ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kittipong99010 ที่ กรกฎาคม 18, 2019, 02:18:03 am



หัวข้อ: p1 กล้องสำรวจถนนภาคสนาม ซื้อ-ขาย กล้องระดับ TOPCON, Pentax, CTS/Berger พร้อมส่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Kittipong99010 ที่ กรกฎาคม 18, 2019, 02:18:03 am
จำหน่ายกล้องอุปกรณ์กล้องไลน์สำรวจ คุณภาพเยี่ยม กล้องระดับ TOPCON ยี่ห้อ TOPCON, Pentax, CTS/Berger
การแบ่งแยกดิน หมายถึง การรวบรวมดินจำพวกต่างๆที่มีลักษณะ หรือ คุณสมบัติที่หมือนกันหรือคล้ายกันตามที่กำหนดไว้ ให้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระเบียบ เพื่อสบายสำหรับในการจดจำและก็ใช้ประโยชน์งาน
ระบบการจำแนกดินของประเทศรัสเซีย
ระบบนี้จะสนใจดินที่เกิดในลักษณะภูมิอากาศหนาวเย็น จนกระทั่งค่อนข้างร้อน สำหรับการจัดหมวดหมู่ระดับสูง ย้ำการใช้โซนอากาศและก็พืชพรรณเป็นหลัก มีทั้งสิ้น 12 ชั้น (class I- class XII) โดยชั้น I-VI เป็นดินในเขตสภาพอากาศตั้งแต่หนาวจัด จนกระทั่งออกจะหนาวในทะเลทราย ชั้น VII-IX เน้นสภาพอากาศค่อนข้างจะร้อน โดยใช้ลักษณะความชุ่มชื้น-ความแห้ง และภาวะพืชพรรณที่เป็นป่า หรือท้องทุ่ง เป็นต้นเหตุจำกัด สำหรับชั้น X-XII ย้ำดินในเขตร้อน จากระดับสูงจะมีการจำแนกออกเป็นชั้นย่อย ตามลักษณะการเกิดของดิน แล้วก็แบ่งเป็นประเภทดิน ในขั้นต่ำ ระบบการแบ่งแยกดินของคูเบียนา การแบ่งดินใช้ สมบัติทางเคมีของดิน และโซนของสภาพอากาศกับพรรณไม้ เป็นหลัก โดยเน้นสภาพแวดล้อมในเขตเมดิเตอร์เรเนียน และสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างจะแห้งแล้งมากกว่าเขตเปียกชื้นรวมทั้งฝนชุก
-ระบบการจำแนกดินของประเทศฝรั่งเศส
มีลักษณะเด่นคือ เป็นการแยกเป็นชนิดและประเภทดินที่ใช้ลักษณะทั้งปวงข้างในหน้าตัดดินเป็นกฏเกณฑ์ เน้นพัฒนาการของหน้าตัดดิน โดยไตร่ตรองจาการจัดเรียงตัวของชั้นกำเนิดดินข้างในหน้าตัดดินโดยเฉพาะ กับการที่มีปฏิกิริยาความเคลื่อนไหว หรือชั้นที่มีการสะสมของดินเหนียว การแบ่งแยกลำดับสูงสุด เน้นย้ำลักษณะที่เกี่ยวเนื่องกับการขังน้ำ ส่วนอย่างน้อย ใช้ความมากมายน้อยในการเปลี่ยนที่อนุภาคดินเหนียวในหน้าตัดดิน
-ระบบการจำแนกดินของประเทศเบลเยียม
เป็นการจัดหมวดหมู่ที่ออกจะละเอียด ซึ่งมีต้นเหตุจากการใช้ที่ดินทางการเกษตรที่เข้มข้น การจำแนกดินใช้รูปแบบของเนื้อดิน ชั้นการระบายน้ำ และความเจริญของหน้าตัดดิน เป็นลักษณะจำแนกประเภท สำหรับในการอธิบายเนื้อดิน แบ่งออกเป็น 7 ชั้น (ชั้นอนุภาคดิน) อุปกรณ์อินทรีย์และก็ขี้ตะกอนลมหอบ ส่วนชั้นการระบายน้ำของดิน ใช้การแปลความที่เกี่ยวกับความเปียกของดิน ดังเช่น จุดประ และสีเทาในเนื้อดิน กับระดับความลึกของดินที่พบลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้น สำหรับวิวัฒนาการของหน้าตัดดินแบ่งได้เป็นหลายชั้นโดยใคร่ครวญจากลำดับของชั้นต่างๆในหน้าตัดดินและก็ชั้น (B) นับได้ว่าเป็นชั้น B ที่เพิ่งจะมีความเจริญหรือเป็นชั้นแคมบิก B คล้ายกันกับในระบบของฝรั่งเศส
-ระบบการจำแนกดินของอังกฤษ
