กระทู้ล่าสุดของ: าร

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2] 3
16  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายกระชายดำ โรคหัวใจมักเกิิดจากการสั่งสมของไขมัน เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2018, 04:35:10 pm
กระชายดำมีดีอย่างไร
17  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / พลูคาว ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ไม้เถาล้มลุก เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2018, 10:34:33 pm

พลูคาว ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ไม้เถาล้มลุก (HC) หัวใต้ดินลักษณะกลม บางครั้งเป็นพูหรือยาว เปลือกบางมีสีฟางหรือเทา เนื้อในหัวมีสีขาวหรือสีเหลือjงอ่อนอมเขียว เป็นพิษ ลำrrtต้นเหนือดินhrtyukuilioสีเขียวลักษณ;op;op'jtyะกลมมีหนามop'op'เล็กๆjytกระจายไปทั่พลูคาว[/url]และergrtjมีขนนุ่มๆปกคลุtyjม เลื้อยไปtyตามพื้นดินหรือต้นไม้tyjอื่น มีกิ่งออกตรงเถาใบ เป็นใบประกอบ ผลิใบเรียงสลั;io;io;บกัน ผิวใบio;io;io;สากมือ มีขนนุ่มๆปกคลุม ใบกว้าง 3-5 เซนติเมตรo; {และ|และก็|แล้วก็|รtyjtyjawhtyerthjtyytjjyhtetyวมทั้งkjytukยาวราjytวๆ 8-10 ซio;iooi;มgerger. มีjใบย่อย 3 ใบ ใบย่อjyukตukyukjtyioulio;yรงกลางมีtyลัjกkyukษณtyะเป็นรีรูปรี หรือytjytrjkytyjukyukใบรีรูปขอบขนาน ปjtyลjtytyjytjายใบเป็นติ่งแหลtyjม io;io;swhขgwebhtyjytkuอบใบพลูคาวewuilgrrthrthtyjtyjytjtyjเป็นขนเสื้อครุย erคนใบแหลมเป็นgรูปลิ่ม เส้นใบเรียงตามทางยาว 3-5j เส้น ใtyjtyบย่อย 2 ข้าง มีลักษณะเtyป็นyukjใบรูปไข่luuiกลับหรือรูtyjปiluilวuilใจเบี้ยว ปลายใบเป็นtyjติ่งแuiluilหลม ขอบใบเรียบโคนใบมน ใบกลมสั้นกว่าใบกลาง ก้านใบกลางลักefgerwษณะกลมและมีขkyutyjtyjน ก้านใบแก่มีหนามหัวท้ายโป่งน้อยรสและสรรพคุณในแบjtyบเรียนยาราก รสฝาดคัน บดอย่างระมัดรuilะวังtyjtyjผสlมyukกับน้ำมันมะพร้าว ใบยาดูด ใบลำโพงหรือพyukริก ใช้rehtyjทาพอกแผล เพื่อฆ่าหนtyjอนในแผลสัตว์เลี้ยงวlioใต้ดิน รสเบื่อเมา เjyuป็นพิษมาก ถ้าเกิดหั่นเป็tyชิ้นบางๆแล้วแช่ทิ้งไtyjใergtrhrนทางน้ำkuiluyไหล 2-3 วัน ล้างให้สะอาดแล้วtyjtทำให้สุกรับประทานได้ น้ำioloiสุกหัวดื่มแก้น้ำเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ แก้ปวดตามข้อพลูคาว นอกเหนือjจากนี้ยังปรุงเป็นยารับประทานแก้เjป็นเถาเป็นดาน เtyjtyป็นก้อนในท้อง yukถ้าใช้yukkภายนอกโyukดยการหุงเป็นน้ำมันใส่แผลกลัดฝีกลัดหนอง หรือนำไปฝryhjtyนกันเหrthrthล้าytโรงyukทาแก้ต้นไม้jtyมีพิyjษทั้งสิ้นที่ทำให้ioมีลักษณะอาการแตกบวม เป็นต้นว่า ตำแย ก้านการัง qweferyukyukyukตังช้าง หมามุ่ย จะสามารถบรรเiolทlioioาอาการได้ทันerghrthที ออกดอกyukเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเล็กสีเขียghrthว ดอกเพศผู้แล้วก็ดอกเพศภรรยาอยู่ต่างต้นกัน โดยดอกเพศผู้ดอกพลูคาวตั้งมีใบแต่งแต้มhtyjติดอยู่กับฐานลักษณะคล้ายถุง ปลายแหลม ดอกเพศภรรยาเป็นช่อชั้นเดี่ยวผู้เดียวๆดอกชี้ลงgerดินผล รูปเหมือนน้ำเต้าคอชะลูดหรือคล้ายลูกมะเฟือง แต่ละพูมี 1 เม็ด ผิวเนียนสีน้ำผึ้ง มีปีก เมื่อแก่แตกได้เgergerองเม็ด ลักษณะกลมแบน มีปีกบางใสรอบเม็ด

Tags : พูลคาว
18  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ดาวเรือง การปลูกผักแพวผักแพวเป็นพืชที่ชอบดินที่มีความชุ่มชื้น เมื่อ: ตุลาคม 29, 2018, 03:31:34 pm

