ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kittipong99010 ที่ สิงหาคม 22, 2019, 09:28:37 am



หัวข้อ: p1 กล้องสำรวจถนนหนทางภาคสนาม บริการ กล้องระดับ TOPCON, Pentax, CTS/Berger ราคาถู
เริ่มหัวข้อโดย: Kittipong99010 ที่ สิงหาคม 22, 2019, 09:28:37 am
จำหน่ายกล้องอุปกรณ์กล้องไลน์สำรวจ คุณภาพเยี่ยม กล้องระดับ TOPCON ยี่ห้อ TOPCON, Pentax, CTS/Berger
การแบ่งดิน คือ การรวบรวมดินประเภทต่างๆที่มีลักษณะ หรือ คุณสมบัติที่หมือนกันหรือคล้ายคลึงกันตามที่กำหนดไว้ ให้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระเบียบ เพื่อสะดวกสำหรับในการจดจำรวมทั้งนำไปใช้งาน
ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศรัสเซีย
ระบบนี้จะสนใจดินที่เกิดในสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น จนกระทั่งออกจะร้อน สำหรับในการแยกประเภทระดับสูง เน้นการใช้โซนภูมิอากาศและก็พืชพรรณเป็นหลัก มีทั้งผอง 12 ชั้น (class I- class XII) โดยชั้น I-VI เป็นดินในเขตลักษณะภูมิอากาศตั้งแต่หนาวจัด จนถึงค่อนข้างจะหนาวในทะเลทราย ชั้น VII-IX เน้นย้ำสภาพภูมิอากาศค่อนข้างจะร้อน โดยใช้ลักษณะความชื้น-ความแห้ง แล้วก็สภาพพรรณไม้ที่เป็นป่า หรือทุ่งหญ้า เป็นเหตุจำกัด สำหรับชั้น X-XII เน้นดินในเขตร้อน จากขั้นสูงจะมีการแบ่งออกเป็นชั้นย่อย ตามลักษณะการเกิดของดิน และก็แบ่งเป็นประเภทดิน ในขั้นต่ำ ระบบการแบ่งแยกดินของคูเบียนา การแบ่งแยกดินใช้ สมบัติทางเคมีของดิน และโซนของภูมิอากาศกับพืชพรรณ เป็นหลัก โดยเน้นสิ่งแวดล้อมในเขตเมดิเตอร์เรเนียน และก็สิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างแห้งมากยิ่งกว่าเขตชื้นแล้วก็ฝนชุก
-ระบบการแบ่งดินของประเทศฝรั่งเศส
มีลักษณะเด่นคือ เป็นการจัดประเภทดินที่ใช้ลักษณะทั้งปวงด้านในหน้าตัดดินเป็นเกณฑ์ เน้นย้ำความก้าวหน้าของหน้าตัดดิน โดยพินิจจาการเรียงตัวของชั้นเกิดดินด้านในหน้าตัดดินโดยเฉพาะ กับการที่มีปฏิกิริยาความเคลื่อนไหว หรือชั้นที่มีการสะสมของดินเหนียว การแบ่งขั้นที่สูงที่สุด เน้นย้ำลักษณะที่เกี่ยวกับการขังน้ำ ส่วนขั้นต่ำ ใช้ความมากมายน้อยในการเคลื่อนย้ายอนุภาคดินเหนียวในหน้าตัดดิน
-ระบบการแบ่งดินของประเทศเบลเยียม
เป็นการจัดชนิดและประเภทที่ค่อนข้างจะละเอียด ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากการใช้ที่ดินทางการเกษตรที่เข้มข้น การแบ่งแยกดินใช้รูปแบบของเนื้อดิน ชั้นการระบายน้ำ และก็วิวัฒนาการของหน้าตัดดิน เป็นลักษณะแบ่งแยก สำหรับการอธิบายเนื้อดิน แบ่งได้เป็น 7 ชั้น (ชั้นอนุภาคดิน) อุปกรณ์อินทรีย์และตะกอนลมหอบ ส่วนชั้นการระบายน้ำของดิน ใช้การแปลความที่เกี่ยวกับความแฉะของดิน เช่น จุดประ และสีเทาในเนื้อดิน กับระดับความลึกของดินที่พบลักษณะดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว สำหรับวิวัฒนาการของหน้าตัดดินแบ่งได้หลายชั้นโดยพิเคราะห์จากลำดับของชั้นต่างๆในหน้าตัดดินรวมทั้งชั้น (B) นับว่าเป็นชั้น B ที่พึ่งมีพัฒนาการหรือเป็นชั้นแคมบิก B คล้ายคลึงกันกับในระบบของฝรั่งเศส
-ระบบการจำแนกดินของอังกฤษ