เน้นลักษณะดินที่พบในประเทศอังกฤษรวมทั้งเวลส์ มี 10 กลุ่ม อธิบายออกจากกันโดยใช้ลักษณะของหน้าตัดดินเป็นหลักเกณฑ์ซึ่งเน้นย้ำจำพวกและการจัดเรียงตัวของชั้นดิน ประกอบด้วย Terrestrial raw soils, Hydric raw soils, Lithomorphic (A/C) soils, Pelosols, Brown soils, Podzolic soils, Surface water gley soils, Groundwater gley soils, Man-made soils และก็ Peat soils
-ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศแคนาดา
ระบบการจำแนกเป็นแบบมีหลายขั้นอนุกรมวิธานและมีลำดับสูงต่ำเด่นชัด มี 5 ขั้นร่วมกันคือ ชั้น (order) กรุ๊ปดินใหญ่ (great group) กรุ๊ปดินย่อย (subgroup) วงศ์ดิน (family) แล้วก็ชุดดิน (series) ชั้นอันดับกฎของดินในระบบการแบ่งดินของแคนาดาแจงแจงออกจากกันโดยใช้ลักษณะที่สังเกตได้ รวมทั้งที่วัดได้ แต่หนักไปในทางทางทฤษฎีการกำเนิดดินในการแบ่งประเภทขั้นสูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 ชั้น แล้วก็แบ่งได้เป็น 28 กลุ่มดิน
-ระบบการแบ่งดินของออสเตรเลีย
การพัฒนาด้านการแบ่งแยกดินในออสเตรเลียมีมานานแล้วเช่นกัน โดยในตอนแรกเป็นการจำแนกแยกแยะดินที่ใช้ธรณีวิทยาของอุปกรณ์ดินเริ่มแรกเป็นหลัก แต่ว่าต่อมาได้มีการพัฒนามาเรื่อยจนกระทั่งเน้นเค้าโครงวิทยาของหน้าตัดดินโดยแบ่งได้ 47 หน่วยดินหลัก (great soil groups) เหตุเพราะการที่ประเทศออสเตรเลียมีสภาพภูมิอากาศอยู่หลายแบบร่วมกัน ทำให้มีสิ่งแวดล้อมทางดินหลายแบบด้วยกันตามไปด้วย มีทั้งในภาวะที่หนาวเย็นไปจนถึงเขตร้อนชื้น และเขตที่เป็นทะเลทราย ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าระบบการจำแนกนี้ครอบคลุมจำพวกของดินต่างๆมากมาย แม้กระนั้นเน้นดินที่มีการสะสมคาร์บอเนต ย้ำสีของดิน และก็เนื้อของดินออกจะมากมาย ระบบการแบ่งดินของออสเตรเลียนี้มีอยู่มากกว่า 1 แบบ ด้วยเหตุว่ามีการเสนอระบบต่างๆที่มีแนวความคิดพื้นฐานไม่เหมือนกันออกไป ดังเช่นระบบของฟิทซ์แพทริก (FitzPatrick, 1971, 1971, 1980) ที่เน้นย้ำจากระดับที่ค่อนข้างต่ำขึ้นไปหาระดับสูง และระบบที่เจออยู่ในคู่มือของดินออสเตรเลีย (A Handbook of Australia Soils) เป็นต้น
-ระบบการแบ่งดินของประเทศนิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์ใช้ระบบอนุกรมข้อบังคับดินของสหรัฐอเมริกาเป็นหลักสำหรับในการจัดหมวดหมู่ดิน และก็ดินของประเทศนิวซีแลนด์รอบๆกว้างเป็นดินที่เกิดมาจากขี้ตะกอนภูเขาไฟ
-ระบบการแบ่งดินของประเทศบราซิล
ดินในประเทศบราซิลเป็นดินที่มีลักณะเด่นเป็นดินเขตร้อน ระบบการจำแนกดินของบราซิลไม่ใช้ภาวะความชื้นดินสำหรับการแบ่งประเภทและชนิดขั้นสูง แล้วก็ใช้สี ปริมาณขององค์ประกอบกับชนิดของหินแหล่งกำเนิด เป็นลักษณะที่ใช้สำหรับในการจัดชนิดและประเภทมากยิ่งกว่าที่ใช้ในอนุกรมกฎดินกษณะที่ใช้สำหรับในการจำแนกแยกแยะมากกว่าที่ใช้ในอันดับกฎดิน
ตามระบบการแบ่งแยกดินประจำชาตินี้ สามารถแบ่งดินในประเทศไทยออกเป็น
ชุดดินรังสิต
Alluvial soils
เป็นดินที่เกิดขึ้นใหม่ มีอายุน้อย มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดินต่ำ หน้าตัดดินเป็นแบบ A-C, A-Cg, Ag-Cg หรือ A-(B)-Cg มีต้นเหตุที่เกิดจากการทับถมโดยน้ำตามที่ราบลุ่ม อาทิเช่นที่ราบลุ่มริมน้ำ ทะเลสาบ ปากแม่น้ำ ริมฝั่ง รวมทั้งเนินตะกอนน้ำพารูปพัด (alluvial fan) ภาวะของการพูดซ้ำเติมบางทีอาจเป็นรอบๆของน้ำจืด น้ำทะเล หรือน้ำกร่อยก็ได้ ส่วนมากจะมีเนื้อดินละเอียด รวมทั้งการระบายน้ำต่ำช้า พบได้บ่อยลักษณะที่แสดงการขังน้ำ ยกเว้นบริเวณสันดินชายน้ำ แล้วก็ที่เนินขี้ตะกอนน้ำพารูปพัด ที่เนื้อดินจะหยาบกว่า และก็ดินมีการระบายน้ำดี องค์ประกอบแล้วก็ธาตุที่มีอยู่ในดิน alluvial มักแตกต่างกันมากมาย แล้วก็มักจะผสมคละจากบริเวณแหล่งกำเนิดที่มาจากหลายที่ ชุดดินที่สำคัญของกรุ๊ปดินหลักนี้คือ
