หัวข้อ: ปลายฝนต้นหนาว ขึ้นเหนือเที่ยวแบบไทยๆเสพย์งานศิลป ยลจิตรกรรมฝาผนังที่เมืองน่าน เริ่มหัวข้อโดย: ManUThai2017 ที่ กรกฎาคม 24, 2019, 03:42:30 pm คนไหนกันที่มาเยือนเมืองน่านล้วนอยากได้โอกาสได้เห็นภาพจิตรกรรมด้านข้างฝาผนังกระซิบกระซาบรักบันลือโลกภายในโบสถ์-วิหารวัดภูเขาไม่นทร์กันทั้งหมด ด้วยเหตุว่าภาพดังที่กล่าวมาข้างต้นได้แปลงเป็นสมือนเครื่องหมายของจังหวัดน่านไปเปลี่ยนๆ
สมเด็จพระเทพรัตนฯ สยามบรมราชธิดา เมื่อคราวเดินทางไปจังหวัดน่านเมื่อปีพุทธศักราช 2554 ได้วาดรูปเอาอย่าง “ภาพกระซุบกระซิบรักบันลือโลก” พระราชทานให้กับเรือนจำชั่วคราว เขาน้อย รวมทั้งเมื่อได้เสด็จไปยังหอศิลป์ริมน่านชมภาพวาดล้อเลียนกระซิบกระซาบรักบันลือโลก ของ วินัย ปราบปูริ นักแสดงผู้จัดตั้งหอศิลป์ขอบน่าน ที่วาดรูปฝรั่งมาท่องเที่ยวทำท่ากระซิบบอกรักกัน ด้วยพระอารมณ์ขันจึงวาดภาพ “ร้อง” เพื่อล้อเลียน ในภาพวาด “แผดเสียง” นั้นเพศชายไว้ผมทรงโมฮอร์กทำท่าตะโกน ส่วนสตรีใส่ผ้าถุงเอามือป้องหูฟัง รวมทั้งทรงเขียนคำว่า “ตวาด” ไว้ภายในรูปภาพ ซึ่งตอนนี้ อีกทั้งภาพวาดเลียนแบบ และก็ล้อเลียนของสมเด็จพระเทวดารัตนฯ ประเทศไทยบรมราชธิดา ได้วางแสดงที่หอศิลป์ริมน่าน เมื่อต้องการเห็น…. สถานที่แรกในเมืองน่านที่พวกเนสมุ่งตรงไปเยือนจึงเป็นวัดภูมินทร์ จิตรกรรมด้านข้างฝาผนังที่วัดภูไม่นทร์ วัดภูเขามินทร์เป็นวัดหลวงขนาดเล็ก ตั้งอยู่ใจกลางเมือง คาดการณ์ว่าทำขึ้นในปีพ.ศ. ๒๑๓๙ และก็ได้กระทำการซ่อมแซมครั้งใหญ่ในสมัยเจ้าอนันตรวรฤทธิเดโช ระหว่างพ.ศ. ๒๔๑๐ – ๒๔๑๗เทียบง่ายๆราวปลายสมัยรัชกาลที่ ๔ คุณลักษณะเด่นแปลกของสงฆ์ที่นี้ อยู่ที่ตัวอุโบสถและวิหารของวัดที่อยู่ร่วมอาคารทรงจัตุรมุขเดียวกัน มีประตูประจำมุขและก็บันไดรองรับทางเข้าออกตามด้านทั้งสี่ เมื่อยืนมองอุโบสถ-วิหารจากข้างนอกทางทิศตะวันออกหรือจะทิศตะวันตก จะเห็นตัวนาคพาดตัวตามแนวบันไดจากทางทิศเหนือไปยังทิศใต้อย่างแจ้งชัด หัวนาคนั้นอยู่ทางทิศเหนือ หางนาคทอดยาวเป็นบันไดลงไปทางทิศใต้ จึงราวกับว่านาคนั้นได้พาดตัวรองรับตัวโบสถ์-วิหารไว้ ดูแปลกตาแต่ว่าลงตัว และสวยสดงดงาม ทีเดียว เอาละ… เราตั้งมั่นมายลจิตรกรรมฝาผนังกันนี่ทุ่งนา เมื่อเป็นอย่างงั้นพวกเราก็เลยพากันถอดรองเท้าย่างก้าวเข้าไปภายใน ด้านในโบสถ์-วิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารชิ ๔ องค์ บนฐานซุกชีหันหน้าออกด้านประตูทั้งยังสี่ทิศ และก็มีภาพวาดฝาผนังเล่าเรื่องราวชาดก ตำนานพื้นบานและก็วิถีชีวิตของชาวกรุงน่านในสมัยก่อน