ดาวเรือง การปลูกผักแพวผักแพวเป็นพืชที่ถูกใจดินที่มีความชุ่มชื้นสูงheh สามารถปลูก รวมทั้งแพร่พันธุ์ด้วยการปักชำลำต้น การขยายเหง้า แล้วก็การโปรยเม็ด แต่ylkที่นิยม'op'จyjะใช้วิธีปักชำต้น ดาวเรืองหรือ แยกเหง้าปrthjลูกegการเตรียมดิน แลentymopหลังบ้านหรือพื้นที่ว่างที่อ'opกจะ'opชื้น การเตรียมดินด้วยการพรวนดิน แล้วก็กำจัดวัชพืชออกให้หมด ต่อไป ค่อยนำลำต้loi;นที่เด็ดได้จา'opกกอหioรือขุดเหง้ามาลงปลูก ระยะห่างลำต้น 5-10 ซม. ถ้าเป็ykulio;ylkulนเหง้าจะใช้เหง้า 3-5 ต้น ปลูกsehop'ytjtลงแปลง ระยะห่างของเหง้าปop'ระมาณ'op 10-15ดาวเรือง ซม.สำ'opหop'รับเพื่อการปลูกด้วยop'opชำลำต้น เกษตรกรจะใช้io;วิธีเร่งให้แ'op'รากก่อน แล้วค่อยนำลงปลูกลงดิน โดยใช้วิธีนำกอผักแพวio;ที่ตัดจากแปaoi;gลงมาแช่น้ำ โดยแช่ลงไปภายในน้ำให้ท่วมลำต้นประมyulาyuณ 2-3 ข้ดาวเรือง[/b]อ ซึ่งแช่'op'ไว้ราว 3 วัน tkyลำต้นจะเริ่มแตกรากสีขาวอrthtyjกบริเวณข้อ ต่อioจากนั้น นำปลูกลงดินได้เรื่องรักylul;o;ษาผักแพวไม่ยุงยากyulyilมากมาย ก็แค่จำต้องคอยรดio;ioน้ำให้เปียกเสมอเพียงแค่นั้น และio;ก็อio;าจให้ปุ๋ยคอกหรื'อปุ๋ยเคมีร่วมด้วย ปุ๋ยเค'opมีที่op'ใช้จะเน้นเรื่'op'pองio;;การบำรุงใ'opบ และก็ลำต้น โดยใช้สูตร 'po24-8-'8 io;หรือใช้ปุ๋ยยูเรียารเก็บผักแพวผักแพวที่ปลูกใหม่จะเริ่มมึงเหง้าที่'opป็นลำต้นใหม่ข้างหลังปลูกราว 1 เดือน และก็สามารถเริ่มเก็บยอ'opดได้ประมาณเดือนที่ 3 ซึ่งการเก็บpoยอดบางทีอาจใช้มีดตัดหรือใช้มือเด็ด ความย'opาวที่เด็ดราว 15-2'po0 เซนติเมตร โดยให้'opเหลือลำต้นไว้jytruilkสำหรับแตกเหง้าใหม่ใบใบผักแพวเป็นuilใบโดดเดี่ยว'po' แตกออกรอบๆข้อของลำต้'opนดาวเรือง โยมีกาบที่ต่อกับก้านใบหุ้มห่อเหio;นือบริเวณข้อ ก้านใบมีหูใpo'opบอีกทั้ง 2 ข้'poาง poแล้วก็'poสั้นราว 0.5-1 ซม. ใบมีลักษณะเรียวยาว โคนใบแคบ กึ่งกลางใบกว้าง และก็ปลายใบแหลม ใบยาวราวๆ 7-10 เซนติเมตร กว้างสุดบริเวณกลางใบราว 1.5-2.5 เ'opซนติเมตร แล้วค่อยเด่นชัด แล้วก็มีเส้นใบแตกย่อ'opยเรียงเยื้องกันออกข้างๆดอกดอกผักแพวออกเป็นช่อรอบๆส่วนยอดของลำต้น ดอกมีขนาดเล็ก ดอกตูมมีสีม่วงแดง ดอกหลังบานใหม่ๆจะมีสีขาวอมม่วง ดอกบานเต็มที่จะมีสีขาว

Tags : ดาวเรือง
19  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ราชพฤกษ์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เมื่อ: ตุลาคม 26, 2018, 05:09:19 am

ราชพฤกษ์[/b] ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์  ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก อายุปีเดียว ลำต้นตั้งชัน แตกกิ่งก้านสาขา สูงราวๆ 20-30 ซม. หรือทอดไปตามดินน้อย แต่ว่าปลายtyชูขึ้tjkuiluiluilน|ยกขึ้yjtyน} ลำต้นกลมอวบui;luน้ำ มีสีเขีtยวม่fgfgjngmyjt;oi;io;ky,iuวงแดงราชพฤกษ์คละเคล้าเข้ม ลำต้นอ่อ/pน มีขนปกคลุมบางส่yukjtyjtyjวน ใบjytyyuเป็นใบลำoiพัง ออกต;io;io;รioงข้ามo;รูปสามเหลี่ยม|สามu;หลี่ยม} รูปไข่ ;io;หtehrtjukyรือรูปใykบหอกปนรูi;oปไข่ ขอบใบio;yukรียบ หรือจะเป็นtykyukฟันเลื่อyukyukแบบหยuilาบๆก้uiluiาyukykใบยาว 1ykt-y2 เซนติเมตร ผิวใบสากมีขน ใบกว้าง 3-luil4 ซม. ยาว 3-6 เซtktuktktkt5rนติykเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอsjytjtkบ ดอกio;ออกเป็นช่อตาyukมซอกใบiukyuko;แล้tkty.,u.kวก็ปลายกิ่ง เuidngt,uoimป็นกลุ่มyukylui.ulสีเหลือukง ลักykษณu.ะuilกลม รูปไluiข่ ปลายแหลมเuiyหมือนdfnggtmymหัวแuiluilหวน ยาว 8 มิลluiลิเมตร ดอกย่luiอยมี 2 วง วงนอกเป็นดอกเพศyuko.เมียlok.i วงในเป็นดอi/กสมบูรณ์lkyก้านดอกเรียวยาว 2.5-1ului5 ซม. ชูตั้งทykyรงกลมราioวกับrjhtrjหัวแหวน ริ้วตกแeต่งu;มี ul2 ชั้ykนl รูปใบหอกปyjนkyuรูปไข่ ยาวราว 6 มิล.