เน้นลักษณะดินที่เจอในประเทศอังกฤษรวมทั้งเวลส์ มี 10 กรุ๊ป ขยายความออกจากกันโดยใช้รูปแบบของหน้าตัดดินเป็นหลักเกณฑ์ซึ่งเน้นย้ำจำพวกและก็การจัดเรียงตัวของชั้นดิน ประกอบด้วย Terrestrial raw soils, Hydric raw soils, Lithomorphic (A/C) soils, Pelosols, Brown soils, Podzolic soils, Surface water gley soils, Groundwater gley soils, Man-made soils แล้วก็ Peat soils
-ระบบการจำแนกดินของประเทศแคนาดา
ระบบการแบ่งแยกเป็นแบบมีหลายขั้นอันดับวิธานรวมทั้งมีลำดับสูงต่ำชัดแจ้ง ประกอบด้วย 5 ขั้นด้วยกันคือ ชั้น (order) กรุ๊ปดินใหญ่ (great group) กรุ๊ปดินย่อย (subgroup) สกุลดิน (family) รวมทั้งชุดดิน (series) ชั้นอันดับระเบียบของดินในระบบการแบ่งดินของแคนาดาแจงแจงออกจากกันโดยใช้ลักษณะที่พินิจได้ แล้วก็ที่วัดได้ แม้กระนั้นหนักไปในทางทางด้านทฤษฎีการกำเนิดดินสำหรับในการแบ่งขั้นสูง ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 ชั้น และแบ่งออกเป็น 28 กรุ๊ปดิน
-ระบบการแบ่งดินของออสเตรเลีย
การพัฒนาด้านการแบ่งแยกดินในออสเตรเลียมีมานานแล้วเช่นเดียวกัน โดยในตอนแรกเป็นการจัดหมวดหมู่ดินที่ใช้ธรณีวิทยาของวัสดุดินเริ่มต้นเป็นหลัก แต่ถัดมาได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆจนกระทั่งย้ำเค้าโครงวิทยาของหน้าตัดดินโดยแบ่งได้ 47 หน่วยดินหลัก (great soil groups) เหตุเพราะการที่ออสเตรเลียมีลักษณะภูมิอากาศอยู่หลายแบบร่วมกัน ทำให้มีสภาพแวดล้อมทางดินหลายแบบด้วยกันตามไปด้วย มีในสภาพที่หนาวเย็นไปจนถึงเขตร้อนชื้น แล้วก็เขตที่เป็นทะเลทราย ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าระบบการแบ่งนี้ครอบคลุมประเภทของดินต่างๆมาก แต่เน้นดินที่มีการสะสมคาร์บอเนต เน้นย้ำสีของดิน รวมทั้งเนื้อของดินออกจะมาก ระบบการแบ่งแยกดินของออสเตรเลียนี้มีอยู่มากยิ่งกว่า 1 แบบ เนื่องด้วยมีการเสนอระบบต่างๆที่มีแนวคิดเบื้องต้นไม่เหมือนกันออกไป อาทิเช่นระบบของฟิทซ์แพทริก (FitzPatrick, 1971, 1971, 1980) ที่เน้นจากระดับค่อนข้างต่ำขึ้นไปหาระดับสูง และก็ระบบที่เจออยู่ในคู่มือของดินประเทศออสเตรเลีย (A Handbook of Australia Soils) ฯลฯ
-ระบบการจำแนกดินของประเทศนิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์ใช้ระบบอันดับระเบียบดินของอเมริกาเป็นหลักสำหรับเพื่อการจำแนกแยกแยะดิน แล้วก็ดินของประเทศนิวซีแลนด์รอบๆกว้างเป็นดินที่เกิดมาจากตะกอนภูเขาไฟ
-ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศบราซิล
ดินในประเทศบราซิลเป็นดินที่มีลักณะเด่นเป็นดินเขตร้อน ระบบการแบ่งดินของบราซิลไม่ใช้ภาวะความชุ่มชื้นดินสำหรับการแบ่งประเภทและชนิดขั้นสูง และใช้สี จำนวนขององค์ประกอบกับจำพวกของหินแหล่งกำเนิด เป็นลักษณะที่ใช้สำหรับในการแบ่งประเภทและชนิดมากกว่าที่ใช้ในอันดับกฎดินกษณะที่ใช้เพื่อการแบ่งประเภทและชนิดมากยิ่งกว่าที่ใช้ในอนุกรมวิธานดิน
ตามระบบการจำแนกดินประจำชาตินี้ สามารถแบ่งดินในประเทศไทยออกเป็น
ชุดดินรังสิต
Alluvial soils