จิตรกรรมฝาผนังทั้งหมดเป็นศิลปะแบบชาวไทลื้อ ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยที่ย้ายถิ่น มาจากดินแดนสิบสองปันท้องนา หลวงพระบางและก็ล้านช้างโน่นทำให้ภาพวาดดูแปลกตา สังเกตดูใบหน้าผู้คน ลักษณะกลมแป้น คิ้วโค้งนัยน์ตากรุ้มกริ่ม ดูแล้ว เบิกบานใจ แม้ไล่เรียงดูประวัติการสร้างวัดภูไม่นทร์ในตำนานเมืองน่านแล้วไม่มีข้อมูลระบุชี้ชัดว่า ช่างเขียนจิตรกรภาพจิตรกรรมฝาผนังคือใครแถมยังเป็นการวาดหลังจากที่ได้มีการซ่อมแซมตัววัดครั้งใหญ่อีกด้วย จึงได้แต่ว่าคาดคะเนกันจากลักษณะภาพวาดว่าน่าจะได้ผลงานของจิตรกร หรือสล่าชาวไทลื้อ ซึ่งเข้าเค้าทีเดียว เนื่องจากว่าตามประวัติศาสตร์แล้ว เจ้าผู้ปกครองเมืองน่านมักออกศึกกับเมืองเชียงใหม่ อยู่เนืองๆผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เมื่อแพ้ทีใดก็จะแอบหนีไปยังล้านช้าง สะสมสรรพกำลังพลกลับเข้ามาตีเอาเมืองน่านคืน เนื่องจากวิถีเป็นบบนี้จึงมีชาวไทลื้อจากเมืองล้านช้างติดกองทัพกลับมาด้วยจนกระทั่งแปลงเป็นคนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองน่าน ภาพวาดด้านในโบสถ์-วิหาร เล่าเรื่องราวจาก “คัทธณะกุมารชาดก” เป็นหลักประสมกับ ตำนานประจำถิ่น และก็ความเป็นอยู่ของชาวน่านในสมัยก่อน แล้วก็แน่ๆภาพที่เด่นที่สุด คือภาพกระซิบกระซาบรักบันลือโลกที่มีขนาดใหญ่เกือบจะเท่าคนจริง ภาพวาดดังที่กล่าวถึงแล้วเป็นภาพหนุ่ม หญิงสาวในชุดสำหรับใส่แบบเมียนมาร์ ยืนกระซุบกระซิบ หยอก ส่งสายตากรุ้มกริ่มให้กัน โดยมีอักษรล้านนาโบราณเขียนควบคุมไว้ด้านบน แปลได้ว่า “ ปู่ม่าน ญ่าม่าน” คำว่า “ม่าน” ภาษาท้องถิ่นล้านนาหมายถึงพม่า ขณะที่ “ปู่” แล้วก็ “ญ่า”ใช้เป็นสรรพนามเรียกเพศชายและก็หญิง คำว่า “ปู่ม่านญ่าม่าน” ก็เลยเชื่อว่าคงจะซึ่งก็คือ “ชายหนุ่มพม่า สาวประเทศพม่า” คำกริยา อาการ และนัยน์ตาที่กระหยิ่มใจนี่แหละ… ให้อารมณ์เบิกบานนักเชียว เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าภาพจิตรกรรมดังกล่าวข้างต้นก็เลยไม่ฉงนใจเลยว่าเพราะเหตุใดภาพวาดนี้จึงมีชื่อเสียงนัก และก็โน่นทำให้ใครๆใคร่ใคร่รู้ว่า นักแสดงที่วาดรูปนี้เป็นคนใดกันแน่ ข้อสมมติฐานที่ดูเหมือนจะน่าไว้ใจแล้วก็มีน้ำหนักสูงที่สุดมาจากการคาดการณ์ของ“ระเบียบ ปราบริปู” ศิลปินชาวน่านที่ได้ทำเทียบภาพวาดในวัดภูไม่นทร์กับวัดหนองบัวที่เป็นวัดประจำหมู่บ้านหนองบัว อำเภอท่าวังหน้าผา แล้วพบว่าภาพวาดได้วาดขึ้นในตอนช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน ทั้งองค์ประกอบสีที่ใช้มีความคล้ายกันอีก มีการใช้สีแดง น้ำเงิน แล้วก็เหลือง เป็นหลัก อีกทั้งบริเวณใบหน้า รวมทั้งฉากในภาพวาดยังเช่นกันอีกด้วยเมื่อเป็นแบบนั้น ก็เลยคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นฝีมือของนักแสดงชาวไทลื้อผู้เดียวกัน โน่นคือดกนบัวผัน ถ้าเกิดเดินดูภาพวาดทั้งหมดข้างในอุโบสถ-วิหาร จะมองเห็นว่าภาพวาดของหนานบัวผันนั้นมีลักษณะส่วนตัวที่โดดเด่นจริงๆตัวละครบนภาพวาดแสดงความรู้สึกชัดแจ้ง ผ่านใบหน้าที่กลมแป้น คิ้วเป็นรูปวงดวงจันทร์ นันย์ตากรุ้มกริ่ม เวลาพอใจมุมปากที่เป็นรูปกระจับจะเชิดขึ้นทั้งสองข้าง และก็หุบลงเมื่อเศร้าเสียใจ แต่ว่าภาพวาดบนผนังในโบสถ์-วิหารวัดภูมินทร์ มิได้เป็นฝีมือของครึ้มนบัวผันคนเดียว ฝาผนังด้านทิศใต้แล้วก็ตะวันตกนิดหน่อยเป็นฝีมือของช่างเขียนนิรนามบุคคลอื่น เพราะมีฝีมือและก็ความถนัดที่อ่อนด้อยกว่าอย่างชัดเจน รวมทั้ง…. เมื่อไหนๆตั้งใจจะเที่ยวชมมองภาพจิตกรรมฝาผนังเมืองน่านแล้ว จะให้ครบถ้วนบริบูรณ์ จำเป็นต้องไปยลที่วัดหนองบัวต่อ จิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัว วัดหนองบัว ตั้งอยู่หมู่บ้านหนองบัว อำเภอท่าวังเขาหิน เป็นหมู่บ้านที่มีชุมชนชาวไทลื้ออาศัยเอยู่ป็นเป็นจำนวนมาก อยู่ถัดห่างจากอำเภอเมืองน่านไปราว 45 กม. เราไปเยือนวัดหนองบัวแม้กระนั้นรุ่งแจ้ง…. ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเขตวัด ไม้ยืนต้นเขียวครึ้มให้ความร่มรื่น ผสมกับ เพลงประจำถิ่นที่บรรเลงโดยเหล่าคุณลุงในพื้นที่ที่จิตสมัครใจมาล้อมวงเล่นด้วยกัน เพื่อต้อนรับแขก เปิดบรรยากาศมาแบบงี้… ทำเอาทุ่มเทใจให้กับความเงียบสงบร่มรื่น เรียบง่ายที่ปราศจากความเป็นพุทธการซื้อขายไปสิบเต็มสิบอย่างยิ่งจริงๆ วิหารวัดหนองบัวที่เห็นข้างหน้า ลักษณะหลังคาทรงจั่วเป็นชั้นลดหลั่น ตามแบบสถาปัตยกรรมแบบไทลื้อ รอบๆสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีการใช้กระจกสีประดับประดาเป็นลวดลาย เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน ภาพวาดฝาผนังที่ปรากฏ ใช้โครงสี รวมทั้งมีลักษณะการวาดที่คล้ายคลึงกับที่วัดภูมินทร์ ตามประวัติการสร้างวัด ไม่มีการระบุเช่นกันว่าใครกันแน่เป็นจิตรกรภาพจิตรกรรมกลุ่มนี้แม้กระนั้นมีการรักษาภาพร่างด้วยหมึกในกระดาษสาพับ ที่จิตรกรจะใช้ร่างภาพก่อนวาดจริง ภาพร่างนั้นกล่าวว่าเป็นของ “หนานบัวผัน” เมื่อตรวจสอบพบว่าภาพร่างในนั้นได้ปรากฏบนผนังที่วัดหนองบัว และวัดภูเขามินทร์ จึงเป็นหลักฐานที่ทำให้มั่นใจว่า ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูเขาไม่นทร์และวัดหนองบัว เป็นฝีมือจิตรกรคนเดียวกัน โน่นคือ “หนานบัวผัน” คุณลุงท่านที่ได้เข้ามาต้อนรับเราตั้งแต่แรก ได้ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพวาดในวิหาร เรื่องราวที่ร้อยเรียงบนผนัง ถอดโครงเรื่องมาจากเรื่องจันทติดอยู่ธชาดกอันเป็นชาดกที่ชาวล้านนา รวมทั้งล้านช้าง ใช้สอนประเด็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม การเป็นผู้มีกตัญญูรู้คุณคน ความซื่อและก็ความกรุณาแล้วก็วัดแห่งนี้เป็นที่เดียวที่เขียนภาพจากชาดกเรื่องดังที่กล่าวถึงแล้ว ขณะเดินชมดู คิดเสียดายที่คราวอุทกภัยใหญ่เมื่อปี2554 น้ำได้ไหลเข้าท่วมตัววิหาร ทำให้จิตรกรรมฝาผนังด้านล่าง ได้รับความย่ำแย่ไปไม่น้อย แม้เสียดาย แต่มองเห็นใบหน้าของคุณลุงที่เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัววัด รวมถึง บรรดาเหล่าคุณลุงทั้งหลายที่นั่งเล่นดนตรีกันด้านนอกแล้ว เชื่อมั่นว่า แม้ภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติจะก่อให้กำเนิดความเสื่อมโทรมไปบ้าง แต่ว่าวัดที่นี้ จะได้รับการดูแลและรักษา จากผู้คนในเขตแดน ให้เป็นมรดกตกทอดถัดไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลานได้อย่างดีเยี่ยม เฮือนหนองบัวผัน เรือนแสดงภาพถ่ายจิตรกรรมฝาผนังในเมืองน่าน ท้ายที่สุดภายหลังได้เยี่ยมชมจิตรกรรมฝาผนังทั้งๆที่วัดภูไม่นทร์ และก็วัดหนองบัว การตามรอยจิตรกรรมเมืองน่านจะบริบูรณ์ยิ่งขึ้นถ้าได้ไปเยี่ยมดูหอศิลป์ริมน่าน หอศิลป์เอกชน ที่จัดตั้งโดย วินัย ปราบริปูบนพื้นที่ 13ไร่ ริมถนนถนนหนทางสู่เมืองน่าน ที่หอศิลป์ฯ นอกจากจะได้ชมภาพวาดเลียนแบบ และก็ล้อเลียนภาพกระซิบรักบันลือโลก ผลงานของสมเด็จพระเทวดารัตนฯ ไทยบรมราชกุมารีแล้วก็วินัย ปราบริปู แล้วภาพในเขตหอศิลป์ฯ ยังมีอาคาร “เฮือนครึ้มนบัวผัน” ที่ระเบียบ ปราบริปูสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ “ครึ้มนบัวผัน” ศิลปินผู้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดภูเขามินทร์ แล้วก็ วัดหนองบัวโดยภาพในเรือนแสดงเป็นภาพถ่ายจากจิตรกรรมฝาผนังจากวัดภูเขามินทร์ วัดหนองบัว รวมถึงจิตรกรรมด้านข้างฝาผนังที่สำคัญอื่นในเมืองน่านจัดแสดงอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นสถานที่ให้แขกได้สะกดรอยจิตรกรรมเมืองน่านอย่างสมบูรณ์ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ws88v Tags : ws88v.com,ws88v
|