ลิเkjtyมkตร ykyukyykkหมด;dstjจด ดอกวงนอกเป็นดอกioวเมีย มี 1 วง กลีบดอกรูปรางน้ำ ดอกวtyงjในyukเป็tyนดอกบริบูjtyjรjtyณ์เพศ กลีบtyjดอrtjtกtjtyyรูปท่ytkuyuอ ปjyulkuiyลายแยกเป็น 4-5 แฉก ผลได้ผลแห้ioyk;งรูปไข่ ยoiาวราว 3 มิลลิเมตร มีสัน 3 สัน ปลายเว้าเป็นแyukeaioอ่งน้ioอย รยางค์มีหนoyukjtyio;าkiuliuม 1-2 อัน พบขึ้นทั่วๆไjtyปในที่ลุ่ม เtykyjปียกyukแฉะ แล้วก็ตามป่าละ;ioเมาlะ luiที่รกร้าง ที่luilราบโล่งแจ้ง ใบใช้เป็นluiผักได้ลักษณะวิสัยใบ  และก็  ดอกดอjyuก{สรรพคุณ|คุณปykระโยชน์ty  แบบเรียนยาไทย  ใช้  ดอก มีรสเผ็ด ชาลิ้น เป็นยาขับน้ำลาย แก้โรคในคuilอ รักษuiาแผลในปากคอ แก้ปวดฟัน(ใช้ดอกตำกับเกลืออมหรือกัดไว้บริเวณที่ปวด หรือใช้ดอกตำผสมกับสุราโรงน้อย ชุบสำลีอุดรูฟันที่ปวด) โรครำมะนาด แก้โรคลิ้นเป็นอัมพาต แก้โรคติดอ่างในเด็ก แก้ปวดศีรษะราชพฤกษ์ ใบ รสชาติหวาน ขม เอียน เบื่อบางส่วน ชาลิ้น ใช้เคี้ยวเป็นยาแก้วปวดฟัน ยาชา แก้พิษตามทวาร แก้ริดสีดวง แก้ซูบผอi;oมเหลือง แก้เด็กตัวร้อน แก้ปวดศรีษะ แก้เลือดเป็นพิษ รักษาแผล ยาผายลมเด็กแก้ท้องอืดเฟ้อ แก้สำรอกของเด็ก แyukyก้อัมพาต ยาi;oายสำtrhรับเด็ก แก้พุพอง แก้แท้งลูkyukก แser;ohtuiyuก้มึน แก้ตาฝ้yuk แuilก้ฝีดาษ ต้นสด ตำผสมเหล้าuil หรือน้ำส้มสายชู อมio;i;แก้ฝีในคอ ต่อมน้ำลาjtrjyujkยอักเสบ แก้ไข้แkkyuyuก้ปวดฟัน  รสเผ็ด ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับลม ช่วยสำหรับในluilการย่อยขอiluiงกินได้ อีกทั้งต้;iouiullน มีรสเอียนukเบื่อนิดหน่อย แก้พิkyuษตานซาง แก้ริดสีดวง แก้ผอมเหลือง แก้เด็กตัวร้อน แก้บิด แก้เลือดไหลตามไรฟันราชพฤกษ์ ทั้งยัluiงต้นชงluiดื่มเป็นยาขับฉี่ แก้หอoi;บไอ ยับยั้งหอบyu แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรั;iง uikแก้ปอดอัuilกเio;สบliuol แก้io;ไอกรน ไขข้ออักเuilสบ ตำพอกแก้พิษปวดบวม แก้งูและสุนัขกัด อีกทั้งต้นตำผสมสุราyuk ชุบkyukyulil;uo;iสำลีอม แก้ฝีในคอ แก้คออักเสบ แก้ต่อมทอio;นซิลอักเสบ แก้io;io;yukนคอ ผสมขมิ้นอ้อย รวมทั้luiงเกulลือสะตุๆราชพฤกษ์ กวาดคอเด็io;กแก้ตัวร้อน แก้ตับอักเสบ แก้ดีio;ซ่าน ทั้งต้นต้มดื่ม แก้ปวดท้องjykหลังjuilktคลอด แก้rthชอกช้ำข้างใl;uiluiนอก ปวดสีข้าง เป็นยาชrthาเฉพาะที่ ทั้งยังต้นehตำพอก แก้พิ'opyuk'o'opษปวดบวม มีฤทธิ์ฆ่tkrthyukuตัวอ่อrthนยุง ใช้เบื่อปลา  rrhtน้ำต้มราก รสเหuilม็นเบื่อ เบื่อน้อย เป็นยาถ่าio;ย ใช้เป็นยาอมบ้วนปioาก ykแก้อาการอักเสบในช่องปาก 'แก้อาการอักเสบ แล้วก็rthจ็บคอ  เป็jrtนยาระบาย ขับฉี่ แก้ปวykศีรษะ แก้คัน ราก ใช้บดแก้ปวดฟัน ผลyk ปรุงเป็นยาแก้ร้อนใyukน เม็ด เคี้ยวแก้ปากแห้ง เป็นยาขับน้ำลาย
20  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / งานวิจัยแพทย์ ถั่งเช่าเพิ่มพลังทางเพศ ถึงจุดสุดยอดแบบสุดๆ เมื่อ: กันยายน 13, 2018, 05:51:50 am

งานศึกษาเรียนรู้แพทย์ ถั่งเช่าเพิ่มพลังทางเพศ ถึงจุดสูงสุดแบบสุดๆ
 พ.ค. 12, 2016  kungtep
การค้นคว้าวิจัยหมอ เพศหญิงฮอร์โมนเพศเสื่อม เพิ่มฮอร์โมนเพศ ใช้ถั่งเช่าทิเบต เพิ่มพลังทางเพศ เพิ่มน้ำหล่อลื่นในช่องคลอด ถึงจุดสุดยอดแบบสุดๆความกำหนัดรวมทั้งสิ่งที่จำเป็นทางเพศเยอะขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีสาววัยทอง
ถั่งเช่าเพิ่มฮอร์โมนเพศ มีการตรวจพบว่า ในบรรดาผู้หญิงร้อยอีกทั้งร้อย จะมีเพียงแค่30% เพียงแค่นั้นที่ถึงจุดสูงสุดสำหรับการมีเซ็กส์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุว่า ความรู้สึกทางเพศน้อย ฮอร์โมนเพศลด เป็นต้นว่าหญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน อีกส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นเนื่องจากไม่กล้าวิ่งเข้าชน แต่จะรอให้คู่ของเธอเป็นฝ่ายรุกสิ่งเดียว ความจริงแล้ว เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องที่เหนียมอาย การร่วมเพศไม่มีความจำเป็นต้องให้ชายเป็นฝ่ายควบคุม สตรีต้องมีเซ็กส์อย่างมีความสุขแบบถึงจุดสุดยอด เพราะมันให้ผลดีต่อสถาพทางร่างกาย
การถึงจุดสุดยอด ช่วยทำให้หายเครียด ลดอาการปวดหัวได้ แล้วก็เชื่อมั๊ยจ้ะว่าสตรีก็หลั่งได้ สำหรับในการถึงจุดไคลแมกซ์ของหญิงมีสองแบบ ถ้าปกติหน่อยก็จะเหมือนธรรมดา คือกล้ามเนื้อเกร็ง ตอดรัด ช่องคลอดกระตุก แต่ว่าถ้าหากได้รับการกระตุ้นอารมณ์ หรือมีอารมณ์ทางเพศมาก ก็จะเป็นแบบที่สอง เป็นหลั่งน้ำออกมาจากช่องคลอด ซึ่งไม่ใช่น้ำหล่อลื่นปกติครับ ภาษาบ้านๆเรียกว่าน้ำรัก อย่างงี้ล่ะที่เรียกว่าจุดสูงสุดแบบสุดๆหายไข้หายปวดศีรษะกันเลยทีเดียว

ถั่งเช่าธรรมชาติ บำรุงร่างกายฟิตปั๋ง ถั่งเช่าทิเบตธรรมชาติ บำรุงร่างกายฟิตเปรี๊ยะ
หากต้องการร่วมเพศ อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน จะต้องบำรุงฮอร์โมนเพศ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ยิ่งควรกินถั่งเช่าหญ้าหนอนสีทองทิเบต มีสารช่วยทำให้ฮอร์โมนเพศ บำรุงโลหิต สร้างเสริมระบบการไหลเวียนเลือด
งานค้นคว้าวิจัยถั่งเช่าทิเบ[/b]ทิเบต ถั่งเช่าสีทองคำ มีสรรพคุณเรื่องเพิ่มฮอร์โมนเพศ เพิ่มพลังทางเพศผู้หญิงและเพศชาย จนกระทั่งฝรั่งต่างชาติจำต้องเห็นด้วย ดังเช่นว่า
ข้อควรตรึกตรองการกินถั่งเช่า ของ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขาดฮอร์โมน ควรรับประทาน แม้กระนั้นจะได้ผลดีแค่ไหน ขอเสนอแนะว่า สมุนไพรทุกประเภทจะได้ผลดีเมื่อคนรับประทาน มีการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะควร ไม่ใช่ว่าพอใช้ถั่งเช่าทิเบตแล้วทานอาหารไม่เลือก ทานแต่ของมันๆของว่าง นั่งๆนอนๆหรือเที่ยวกระทั่งหามรุ่งหามค่ำ แบบนี้เสียเวลาเปล่าๆ
เพิ่มพลังทางเพศ ต้องเลือกอาหารดีมีคุณประโยชน์ เน้นผักผลไม้ ยืนขึ้นมาบริหารร่างกาย ออกแรงให้ได้เหงื่อ เลือดลมจะไหลเวียนสบาย ขับพิษออกมาจากร่างกาย นอนให้ทันเวลา พักให้เต็มที่ ทำได้อย่างนี้เห็นผลในเวลาไม่ถึงเดือน สามีจะประหลาดใจว่า ลีลาของเมียเปลี่ยนไป แถมยังผ่องใสมีน้ำมีนวล บอกเขาไม่ต้องงงงัน ซื้อถั่งเช่าให้สามีทานด้วย แจ้งชัดเลย
ถั่งเช่าบำรุงฮอร์โมน บำรุงร่างกาย
[url=https://kungtep.com/]ถั่งเช่า
คุณประโยชน์ดีจะต้องบอกต่อ ข้อสำคัญคือเวลาซื้อ อย่าไปหลงเชื่อคำชวนเชื่ออย่างเดียว ไอ้ที่ไม่ไม่ได้เรื่องก็มีจ้ะ เนื่องจากเป็นถั่งเช่าสังเคราะห์ แต่ถ้าถามคำถามว่า “รับประทานถั่งเช่ายี่ห้อไหนดีล่ะ” ฉันว่าทุกแบรนด์ดีหมดแหละค๊ะ ขอให้เป็นถั่งเช่าทิเบตจากธรรมชาติหรือถั่งเช่าเพาะเลี้ยง ใช้ได้หมดขอรับ มีให้เลือกมากหลายยี่ห้อ เรียนรายละเอียดอื่นๆของแต่ละตราสินค้าเอาเองค๊า..
หากไม่สะดวกสำหรับในการค้นหาซื้อถั่งเช่า สำหรับรับประทาน ฉันชี้แนะถั่งเช่าโรงงานแม่คำป้อ ซึ่งผลิตสดใหม่ ถูกหลักอนามัยตามมาตรฐานGMPรวมทั้ง (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)หรือขอความเห็นทางพวกเราได้ คณะทำงานเชียงดาว เนพบร์ฟูด มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสุขภาพพร้อมให้คำแนะนำ ข้อมูลอื่นๆถั่งเช่า

Tags : ถั่งเช่า,ถั่งเช่าทิเบต