- พวกที่เกิดจากตะกอนน้ำจืด อย่างเช่น ชุดดินท่าม่วง สรรพยา จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดราชบุรี อยุธยา
- พวกที่เกิดขึ้นจากตะกอนน้ำกร่อย ดังเช่น ชุดดินผู้อารักขา รังสิต
- พวกที่เกิดขึ้นจากขี้ตะกอนพื้นทวีปมหาสมุทร อย่างเช่น ชุดดินท่าจีน กรุงเทพมหานคร
-
Hydromorphic Alluvial soils
หมายความว่าดิน Alluvial soils ที่มีการระบายน้ำออกจะชั่วช้าสารเลว-ชั่วมาก ในกรณีที่มีการแบ่งแยกดินออกเป็น Alluvial soils และก็ Hydromorphic Alluvial soils ดินที่อยู่ในกรุ๊ปดินหลัก Alluvial soils จะเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี และก็อยู่ในบริเวณที่สูงกว่าในภูมิทัศน์ที่ต่อเนื่องกัน ดินในทั้งคู่กรุ๊ปดินหลักนี้ชอบได้รับอิทธิพลอุทกภัยในช่วงฤดูน้ำหลากเสมอ
 -ชุดดินหัวหิน
Regosols
มีความเจริญของหน้าตัดดินต่ำ กำเนิดแจ่มแจ้งเฉพาะดินบน (A) และก็มีหน้าตัดดินแบบ A-C หรือ A-Cg เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่เป็นทรายจัดอาจเป็นทรายรอบๆชายฝั่งทะเล หรือบริเวณเนินทราย หรือทรายจากแม่น้ำ ดินมีการระบายน้ำดี จนถึงระบายน้ำดีจนเกินไป พบทั่วไปเป็นแนวยาวตามชายฝั่งทะเล และตามกระพักลำธารของแม่น้ำที่มีตะกอนเป็นทรายจัด มีปฏิกิริยาค่อนข้างจะเป็นกรด ชุดดินที่สำคัญอย่างเช่น ชุดดินหัวหิน พัทยา จังหวัดระยอง และน้ำพอง
-Lithosols
เป็นดินตื้นมาก ส่วนมากลึกไม่เกิน 30 เซนติเมตร พบได้มากตามบริเวณที่ลาดเชิงเขาซึ่งมีกษัยการสูง การจัดเรียงตัวของชั้นดินเป็นแบบ A-C-R, AC-C-R หรือ A-R เนื้อดินมีเศษหินที่ยังไม่ผุพังย่อยสลายหรือกำลังย่อยสลายปนอยู่เป็นส่วนใหญ่ ดินนี้ไม่เหมาะสมแก่การกสิกรรม หรือการสร้างพืชโดยทั่วไป
-ชุดดินลพบุรี
Grumusols
เป็นดินสีคล้ำ มีต้นเหตุมาจากวัตถุต้นกำเนิดที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง เป็นต้นว่า หินปูน มาร์ล หรือบะซอลต์ ความเจริญของหน้าตัดดินต่ำ เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีองค์ประกอบเป็นแร่ดินเหนียวจำพวก 2:1 ซึ่งมีความรู้สำหรับเพื่อการยืด-หดตัวได้มาก ดินจะขยายตัวเมื่อแฉะ (swelling) และก็หดตัวเมื่อแห้ง (shrinkage) ทำให้มีลักษณะของรอยูลื่นไถล (slickensides) เกิดขึ้นในดิน ลักษณะหน้าตัดประกอบด้วยชั้น A-C หรือ A-AC-C โดยชั้น A จะหนา มีส่วนประกอบดินแบบก้อนกลม (granular structure) หรือก้อนกลมพรุน (crumb structure) พบได้บ่อยในบริเวณที่ราบลุ่มหรือตะพักสายธาร ลักษณะผิวหน้าดินเป็นหลักที่ตะปุ่มตะป่ำ (gilgai relief) เมื่อแห้งผิวดินจะแตกระแหงเป็นร่องลึก ปฏิกิริยาดินเป็นด่าง ลักษณะโดยรวมเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แม้กระนั้นมีสมบัติทางด้านกายภาพที่เป็นปัญหาในการไถพรวน ดินนี้ในรอบๆที่ต่ำจะมีการระบายน้ำเลวทราม ส่วนใหญ่ใช้ปลูกข้าว แต่ถ้าหากอยู่ในที่สูง ดังเช่นว่าในรอบๆใกล้เชิงเขาหินปูนมักจะมีการระบายน้ำดี ใช้ปลูกพืชไร่ เป็นต้นว่า ข้าวโพดชุดดินที่สำคัญ เป็นต้นว่า ชุดดิน จังหวัดลพบุรี บ้านหมี่ โคกกระเทียม บุรีรัมย์ กรุ๊ปดินหลัก Grumusols นี้ ไม่มีในระบบ USDA 1938 เริ่มใช้สำหรับการเพิ่มเติมอีกระบบ USDA เมื่อ 1949