เป็นดินที่เกิดขึ้นใหม่ มีอายุน้อย มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดินต่ำ หน้าตัดดินเป็นแบบ A-C, A-Cg, Ag-Cg หรือ A-(B)-Cg มีต้นเหตุจากการพูดซ้ำเติมโดยน้ำตามที่ราบลุ่ม ดังเช่นว่าที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ ทะเลสาบ ปากแม่น้ำ ชายฝั่งทะเล รวมทั้งเนินขี้ตะกอนน้ำพารูปพัด (alluvial fan) สภาพของการพูดซ้ำเติมบางทีอาจเป็นรอบๆของน้ำจืด น้ำทะเล หรือน้ำกร่อยก็ได้ ส่วนใหญ่จะมีเนื้อดินละเอียด รวมทั้งการระบายน้ำหยาบช้า พบบ่อยลักษณะที่แสดงการขังน้ำ นอกจากบริเวณสันดินริมน้ำ และก็ที่เนินตะกอนน้ำพารูปพัด ที่เนื้อดินจะหยาบกว่า และดินมีการระบายน้ำดี ส่วนประกอบและแร่ธาตุที่มีอยู่ในดิน alluvial มักแตกต่างกันมากมาย แล้วก็ชอบผสมคละเคล้าจากรอบๆต้นกำเนิดที่มาจากหลายที่ ชุดดินที่สำคัญของกลุ่มดินหลักนี้คือ
- พวกที่เกิดจากขี้ตะกอนน้ำจืด เช่น ชุดดินท่าม่วง สรรพยา จังหวัดสิงห์บุรี ราชบุรี อยุธยา
- พวกที่เกิดขึ้นมาจากขี้ตะกอนน้ำกร่อย เช่น ชุดดินผู้พิทักษ์ รังสิต
- พวกที่เกิดขึ้นจากขี้ตะกอนพื้นแผ่นดินมหาสมุทร ยกตัวอย่างเช่น ชุดดินท่าจีน กรุงเทพฯ
-
Hydromorphic Alluvial soils
ซึ่งก็คือดิน Alluvial soils ที่มีการระบายน้ำค่อนข้างเลวทราม-ชั่วช้าสารเลวมากมาย ในกรณีที่มีการจัดประเภทดินออกเป็น Alluvial soils และก็ Hydromorphic Alluvial soils ดินที่อยู่ในกรุ๊ปดินหลัก Alluvial soils จะเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี และก็อยู่ในบริเวณที่สูงกว่าในภูมิทัศน์ที่ต่อเนื่องกัน ดินในทั้งคู่กลุ่มดินหลักนี้ชอบได้รับอิทธิพลน้ำหลากในฤดูน้ำหลากเสมอ
 -ชุดดินหัวหิน
Regosols
มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดินต่ำ กำเนิดกระจ่างเฉพาะดินบน (A) แล้วก็มีหน้าตัดดินแบบ A-C หรือ A-Cg เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่เป็นทรายจัดบางทีอาจเป็นทรายรอบๆชายฝั่งทะเล หรือบริเวณเนินทราย หรือทรายจากแม่น้ำ ดินมีการระบายน้ำดี จนกระทั่งระบายน้ำดีจนกระทั่งเกินความจำเป็น เจอทั่วไปเป็นแนวยาวตามชายฝั่งทะเล รวมทั้งตามกระพักลำธารของแม่น้ำที่มีตะกอนเป็นทรายจัด มีปฏิกิริยาออกจะเป็นกรด ชุดดินที่สำคัญได้แก่ ชุดดินหัวหิน พัทยา ระยอง และก็น้ำพอง
-Lithosols
เป็นดินตื้นมากมาย ส่วนมากลึกไม่เกิน 30 เซนติเมตร พบได้บ่อยตามรอบๆที่ลาดเชิงเขาซึ่งมีกษัยการสูง การเรียงตัวของชั้นดินเป็นแบบ A-C-R, AC-C-R หรือ A-R เนื้อดินมีเศษหินที่ยังไม่ผุพังย่อยสลายหรือกำลังย่อยสลายคละเคล้าอยู่เป็นส่วนมาก ดินนี้ไม่เหมาะแก่การกสิกรรม หรือการสร้างพืชโดยปกติ
-ชุดดินลพบุรี
Grumusols
เป็นดินสีคล้ำ เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ได้แก่ หินปูน มาร์ล หรือบะซอลต์ พัฒนาการของหน้าตัดดินต่ำ เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีองค์ประกอบเป็นแร่ดินเหนียวชนิด 2:1 ซึ่งมีความรู้และมีความเข้าใจสำหรับเพื่อการยืด-หดตัวได้มาก ดินจะขยายตัวเมื่อแฉะ (swelling) รวมทั้งหดตัวเมื่อแห้ง (shrinkage) ทำให้มีลักษณะของรอยูไถล (slickensides) เกิดขึ้นในดิน ลักษณะหน้าตัดมีชั้น A-C หรือ A-AC-C โดยชั้น A จะหนา มีโครงสร้างดินแบบก้อนกลม (granular structure) หรือก้อนกลมพรุน (crumb structure) พบบ่อยในบริเวณที่ราบลุ่มหรือตะพักสายธาร ลักษณะผิวหน้าดินเป็นพื้นที่ปุ่มๆป่ำๆ (gilgai relief) เมื่อแห้งผิวดินจะแตกระแหงเป็นร่องลึก ปฏิกิริยาดินเป็นด่าง ลักษณะโดยรวมเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่มีทรัพย์สมบัติทางกายภาพที่เป็นปัญหาในการไถพรวน ดินนี้ในบริเวณที่ต่ำจะมีการระบายน้ำเหลวแหลก ส่วนใหญ่ใช้ปลูกข้าว แม้กระนั้นหากอยู่ในที่สูง เป็นต้นว่าในบริเวณใกล้ตีนเขาหินปูนมักจะมีการระบายน้ำดี ใช้ปลูกพืชไร่ ได้แก่ ข้าวโพดชุดดินที่สำคัญ เป็นต้นว่า ชุดดิน จังหวัดลพบุรี บ้านหมี่ โคกกระเทียม จังหวัดบุรีรัมย์ กรุ๊ปดินหลัก Grumusols นี้ ไม่มีในระบบ USDA 1938 เริ่มใช้เพื่อการเพิ่มอีกระบบ USDA เมื่อ 1949
