • ในตัวเมืองมองบรอคอยฟนิค เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม ทั้งยังโกธิก เรอเนสซองส์ แล้วก็บาร็อค บรรยากาศสงบ เย็นสบายไม่ร้อนไม่หนาวเหลือเกิน เพราะว่ามีลักษณะอากาศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิระหว่างปีของเมืองนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 17 องศา ไม่หนาวไม่ร้อนในฤดูหนาวอากาศประมาณ 10 องศา อาจมีฝนตกแต่หิมะไม่มีบ่อยครั้งนัก ดูบรอฟนิกก็เลยเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของชาวยุโรปเยอะๆ แม้กระนั้นในช่วงเวลานี้ชาวเอเชียเริ่มที่จะท่องเที่ยวเยอะขึ้นเรื่อยๆ • เขตเมืองเก่า (Old Town) ของเมืองมองบลอฟนิค ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 ดูทิวภาพของตัวเมืองเก่ามีป้อมโบราณความยาว 190 เมตรล้อมรอบ นำท่านเดินลอดประตู Pile Gate ที่มีรูปปั้นของนักบุญ เซนต์เบลส นักบุญประจำเมืองเพื่อเข้าสู่จุดศูนย์กลางเมืองเก่า ชม น้ำพุ Onofrio ซึ่งเป็นตั้งเป็นเกียรติแก่ของสถาปนิกผู้สร้างน้ำพุแห่งนี้ นำท่านเข้าชม The Cathedral Treasury หนึ่งในโบสถ์ดั้งเดิมที่สะสมวัตถุโบราณของพ่อค้าพ่อค้าที่ได้ทำการค้าขายกับชาวเวนิชในสมัยก่อน นำท่านถ่ายภาพกับ หอนาฬิกาโบราณ (Bell Tower Clock) หลังจากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังเรคเตอร์ (Rector's Palace) วังที่ผลิตขึ้นโดยประสมประสานศิลปะทั้งยังแบบโกธิค, เรเนซองส์และก็บาโร๊ค ถึงเวลานำท่านแวะชมรวมทั้งถ่ายรูปกับ สปอนซา พาเลส (Sponza Palace) ผลิตขึ้นโดยศิลปะแบบโกธิค เรเนซองส์ ในยุคศตวรรษที่ 15 ตอนนี้ได้ใช้เป็นที่จัดเก็บเอกสารรวมทั้งที่ทำการส่วนราชการ นำท่านเดินผ่านถนนหนทางสตราดัน ถนนหลักยาวกว่า 398 เมตร ที่สองข้างถนนรายล้อมไปด้วยตึกสไตล์โรมัน โกธิค แล้วก็ร้านขายของ ค๊อฟฟี่ช็อป ร้านค้าไอติม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆมากมาย • กำแพงเมืองโบราณในเขตเมืองเก่า ตั้งสูงเด่นปิดล้อมชุมชนยาวกว่า1,940 เมตร เป็นกำแพงเมืองที่มีส่วนประกอบบริบูรณ์แล้วก็กล้าแกร่งมากมาย บนกำแพงมีทั้งหอสังเกตการณ์รวมทั้งป้อม ใช้คุ้มภัยจากศัตรู เป็นต้นว่า พวกเซิร์บ อาหรับฯลฯ ถึงแม้ปัจจุบันนี้ก็ยังใช้งานได้อยู่ กำแพงเมืองเก่าแห่งนี้ได้รับการขึ้นบัญชีจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติให้เป็นมรดกโลกด้วย • เรกเตอร์ พาเลซ อาคารประตูโค้งมีเสาแกะงามเรียงต่อกันเป็นแนว ที่นี่เคยเป็นตึกว่าการของสาธารณรัฐดูบคอยฟนิก ตัวตึกเป็นศิลปะผสมโกธิก เรอเนสซองส์ รวมทั้งบาร็อค ตัวตึกเคยถูกระเบิดพังทลายถึงสองครั้ง แต่ก็ได้สร้างรวมทั้งซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันนี้เรกเตอร์ พาเลซ เป็นพิพิธภัณฑสถานแสดงการสร้างเมืองตั้งแต่ทีแรก แล้วก็ใช้เป็นสถานที่นำเสนอการแสดงดนตรี • ประตูเมือง (Pile Gate) สร้างไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 น้ำพุโบราณทรงกลม (Onfrio Fountain) เป็นน้ำพุที่ใช้เป็นราวกับน้ำประปาในเมือง วิหารFranciscan Monastery สถาปัตยกรรมแบบโกธิค • สี่เหลี่ยมด้านเท่ากลางเมือง เป็นแหล่งทำกิจกรรมต่างๆของเมืองในสมัยก่อน มีเสาหินอัศวิน (Orlando Column) หอนาฬิกา (Bell Tower) ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1444 คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : http://firstatomtech.com/ เครดิต : http://firstatomtech.com/ Tags : http://firstatomtech.com/,firstatomtech.com
|