 -ชุดดินตาคลี
Rendzinas
เป็นดินตื้นกำเนิดตามเชิงเขาหินปูน วัตถุต้นกำเนิดเป็นพวกปูน (CaCO3) หรือมาร์ล เกิดเกี่ยวโยงกับดิน Grumusols แม้กระนั้นอยู่ในบริเวณที่สูงกว่า พบบ่อยบริเวณที่ลาดใกล้เขา หรือ กระพักแถบที่ลุ่มใกล้เขาหินปูน เป็นดินที่มีความก้าวหน้าของหน้าตัดต่ำ ลักษณะดินจะมีเพียงชั้น A แล้วก็ C หรือ A-(B)-C ดินบนสีคล้ำ มีส่วนประกอบดี ร่วน และก็ออกจะดก มีการระบายน้ำดี ส่วนดินด้านล่างเป็นดินเหนียวผสมปูนหรือปูนมาร์ล ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นตามความลึก แล้วก็ชอบเจอชั้นที่เป็นปูน หรือ ปูนมาร์ลล้วนๆอยู่ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ดินเหล่านี้จะมีปฏิกิริยาเป็นด่าง (pH ราว 7.0-8.0) โดยมากใช้เพื่อการปลูกพืชไร่ อาทิเช่นข้าวโพด หรือปลูกไม้ผล อย่างเช่น น้อยหน่า ทับทิม ฯลฯ ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินตาคลี
 -ชุดดินชัยบาดาล
Brown Forest soils
พบตามบริเวณเทือกเขาเป็นส่วนใหญ่ เกิดขึ้นจากวัตถุต้นกำเนิดที่เป็นวัตถุหลงเหลือ แล้วก็เศษหินตีนเขา ทั้งยังในสภาพที่หินพื้นเป็นพวกที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด และก็ด่าง ดังเช่น แกรนิต ไนส์ แอนดีไซต์ มาร์ล อาจพบปะผสมกับดินในกลุ่มดินหลัก Rendzinas เป็นดินตื้น ความก้าวหน้าของหน้าตัดดินไม่มากเท่าไรนัก มีลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A-B-C หรือ A-B-R แม้กระนั้นชั้น B ชอบไม่ค่อยชัดเจน ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามภูเขาหินปูนเป็นส่วนมาก สำหรับ Brown Forest soils ที่เป็นกรด เจอเพียงนิดหน่อยชุดดินที่สำคัญ ได้แก่ ชัยบาดาล ลำทุ่งนารายณ์ สมอทอด
 -Humic Gley soils
พบจำนวนน้อยในประเทศไทย มักกำเนิดผสมอยู่กับดินอื่นๆในลักษณะเกลื่อนกลาดเป็นหย่อมๆในรอบๆที่ราบลุ่ม พบบ่อยอยู่ชิดกับดินในกลุ่ม Grumusols, Rendzinas หรือ Red Brown Earths เป็นดินในที่ต่ำ มีการระบายน้ำเลวทราม ความก้าวหน้าของหน้าตัดไม่ดีนัก ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ Ag (Apg)-Cg หรือ A-Bg-Cg ลักษณะที่สำคัญเป็น ดินบนครึ้ม มีอินทรียวัตถุสูง ดินล่างมักเป็นดินเหนียวสีเทาหรือสีเทาเข้ม มีลักษณะที่แสดงถึงสภาพที่มีการขังน้ำเด่นชัด มีจุดประ ปฏิกิริยาดินเป็นด่างเล็กน้อยชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินแม่ขานรับ
 -ชุดดินร้อยเอ็ด
Low Humic Gley soils