 -ชุดดินตาคลี
Rendzinas
เป็นดินตื้นเกิดตามตีนเขาหินปูน วัตถุต้นกำเนิดเป็นพวกปูน (CaCO3) หรือมาร์ล เกิดเกี่ยวโยงกับดิน Grumusols แต่อยู่ในบริเวณที่สูงกว่า มักพบบริเวณที่ลาดใกล้เขา หรือ ตะพักเขตที่ลุ่มใกล้เขาหินปูน เป็นดินที่มีความเจริญของหน้าตัดต่ำ ลักษณะดินจะมีเพียงชั้น A รวมทั้ง C หรือ A-(B)-C ดินบนสีคล้ำ มีองค์ประกอบดี ร่วน และออกจะครึ้ม มีการระบายน้ำดี ส่วนดินข้างล่างเป็นดินเหนียวผสมปูนหรือปูนมาร์ล ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามความลึก และชอบพบชั้นที่เป็นปูน หรือ ปูนมาร์ลล้วนๆอยู่ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ดินเหล่านี้จะมีปฏิกิริยาเป็นด่าง (pH ประมาณ 7.0-8.0) โดยมากใช้เพื่อการปลูกพืชไร่ อย่างเช่นข้าวโพด หรือปลูกไม้ผล อาทิเช่น น้อยหน่า ทับทิม เป็นต้น ชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินตาคลี
 -ชุดดินชัยบาดาล
Brown Forest soils
พบตามรอบๆภูเขาเป็นส่วนใหญ่ มีสาเหตุจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นวัตถุตกค้าง และเศษหินตีนเขา ทั้งยังในสภาพที่หินพื้นเป็นพวกที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด รวมทั้งด่าง ดังเช่นว่า แกรนิต ไนส์ แอนดีไซต์ มาร์ล บางทีอาจพบปะปนกับดินในกลุ่มดินหลัก Rendzinas เป็นดินตื้น พัฒนาการของหน้าตัดดินไม่เท่าไรนัก มีลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A-B-C หรือ A-B-R แต่ชั้น B ชอบไม่ค่อยแจ่มแจ้ง ในประเทศไทยพบบ่อยตามเทือกเขาหินปูนเป็นส่วนมาก สำหรับ Brown Forest soils ที่เป็นกรด เจอเพียงแค่เล็กๆน้อยๆชุดดินที่สำคัญ ดังเช่น ชัยบาดาล ลำที่นารายณ์ สมอทอด
 -Humic Gley soils
พบจำนวนน้อยในประเทศไทย มักเกิดผสมอยู่กับดินอื่นๆในลักษณะกระจุยกระจายเป็นหย่อมๆในบริเวณที่ราบลุ่ม พบมากอยู่ติดกับดินในกลุ่ม Grumusols, Rendzinas หรือ Red Brown Earths เป็นดินในที่ต่ำ มีการระบายน้ำเลว วิวัฒนาการของหน้าตัดไม่ดีนัก ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ Ag (Apg)-Cg หรือ A-Bg-Cg ลักษณะที่สำคัญเป็น ดินบนหนา มีอินทรียวัตถุสูง ดินข้างล่างมักเป็นดินเหนียวสีเทาหรือสีเทาเข้ม มีลักษณะที่แสดงถึงภาวะที่มีการขังน้ำชัดแจ้ง มีจุดประ ปฏิกิริยาดินเป็นด่างน้อยชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินแม่ขานตอบ
 -ชุดดินร้อยเอ็ด
Low Humic Gley soils