21  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สรรพคุณดีๆ ถั่งเช่า ช่วยซ่อมแซมบำรุงร่างกาย เมื่อ: กันยายน 12, 2018, 11:13:12 pm

คุณประโยชน์ดีๆถั่งเช่า ช่วยซ่อมบำรุงร่างกาย
 พ.ค. 14, 2017  kungtep
หญิงแล้วก็ผู้ชาย ต้องการบำรุงร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงทุกสัดส่วน เสนอแนะให้กินถั่งเช่า ซึ่งจะช่วยทำให้นอนสบาย ฮอร์โมนเพศจะมากขึ้น ร่างกายจะปึ๋งปั๋ขี้ตระหนี่ลับมาเหมือนเดิม
คุ้มครองไม่ให้ร่างกายย่ำแย่ คุณต้องหาอาหารที่มีคุณค่ามากิน อย่ากินเมื่อร่างกายคุณมีปัญหา เนื่องจากว่ารับประทานไปแล้วบางคนถั่งเช่าทิเบต[/b]อาจไม่เห็นผลฉับพลัน ด้วยเหตุนั้นก่อนที่จะสุขภาพของคุณจะทรุดโทรม ให้รีบหาวิธีคุ้มครองปกป้องโดยไว แต่ว่าถ้าเกิดยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ผมแนะนำให้ไปพบ ถั่งเช่ามากินครับ

ถั่งเช่าดีเช่นไร เพราะเหตุใดจะต้องกิน ถั่งเช่าหรือต้นหญ้าหนอนสีทอง จะมีลักษณะต้นคล้ายตัวหนอน ถ้าหากคนจีนหรือคนทิเบตจะเรียกว่า “ต้นหญ้าหนอน” เพราะลำต้นเสมือนหนอน คนจีนนิยมรับประทานมานานหลายร้อยปี ซึ่งปัจจุบันชาวจีนผลิตส่งออกขายทั่วทั้งโลก
คุณประโยชน์ของถั่งเช่า จากรายงานการวิจัย ดังเช่น เพิ่มฮอร์โมนให้กับร่างกายทั้งชายรวมทั้งหญิง ช่วยซ่อมบำรุงเซลล์ต่างๆภายในร่างกายที่สึกหรอถั่งเช่า ช่วยทำให้นอนหลับสนิท ไม่ทำให้อ่อนแรงง่ายเมื่อทำงานมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำงานมาก พักผ่อนไม่พอ คนที่ถูกใจกามมารมณ์ กลุ่มคนพวกนี้จำเป็นต้องรับประทาน เนื่องจากว่าถั่งเช่าทิเบต จะช่วยป้องกันไม่ให้สุขภาพของคุณเสื่อมโทรมและก็ฮอร์โมนเพศหมดหายไปเร็วก่อน
22  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ผู้ชาย แข็งแรง บึกบึน อึด ทน นาน เมื่อ: กันยายน 12, 2018, 08:18:03 pm

ผู้ชาย แข็งแรง บึกบึน อึด ทน นาน
 มกราคม 10, 2018  kungtep
[url=https://kungtep.com/]ถั่งเช่า[/url] เพศชาย เป็นเพศที่มร่างกายใหญ่และก็แข็งแรงกว่าหญิง สิ่งที่เพศชายอยากมากมายเป็น ร่างกายที่แข็งแรงใหญ่โต ดูมีพลังกำลัง บึกบึน สมความเป็นผู้ชาย จะเป็นที่พึงพอใจของสาวๆและถ้าหากยิ่งมีความแข็ง อึด ทน นาน เมื่อร่วมเพศถั่งเช่าทิเบต [/b]ถือว่ายอดเยี่ยมความเป็นผู้ชาย อันนี้เป็นความปราถนาสูงสุดของเพศชายและเป็นที่ชอบใจของเพศหญิง
ถ้าเกิดอยากได้ความอึด แข็ง ทน นาน คลิกดูเคล็ดที่ไม่ลับ
23  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2018, 01:41:33 pm
[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
เสลดพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาข้อทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
รูปแบบของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราว 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะสะอาด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายชนิดในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบแล้วก็โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร รวมทั้งยาวประมาณ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราว 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในช่วงประมาณตุลาคมถึงม.ค. (แต่ชอบไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลสำเร็จแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราวๆ 0.5 ซม. ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดประมาณ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภทหมายถึงเสมหะพังพอนเพศผู้ รวมทั้งเสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะไม่เหมือนกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงหลายๆตำราเรียนก็เลยนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทอง” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และก็หนังสือเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากและเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากรวมทั้งเปลือกต้น)