เป็นดินที่เกิดจากตะกอนน้ำพา พบในรอบๆที่ต่ำที่มีการระบายน้ำต่ำทราม จำนวนมากอยู่ในบริเวณตะพักเขตที่ลุ่มต่ำที่สูงกว่าที่ราบลุ่มใหม่ใกล้น้ำ ระดับน้ำใต้ดินตื้นรวมทั้งแช่ขังเป็นครั้งเป็นคราว แม้กระนั้นมีความก้าวหน้าของหน้าตัดค่อนข้างจะดี ลักษณะสำคัญของดินในกลุ่มนี้เป็น หน้าตัดดินมีลักษณะที่แสดงออกถึงการขังน้ำ มีจุดประแจ่มกระจ่าง หน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt, Ap-A2-Bt, A1-A2-Btg, A1g-A2g-Btg, หรือ Apg-Btg พวกที่มีอายุน้อยจะอุดมสมบูรณ์มากยิ่งกว่าพวกที่เกิดเป็นเวลายาวนานกว่า บางรอบๆจะเจอศิลาแลงอ่อน (plinthite) ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ส่วนมากเป็นดินที่มีความอิ่มตัวเบสต่ำ pH ประมาณ 4.5-5.5 สำหรับพวกที่เกิดอยู่ในบริเวณกระพักเขตที่ลุ่มค่อนข้างใหม่ มักจะมีความอิ่มตัวเบสสูง ชุดดินที่สำคัญหมายถึงเพ็ญ สระบุรี มโนรมย์ เพชรบุรี เชียงราย หล่มเก่า ส่วนพวกที่เกิดบนตะพักที่ลุ่มออกจะเก่า ได้แก่ชุดดิน ร้อยเอ็ด จังหวัดลำปาง ฯลฯ
 
-ชุดดินท่าอุเทน
Ground Water Podzols
เป็นดินที่มีการระบายน้ำชั่วถึงออกจะเลวเจอเฉพาะในรอบๆที่มีฝนตกชุก เช่น ในภาคใต้ บริเวณริมฝั่งทิศตะวันออก หรือบางจังหวัดของภาคอีสาน อาทิเช่น จังหวัดนครพนม มีต้นเหตุที่เกิดจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นทราย ในรอบๆที่เป็นทรายจัด อาทิเช่น ริมน้ำเก่าหรือขี้ตะกอนทรายเก่า ในรอบๆที่ออกจะต่ำ มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดี ลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-(A2)-Bh-Cg หรือ A1-A2-Bir-Cg ชั้นดินบนสีคล้ำ และก็มีอินทรียวัตถุสูง ชั้น A2 (albic horizon) หรือชั้นชะล้างมีสีซีดจางเห็นได้ชัดเจน ชั้น Bh มีสีน้ำตาลเข้มและมีการอัดตัวออกจะแน่น แข็ง เนื่องจากมีการสะสมสารอินทรีย์ที่เสื่อมสภาพแล้วกับอะลูมินัมออกไซด์แล้วก็/หรือเหล็กออกไซด์ มีปฏิกิริยาเป็นกรด pH ต่ำ ราว 4.0-5.0 ตลอดทั้งหน้าตัดชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินบ้านทอน ท่าอุเทน
 -ชุดดินหนองมึง
Solodized-Solonetz
เจอในรอบๆที่ออกจะแห้ง แล้วก็วัตถุแหล่งกำเนิดมีเกลือผสมอยู่ เป็นต้นว่าบริเวณชายฝั่งทะเลเก่า หรือบริเวณที่ได้รับผลพวงจากเกลือที่มาจากใต้ดิน อาทิเช่นในภาคอีสาน ของเมืองไทย เป็นต้น มีลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt ดินมีการระบายน้ำชั่วโคตร ชั้น Bt จะแข็งแน่นและก็มีองค์ประกอบแบบแท่งหัวมน (columnar structure) หรือแบบแท่งหัวตัด (prismatic) ดินบนเป็นดินร่วนคละเคล้าทราย มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างโดยประมาณ 5-5.5 ส่วนดินล่างมี pH สูง 7.0-8.0 เป็นต้นว่าชุดดินกุลาร้องไห้ ชุดดินหนองเอ็ง ฯลฯ
 -ชุดดินอุดร
Solonchak
เป็นดินที่มีการระบายน้ำชั่วช้าถึงออกจะหยาบช้า มีเกลือสะสมอยู่ในชั้นดินมาก หน้าตัดดินเป็นแบบ Apg-Cg หรือ Apg-Bg-Cg ในดินพวกนี้จะมีชั้นดินที่เป็นดินเหนียวอยู่เป็นชั้นบางๆสลับกับชั้นทราย เกิดขึ้นให้เห็นกระจ่างเจน ในช่วงฤดูแล้งจะมองเห็นคราบเปื้อนเกลือสีขาวๆที่ผิวหน้าดิน ความเป็นกรดเป็นด่างมากยิ่งกว่า 7.0 ตัวอย่างเช่น ชุดดินทิศเหนือ
 -Non Calcic Brown soils
เจอไม่เท่าไรนักในประเทศไทย พบในบริเวณตะพักลำธารค่อนข้างใหม่ ความก้าวหน้าของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดดินแบบ A1(Ap)-A2-Bt ดินบนสีน้ำตาลเทา ดินข้างล่างมีสีน้ำตาล น้ำตาลผสมเหลือง หรือน้ำตาลคละเคล้าแดง มีสาเหตุจากตะกอนน้ำออกจะใหม่ มีเนื้อดินตั้งแต่ค่อนข้างจะหยาบไปจนถึงละเอียด แล้วก็มีปฏิกิริยาเป็นกรดน้อย ในหน้าตัดดินจะพบแร่ไมกาอยู่ทั่วไป มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ออกจะสูง เหมาะสมที่จะปลูกพืชไร่รวมทั้งไม้ผล ชุดดินที่สำคัญเป็นต้นว่า ชุดดิน กำแพงแสน ธาตุพนม