เป็นดินที่เกิดจากตะกอนน้ำพา เจอในบริเวณที่ต่ำที่มีการระบายน้ำชั่วโคตร จำนวนมากอยู่ในรอบๆกระพักแถบที่ลุ่มต่ำที่สูงกว่าที่ราบลุ่มใหม่ใกล้น้ำ ระดับน้ำใต้ดินตื้นและก็แช่ขังเป็นบางครั้งบางคราว แม้กระนั้นมีความเจริญของหน้าตัดออกจะดี ลักษณะสำคัญของดินในกลุ่มนี้เป็น หน้าตัดดินมีลักษณะที่แสดงออกถึงการขังน้ำ มีจุดประแจ่มกระจ่าง หน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt, Ap-A2-Bt, A1-A2-Btg, A1g-A2g-Btg, หรือ Apg-Btg พวกที่แก่น้อยจะอุดมสมบูรณ์มากยิ่งกว่าพวกที่เกิดเป็นเวลายาวนานกว่า บางรอบๆจะพบหินแลงอ่อน (plinthite) ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ส่วนใหญ่เป็นดินที่มีความอิ่มตัวเบสต่ำ pH ราว 4.5-5.5 สำหรับพวกที่เกิดอยู่ในรอบๆตะพักเขตที่ลุ่มออกจะใหม่ มักจะมีความอิ่มตัวเบสสูง ชุดดินที่สำคัญเป็นเพ็ญ จังหวัดสระบุรี มโนรมย์ เพชรบุรี จังหวัดเชียงราย หล่มเก่า ส่วนพวกที่เกิดบนตะพักที่ลุ่มค่อนข้างเก่า ยกตัวอย่างเช่นชุดดิน ร้อยเอ็ด จังหวัดลำปาง เป็นต้น
 
-ชุดดินท่าอุเทน
Ground Water Podzols
เป็นดินที่มีการระบายน้ำชั่วโคตรถึงค่อนข้างเหลวแหลกเจอเฉพาะในบริเวณที่มีฝนตกชุก ดังเช่น ในภาคใต้ บริเวณริมฝั่งตะวันออก หรือบางจังหวัดของภาคอีสาน เช่น จังหวัดนครพนม มีต้นเหตุมาจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นทราย ในรอบๆที่เป็นทรายจัด ได้แก่ หาดเก่าหรือขี้ตะกอนทรายเก่า ในรอบๆที่ค่อนข้างต่ำ มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดี รูปแบบของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-(A2)-Bh-Cg หรือ A1-A2-Bir-Cg ชั้นดินบนสีคล้ำ รวมทั้งมีสารอินทรีย์สูง ชั้น A2 (albic horizon) หรือชั้นชำระล้างมีสีซีดจางเห็นได้ชัดเจน ชั้น Bh มีสีน้ำตาลเข้มรวมทั้งมีการอัดตัวค่อนข้างแน่น แข็ง ด้วยเหตุว่ามีการสะสมสารอินทรีย์ที่สลายตัวแล้วกับอะลูมินัมออกไซด์แล้วก็/หรือเหล็กออกไซด์ มีปฏิกิริยาเป็นกรด pH ต่ำ ราว 4.0-5.0 ตลอดทั้งหน้าตัดชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินบ้านทอน ท่าอุเทน
 -ชุดดินหนองมึง
Solodized-Solonetz
พบในบริเวณที่ออกจะแห้งแล้ง และก็วัตถุต้นกำเนิดมีเกลือผสมอยู่ อย่างเช่นรอบๆชายฝั่งทะเลเก่า หรือรอบๆที่ได้รับผลพวงจากเกลือที่มาจากใต้ดิน ดังเช่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย เป็นต้น มีลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt ดินมีการระบายน้ำชั่วช้าสารเลว ชั้น Bt จะแข็งแน่นและก็มีโครงสร้างแบบแท่งหัวมน (columnar structure) หรือแบบแท่งหัวตัด (prismatic) ดินบนเป็นดินร่วนคละเคล้าทราย มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างราวๆ 5-5.5 ส่วนดินข้างล่างมี pH สูง 7.0-8.0 ดังเช่นชุดดินจุฬาร้องไห้ ชุดดินหนองแก ฯลฯ
 -ชุดดินอุดร
Solonchak
เป็นดินที่มีการระบายน้ำชั่วโคตรถึงออกจะเลวทราม มีเกลือสะสมอยู่ในชั้นดินมาก หน้าตัดดินเป็นแบบ Apg-Cg หรือ Apg-Bg-Cg ในดินพวกนี้จะมีชั้นดินที่เป็นดินเหนียวอยู่เป็นชั้นบางๆสลับกับชั้นทราย เกิดขึ้นให้เห็นได้ชัดเจน ในช่วงฤดูแล้งจะเห็นรอยเปื้อนเกลือสีขาวๆที่ผิวหน้าดิน ความเป็นกรดเป็นด่างมากกว่า 7.0 ดังเช่น ชุดดินทิศเหนือ
 -Non Calcic Brown soils
เจอไม่เท่าไรนักในประเทศไทย เจอในรอบๆตะพักลำธารออกจะใหม่ ความเจริญของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดดินแบบ A1(Ap)-A2-Bt ดินบนสีน้ำตาลเทา ดินข้างล่างมีสีน้ำตาล น้ำตาลปนเหลือง หรือน้ำตาลคละเคล้าแดง มีต้นเหตุจากขี้ตะกอนน้ำค่อนข้างใหม่ มีเนื้อดินตั้งแต่ออกจะหยาบไปจนกระทั่งละเอียด รวมทั้งมีปฏิกิริยาเป็นกรดน้อย ในหน้าตัดดินจะเจอแร่ไมกาอยู่ทั่วๆไป มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างจะสูง เหมาะที่จะปลูกพืชไร่และก็ไม้ผล ชุดดินที่สำคัญยกตัวอย่างเช่น ชุดดิน กำแพงแสน ธาตุพนม