ทั้งต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวคนป่วยราวๆ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้รวมทั้งลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวประมาณ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 10-15 ใบ ตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็อาการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นแล้วก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับฉี่ ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคตับเหลือง (ต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการดีขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5 ใบ เอามาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดนำมาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า4 ส่วนอีกหนังสือเรียนกล่าวว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยด้วยเหตุว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบประมาณ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอเพียงเปียก แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและก็เม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาตำผสมกับเกลือและก็เหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าแล้วก็เย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นและก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ดังเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วจึงนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลกล่าวว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำเล็กน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
[/b]
คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนสุนัข แล้วก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการกางใบเสลดพังพอนตัวเมียสดราว 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนกระทั่งเหลือเกิน) แล้วนำมาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกวิธีให้จัดเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. นำมาปั่นอย่างถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งเอาไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ความจุลดน้อยลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับเหล้า แล้วประยุกต์ใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนลานไฟให้ร้อน แล้วเอามากดเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับสุรา เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกหัด เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งยังกินและก็ทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปบางส่วน) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยล้าเพราะเหตุว่าเย็นชื้น (ทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าบั้นท้าย (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรตรึกตรองพญายอ
: แม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แต่ว่าในขณะนี้แนวทางนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้กากติดแผล และก็อาจส่งผลให้ติดโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides เป็นต้นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 โล มีประสิทธิภาพต้านทานการอักเสบเจริญ
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก.ต่อกิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะซิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่มีความต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่ก่อให้เกิดการอักเสบแล้วก็เคือง ในขณะที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสมหะพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่นำไปสู่เริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนไข้สุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน จะมีเยอะมากกว่ากรุ๊ปหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และก็ระดับความเจ็บจะต่ำลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลกระทบอะไรก็ตาม9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษนิดหน่อย แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกก.) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการเป็นพิษใดๆก็ตาม
จากการเรียนรู้พิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และก็ 540 มิลลิกรัมต่อกก. ให้หนูแรททุกวี่ทุกวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แม้กระนั้นอ http://www.disthai.com/[/b]
24  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ที่น่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 18, 2018, 03:28:31 pm
[/b]
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ[/size][/b]
ชื่อตระกูล : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อพื้นเมืองอื่น : แก้มแพทย์, แก้มหมอเล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงราวๆ 30-100 ซม. ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง แล้วก็มีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบคนเดียว ออกตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเว้าหรือเรียบ และมีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งชันที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบดอก มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบสีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวพอๆกับกลีบรองกลีบ แต่ว่ากลีบด้านล่างแผ่กว้างและก็โค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเมล็ดภายใน 4 เม็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้กลางแจ้ง มีอยู่ทั่วไปในป่าชายเลน ดังที่ลุ่มริมแม่น้ำลำคลอง โดยมากถูกใจขึ้นในที่น้ำกร่อย บางทีก็พบในน้ำจืดบ้างเช่นเดียวกัน
การปลูกและแพร่พันธุ์
เติบโตได้ดิบได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ความชุ่มชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
ผลดีทางยา
รสรวมทั้งสรรพคุณในตำราเรียนยา