 -ชุดดินโคราช
Gray Podzolic soils
กำเนิดในบริเวณกระพักลำธารเป็นดินที่แก่ค่อนข้างมาก มีความเจริญของหน้าตัดดี พบในบริเวณลำธารระดับที่ค่อนข้างต่ำ-ระดับกึ่งกลาง วัตถุต้นกำเนิดเป็นขี้ตะกอนน้ำที่ทับถมมานานแล้ว ซึ่งจะเป็นกรดและก็มีแร่ที่ย่อยสลายง่ายคงเหลืออยู่ในปริมาณน้อย ในภาวะพื้นที่แบบคลื่น ซึ่งทำให้การไหลผ่านหน้าดินเป็นไปอย่างช้าๆและสภาพอากาศที่มีระยะแฉะ-แห้งสลับกันเป็นเหตุที่สำคัญต่อการเกิดดินประเภทนี้ ลักษณะดินทำให้เห็นว่าดินมีการชะละลายสูง สีจะออกขาวหรือเทาจัดเมื่อแห้ง และมีลักษณะการโยกย้ายบนผิวหน้าดินค่อนข้างกระจ่างแจ้ง เนื้อดินละเอียดและก็อินทรียวัตถุถูกชะล้างไปเมื่อหน้าดินถูกฝน หลงเหลืออยู่แม้กระนั้นจุดที่เกาะตัวกันแน่นอยู่เป็นจุดๆอาจพบพลินไทต์ในชั้นดินล่าง เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ-ต่ำมาก รูปแบบของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt กลุ่มดินนี้เจอเป็นบริเวณกว้างขวางในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งบางพื้นที่ในภาคเหนือ ชุดดินที่สำคัญ ดังเช่นว่า ชุดดินโคราช สันป่าตอง ห้วยโป่ง ฯลฯ
 -ชุดดินท่ายาง
Red Yellow Podzolic soils
เป็นดินเก่าที่มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดินดี กำเนิดในสภาพที่คล้ายคลึงกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Reddish Brown Lateritic Soils ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt-C หรือ R พบทั่วไปในรอบๆภูเขารวมทั้งที่ลาดตีนเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเก่า วัตถุแหล่งกำเนิดดินมาจากหินหลายหมวด จำนวนมากเป็นหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรดถึงเป็นกลาง ดินมีการระบายน้ำดี ลักษณะเนื้อดินเปลี่ยนแปลงได้มากตั้งแต่ค่อนข้างจะหยาบคายจนกระทั่งออกจะละเอียด สีจะออกแดง เหลืองปนแดงแล้วก็เหลือง มีชั้น E ที่ออกจะชัดแจ้ง มีสีจางหรือเทากว่าชั้นอื่น แล้วก็อาจมีเศษหินที่สลายตัว หรือ พลินไทต์ปะปนอยู่ด้วยในดินล่าง ตัวอย่างตัวอย่างเช่น ชุดดินท่ายาง โพนวิสัย ชุมพร หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้น จัดว่าเป็นกลุ่มดินที่พบมากกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย
 -ชุดดินอ่าวลึก
Reddish Brown Lateritic soils
เป็นดินเก่า มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดี เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากวัตถุต้นกำเนิดที่เป็นวัตถุหลงเหลือของหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกลางแล้วก็ที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี ดินข้างบนมีสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลปนแดง มีเนื้อดินตั้งแต่ดินร่วน (loam) ถึง ดินร่วนซุยเหนียว (clay loam) ส่วนชั้นดินข้างล่างมีเนื้อดินเป็นดินร่วนซุยเหนียว ถึงดินเหนียว (clay) ที่มีสีแดง รูปแบบของดินแสดงการชะล้างสูง และก็อาจเจอชั้นหินแลงในด้านล่างของหน้าตัดดิน ลักษณะดินจะคล้ายกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Red Brown Earths ที่ไม่เหมือนกันเป็นจะมีเป็นกรดมากยิ่งกว่า pH ประมาณ 5-6 ชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินลี้ บ้านจ้อง อ่าวลึก ตราด เป็นต้น