 -ชุดดินวัวราช
Gray Podzolic soils
กำเนิดในรอบๆตะพักลำธารเป็นดินที่แก่ค่อนข้างจะมากมาย มีความเจริญของหน้าตัดดี พบในรอบๆลำน้ำระดับที่ถือว่าต่ำ-ระดับกึ่งกลาง วัตถุแหล่งกำเนิดเป็นตะกอนน้ำที่ทับถมมานานแล้ว ซึ่งจะเป็นกรดรวมทั้งมีแร่ที่ย่อยสลายง่ายหลงเหลืออยู่ในจำนวนน้อย ในสภาพพื้นที่แบบลูกคลื่น ซึ่งทำให้การไหลผ่านหน้าดินเป็นไปอย่างช้าๆแล้วก็สภาพอากาศที่มีระยะแฉะ-แห้งสลับกันเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการเกิดดินประเภทนี้ ลักษณะดินทำให้เห็นว่าดินมีการชะละลายสูง สีจะออกขาวหรือเทาจัดเมื่อแห้ง แล้วก็มีลักษณะการโยกย้ายบนผิวหน้าดินค่อนข้างจะแจ่มชัด เนื้อดินละเอียดรวมทั้งสารอินทรีย์ถูกชำระล้างไปเมื่อหน้าดินถูกฝน คงเหลืออยู่แต่จุดที่เกาะตัวกันแน่นอยู่เป็นจุดๆบางทีอาจพบพลินไทต์ในชั้นดินด้านล่าง เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ-ต่ำมากมาย ลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt กลุ่มดินนี้พบเป็นรอบๆกว้างขวางในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งบางที่ในภาคเหนือ ชุดดินที่สำคัญ เป็นต้นว่า ชุดดินวัวราช สันป่าตอง ห้วยโป่ง ฯลฯ
 -ชุดดินท่ายาง
Red Yellow Podzolic soils
เป็นดินเก่าที่มีพัฒนาการของหน้าตัดดินดี กำเนิดในภาวะที่ละม้ายกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Reddish Brown Lateritic Soils ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt-C หรือ R พบทั่วๆไปในบริเวณภูเขาและก็ที่ลาดตีนเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเก่า วัตถุแหล่งกำเนิดดินมาจากหินหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรดถึงเป็นกลาง ดินมีการระบายน้ำดี ลักษณะเนื้อดินเปลี่ยนได้มากตั้งแต่ค่อนข้างจะหยาบจนถึงค่อนข้างละเอียด สีจะออกแดง เหลืองผสมแดงและเหลือง มีชั้น E ที่ค่อนข้างชัดเจน มีสีจางหรือเทากว่าชั้นอื่น แล้วก็อาจมีเศษหินที่สลายตัว หรือ พลินไทต์ปนเปอยู่ด้วยในดินด้านล่าง แบบอย่างดังเช่น ชุดดินท่ายาง โพนพิสัย จังหวัดชุมพร หาดใหญ่ ภูเก็ต ฯลฯ จัดว่าเป็นกรุ๊ปดินที่มักพบกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย
 -ชุดดินอ่าวลึก
Reddish Brown Lateritic soils
เป็นดินเก่า มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดี เกิดขึ้นจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นวัตถุตกค้างของหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกลางแล้วก็ที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี ดินชั้นบนมีสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลปนแดง มีเนื้อดินตั้งแต่ดินร่วน (loam) ถึง ดินร่วนเหนียว (clay loam) ส่วนชั้นดินล่างมีเนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียว ถึงดินเหนียว (clay) ที่มีสีแดง ลักษณะของดินแสดงการชะล้างสูง และก็บางทีอาจเจอชั้นศิลาแลงในชั้นล่างของหน้าตัดดิน ลักษณะดินจะคล้ายกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Red Brown Earths ที่ต่างกันคือจะมีเป็นกรดมากยิ่งกว่า pH ประมาณ 5-6 ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินลี้ บ้านจ้อง อ่าวลึก จังหวัดตราด ฯลฯ
-ชุดดินปากช่อง
Red Brown Earth
เป็นดินที่มีความข้องเกี่ยวโดยตรงกับหินปูน หรือหินที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง รวมทั้งจะมีความข้องเกี่ยวกับหินดินดานด้วย ดินมีสีแดง มีความเจริญของหน้าตัดดี เป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีการระบายน้ำดี กำเนิดในบริเวณที่ราบซึ่งมีเหตุที่เกิดจากกษัยการ หรืออาจจะเกิดตามไหล่เขาได้ ดินเหล่านี้มีลักษณะสีดิน และการจัดเรียงตัวของชั้นดินใกล้เคียงกับดินในกลุ่มดินหลัก Reddish Brown Lateritic มากแตกต่างกันที่ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน โดยที่ Red Brown Earth มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงขึ้นยิ่งกว่า (pH ราว 6.5-8.0) ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินปากช่อง เป็นกลุ่มดินที่มีการปลูกพืชไร่แล้วก็ทำสวนผลไม้กันมากมาย
-ชุดดินจังหวัดยโสธร
Red Yellow Latosols
เป็นดินที่มีการระบายน้ำดีจนถึงดีเกินไป มีอายุมาก หน้าตัดดินลึก มีลักษณะที่มีความหมายว่ามีการชะละลายสูง ความเจริญของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-B (Box) หรือ A1-A3-B (Box) เจอเป็นหย่อมๆในรอบๆลานกระพักสายธารระดับสูง เกิดขึ้นจากตะกอนน้ำพาเก่ามากมาย มีสมบัติทางด้านกายภาพดี แม้กระนั้นทรัพย์สินทางเคมีไม่ค่อยดี มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีสีแดงหรือเหลืองตลอดหน้าตัดดิน ดินบนเนื้อดินหยาบ ดินด้านล่างมีพวกเซสควิออกไซด์สูง บางแห่งพบหินแลงในตอนล่างของหน้าตัดดิน และไม่เจอการเคลือบผิวของดินเหนียวในชั้น B ชุดดินที่สำคัญ ได้แก่ ศรีราชา จังหวัดยโสธร
-Reddish Brown Latosols
กำเนิดในรอบๆที่เกี่ยวโยงกับภูเขาไฟ วัตถุต้นกำเนิดเป็นขี้ตะกอนตกค้าง หรือขี้ตะกอนดาดตีนเขา ของหินที่เป็นด่างยกตัวอย่างเช่น บะซอลท์ แอนดีไซต์ เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี และความก้าวหน้าของหน้าตัดดี มีหน้าตัดดินแบบ A-Box (ox = ออกไซด์ของเหล็ก) เนื้อดินเป็นดินเหนียวสีแดง สีแดงปนน้ำตาล มีความร่วนซุยดี เป็นดินลึกมากมาย มักจะเหมาะกับการใช้ทำสวนผลไม้ ดังเช่นว่า ชุดดินท่าใหม่
-Organic soils
Organic soils หรือเรียกว่า Peat and Muck soils เป็นดินที่มีลักษณะแตกต่างไปจากกลุ่มดินอื่นๆเนื่องจากเป็นดินที่มีอินทรีย์คาร์บอนอยู่ในส่วนประกอบมากกว่าปริมาณร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก หรือประกอบไปด้วยอินทรียวัตถุล้วนๆเจอในรอบๆแอ่งต่ำมีน้ำขังอยู่เกือบจะทั้งปีและมีการสะสมของสิ่งของดินอินทรีย์สูง สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วไปทางภาคใต้ ในจังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่พรุ จุดแข็งคือสีจะคล้ำ มีอินทรีย์วัตถุสูง เป็นกรดจัด มีการปรับปรุงหน้าตัดดินน้อย ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-C เมื่อระบายน้ำออก จะหดตัวได้มาก ตัวอย่างเช่น ชุดดินนราธิวาส มักพบในภาคใต้ของประเทศไทย