-ชุดดินปากช่อง
Red Brown Earth
เป็นดินที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับหินปูน หรือหินที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง และก็จะมีความเกี่ยวพันกับหินดินดานด้วย ดินมีสีแดง มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดี เป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีการระบายน้ำดี เกิดในรอบๆที่ราบซึ่งมีต้นเหตุมาจากกษัยการ หรืออาจจะมีการเกิดตามไหล่เขาได้ ดินเหล่านี้มีลักษณะสีดิน แล้วก็การจัดตัวของชั้นดินใกล้เคียงกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Reddish Brown Lateritic มากมายแตกต่างกันที่ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน โดยที่ Red Brown Earth มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงกว่า (pH โดยประมาณ 6.5-8.0) ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินปากช่อง เป็นกลุ่มดินที่มีการปลูกพืชไร่และทำสวนผลไม้กันมากมาย
-ชุดดินจังหวัดยโสธร
Red Yellow Latosols
เป็นดินที่มีการระบายน้ำดีจนกระทั่งดีเกินความจำเป็น มีอายุมาก หน้าตัดดินลึก มีลักษณะที่แปลว่ามีการชะละลายสูง ความก้าวหน้าของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-B (Box) หรือ A1-A3-B (Box) เจอเป็นหย่อมๆในรอบๆลานกระพักลำธารระดับสูง มีเหตุมาจากขี้ตะกอนน้ำพาเก่ามาก มีทรัพย์สินทางกายภาพดี แต่ทรัพย์สินทางเคมีไม่ค่อยดี มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีสีแดงหรือเหลืองตลอดหน้าตัดดิน ดินบนเนื้อดินหยาบ ดินด้านล่างมีพวกเซสควิออกไซด์สูง บางพื้นที่เจอหินแลงในตอนล่างของหน้าตัดดิน และไม่พบการเคลือบผิวของดินเหนียวในชั้น B ชุดดินที่สำคัญ อาทิเช่น ศรีราชา ยโสธร
-Reddish Brown Latosols
กำเนิดในรอบๆที่เกี่ยวพันกับภูเขาไฟ วัตถุต้นกำเนิดเป็นตะกอนตกค้าง หรือตะกอนดาดเชิงเขา ของหินที่เป็นด่างเช่น บะซอลท์ แอนดีไซต์ เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี แล้วก็ความก้าวหน้าของหน้าตัดดี มีหน้าตัดดินแบบ A-Box (ox = ออกไซด์ของเหล็ก) เนื้อดินเป็นดินเหนียวสีแดง สีแดงผสมน้ำตาล มีความร่วนซุยดี เป็นดินลึกมากมาย ชอบเหมาะกับการใช้ทำสวนผลไม้ ดังเช่น ชุดดินท่าใหม่
-Organic soils
Organic soils หรือเรียกว่า Peat and Muck soils เป็นดินที่มีลักษณะแตกต่างไปจากกลุ่มดินอื่นๆด้วยเหตุว่าเป็นดินที่มีอินทรีย์คาร์บอนอยู่ในองค์ประกอบมากกว่าปริมาณร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก หรือประกอบไปด้วยอินทรียวัตถุล้วนๆพบในรอบๆแอ่งต่ำมีน้ำขังอยู่เกือบทั้งปีรวมทั้งมีการสะสมของสิ่งของดินอินทรีย์สูง สำหรับในประเทศไทยมักพบทางภาคใต้ ในจังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่พรุ คุณลักษณะเด่นคือสีจะคล้ำ มีอินทรีย์วัตถุสูง เป็นกรดจัด มีการพัฒนาหน้าตัดดินน้อย ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-C เมื่อระบายน้ำออก จะหดตัวได้มาก ดังเช่น ชุดดินนราธิวาส พบได้มากในภาคใต้ของประเทศไทย