(http://www.p1instrument.com/UploadImage/86b68602-3fe7-430f-9bbe-db9434776ae0.jpg)
 
กล้องวัดมุมอิเล็กทรอนิกส์ ยี่ห้อ Leica Builder 100 - T100 9"
 
1.กล้องเล็งเป็นระบบเห็นภาพตั้งตรง
2. กำลังขยาย 30 เท่า
3. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเลนส์ปากกล้องไม่ต่ำกว่า 40 มิลลิเมตร
4. ขนาดความกว้างของภาพที่เห็นในระยะ 100 เมตร ไม่น้อยกว่า 2.6 เมตร หรือ 1องศา 30 ลิปดา
5. ระยะมองเห็นภาพชัดใกล้สุดไม่เกิน 0.9เมตร
6. ค่าตัวคูณคงที่ 100
7. ค่าตัวบวกคงที่ 0
8. กำลังในการขยายภาพ 3 ฟิลิปดา
9. เป็นกล้องแบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบวัดมุมแบบ Absolute Reading
10. หน่วยวัดเป็น องศา ลิปดา ฟิลิปดา
11. แสดงค่ามุมที่วัดได้ละเอียดโดยตรงไม่เกิน 5 ฟิลิปดา และ 10 ฟิลิปดา
12. ค่าความถูกต้องในการอ่านมุม ( Accuracy ) ไม่เกิน 9 ฟิลิปดา
13. หน้าจอแสดงผลเป็น LCD 1 หน้าจอ มีระบบให้แสงสว่างหน้าจอขณะทำงานและสามารถบอกระดับพลังงานได้
14. ความไวของระดับฟองกลม 10ลิปดา 2 มม.
15. ความไวของระดับฟองยาว 60ฟิลิปดา / 2 มม.
16. กล้องส่องหัวหมุด ( Optical Plummet ) กำลังขยาย 3 เท่า ปรับความคมชัดได้ตั้งแต่ระยะ 0.5 เมตร ขึ้นไป
17. สามารถแสดงผลทั้งเป็นมุมราบและมุมดิ่ง

 
การวัด (Measurement)
การวัด (Measurements) เป็นกรรมวิธีพื้นฐานของการได้มาซึ่งค่าสังเกต (Observations) ของข้อมูลตามที่ต้องการ เมื่อได้ก็ตามที่มีการวัด เมื่อนั้นย่อมมีความคลาดเคลื่อน (Errors) ขึ้นตามมาทุกครั้ง ดังนั้น จึงไม่มีการวัดครั้งใดที่ปราศจากความคลาดเคลื่อนอยู่ด้วย นั่นคือ ในการวัดทุกครั้งจำเป็นจำต้องมีการประเมินค่าความถูกต้อง (Accuracy) และค่าความแม่นยำ (Precision) และนั่นหมายถึง ในศึกษาถึงความถูกต้องของการวัดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเข้าใจถึงธรรมชาติ ชนิด และ ขนาดของความคลาดเคลื่อนที่แต่ละกระบวนการวัดด้วย
การวัดและมาตรฐาน (Measurement and Standards)

  • การวัด เป็นกระบวนการหาขนาด ปริมาณ ของสิ่งที่ต้องการวัดด้วยการเทียบกับมาตรฐานอันหนึ่งที่ใช้ในการหาขนาดและปริมาณต่างๆ เช่น
  • ความยาว น้ำหนัก ทิศทาง เวลา ตลอดจน ปริมาตร ตัวอย่างของการเทียบกับสิ่งที่เป็นมาตรฐาน เช่น ความยาวมาตรฐาน 1 เมตร คือ ระยะทางที่แสงเดินทางได้ในสุญญากาศเป็นเวลา 1/299,792,458 วินาที ซึ่งอาจจะทำการวัดเทียบกับสิ่งที่ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงนั้นโดยตรงหรือโดยอ้อม (Direct and Indirect Measurement)


องค์ประกอบของการวัด

  • มีการบอกขนาดของการวัด เช่น ระยะทาง 4.1
  • มีการบอกหน่วยที่ใช้ในการวัด เช่น ระยะทาง 4.1 กม .
  • มีการประมาณช่วงของความคลาดเคลื่อน เช่น ระยะทาง 4.1 (±0.2) กม .
  • มีการบอกระดับความเชื่อมั่นของช่วงความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นในการวัด เช่น ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% มีระยะทาง 4.1 (±0.2) กม .

สาเหตุการเกิดความคลาดเคลื่อน ( Sources of Errors in Measuremen
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