(http://www.p1instrument.com/UploadImage/86b68602-3fe7-430f-9bbe-db9434776ae0.jpg)
 
กล้องวัดมุมอิเล็กทรอนิกส์ ยี่ห้อ Leica Builder 100 - T100 9"
 
1.กล้องเล็งเป็นระบบเห็นภาพตั้งตรง
2. กำลังขยาย 30 เท่า
3. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเลนส์ปากกล้องไม่ต่ำกว่า 40 มิลลิเมตร
4. ขนาดความกว้างของภาพที่เห็นในระยะ 100 เมตร ไม่น้อยกว่า 2.6 เมตร หรือ 1องศา 30 ลิปดา
5. ระยะมองเห็นภาพชัดใกล้สุดไม่เกิน 0.9เมตร
6. ค่าตัวคูณคงที่ 100
7. ค่าตัวบวกคงที่ 0
8. กำลังในการขยายภาพ 3 ฟิลิปดา
9. เป็นกล้องแบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบวัดมุมแบบ Absolute Reading
10. หน่วยวัดเป็น องศา ลิปดา ฟิลิปดา
11. แสดงค่ามุมที่วัดได้ละเอียดโดยตรงไม่เกิน 5 ฟิลิปดา และ 10 ฟิลิปดา
12. ค่าความถูกต้องในการอ่านมุม ( Accuracy ) ไม่เกิน 9 ฟิลิปดา
13. หน้าจอแสดงผลเป็น LCD 1 หน้าจอ มีระบบให้แสงสว่างหน้าจอขณะทำงานและสามารถบอกระดับพลังงานได้
14. ความไวของระดับฟองกลม 10ลิปดา 2 มม.
15. ความไวของระดับฟองยาว 60ฟิลิปดา / 2 มม.
16. กล้องส่องหัวหมุด ( Optical Plummet ) กำลังขยาย 3 เท่า ปรับความคมชัดได้ตั้งแต่ระยะ 0.5 เมตร ขึ้นไป
17. สามารถแสดงผลทั้งเป็นมุมราบและมุมดิ่ง

 
การวัด (Measurement)
การวัด (Measurements) เป็นกรรมวิธีพื้นฐานของการได้มาซึ่งค่าสังเกต (Observations) ของข้อมูลตามที่ต้องการ เมื่อได้ก็ตามที่มีการวัด เมื่อนั้นย่อมมีความคลาดเคลื่อน (Errors) ขึ้นตามมาทุกครั้ง ดังนั้น จึงไม่มีการวัดครั้งใดที่ปราศจากความคลาดเคลื่อนอยู่ด้วย นั่นคือ ในการวัดทุกครั้งจำเป็นจำต้องมีการประเมินค่าความถูกต้อง (Accuracy) และค่าความแม่นยำ (Precision) และนั่นหมายถึง ในศึกษาถึงความถูกต้องของการวัดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเข้าใจถึงธรรมชาติ ชนิด และ ขนาดของความคลาดเคลื่อนที่แต่ละกระบวนการวัดด้วย
การวัดและมาตรฐาน (Measurement and Standards)

  • การวัด เป็นกระบวนการหาขนาด ปริมาณ ของสิ่งที่ต้องการวัดด้วยการเทียบกับมาตรฐานอันหนึ่งที่ใช้ในการหาขนาดและปริมาณต่างๆ เช่น
  • ความยาว น้ำหนัก ทิศทาง เวลา ตลอดจน ปริมาตร ตัวอย่างของการเทียบกับสิ่งที่เป็นมาตรฐาน เช่น ความยาวมาตรฐาน 1 เมตร คือ ระยะทางที่แสงเดินทางได้ในสุญญากาศเป็นเวลา 1/299,792,458 วินาที ซึ่งอาจจะทำการวัดเทียบกับสิ่งที่ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงนั้นโดยตรงหรือโดยอ้อม (Direct and Indirect Measurement)


การวัดโดยตรงและโดยอ้อม (Direct and Indirect Measurements)

  • การวัดโดยตรง (Direct Measurement)การวัดปริมาณใด ๆ ที่สามารถกระทำได้โดยตรงด้วยเครื่องมือความคลาดเคลื่อนการวัดขึ้นอยู่กับเครื่องมือ และกรรมวิธีการวัดนั้น ๆ โดยตรง
  • การวัดโดยอ้อม (Indirect Measurement)การวัดปริมาณใด ๆ ที่ไม่สามารถกระทำได้โดยตรงด้วยเครื่องมือต้องมีการคำนวณปริมาณนั้นด้วยความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ความคลาดเคลื่อนจะไม่ขึ้
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