ต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผดผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมรวมทั้งแผลอักเสบ แก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ ท้องอืดท้องเฟ้อ หมอแผนไทยตามชนบทใช้ทั้ง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษรอยดำได้ดิบได้ดี แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายขโมยรมหัวริดสีดวงทวาร โขลกใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับโลหิตอย่างแรง แล้วก็แก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศอินเดีย ใช้ยอดแล้วก็ใบอ่อนโขลกผสมน้ำน้อยปิดแผลที่ถูกงูกัด ทั้งยังต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมรวมทั้งแก้ไอ รวมทั้งนำมาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยารักษาธาตุพิการ
ในประเทศสิงคโปร์ ใช้เม็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเม็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเติมเปลือกอบเชย แล้วก็น้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เม็ดบดเป็นผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มกินเป็นยาขับโลหิต รวมทั้งแก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
วิธีและปริมาณที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้ทั้งต้นรวมทั้งใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วก็ใช้น้ำอาบ เช้า-เย็น เป็นเวลา 1 อาทิตย์
ข้อควรจะรู้
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท เป็น
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองกึ่งกลางกลีบ มีใบประดับสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เป็นประจำไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวออกจะเล็ก มีใบประดับประดารองรับช่อดอก แต่ว่าร่วงหลุดไปก่อน
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าถ้าหากกินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะก่อให้สติปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ชนิด หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้จักอ่อนเพลีย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยให้เลือดลมปกติ (อีกทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการผอมแห้งแรงน้อยเหลืองทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงกินแต่ละวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนถึงงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นๆจนกระทั่งหมด อาการก็จะดียิ่งขึ้น (ทั้งยังต้น)
ช่วยยับยั้งโรคมะเร็ง ต้านโรคมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นรวมทั้งอาหารมื้อเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในรูปร่างที่เสมอกัน เอามาต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดแล้วนำมาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว เช้า ตอนกลางวัน เย็น อาการจะ (ทั้งต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้และทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ต้นแล้วก็รากนำมาต้มอาบแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสลด (ราก)
หากเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำให้รอบคอบเป็นผุยผงแล้วนำมาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นและพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นนำมาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งยังต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนรวมทั้งพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ผล, ทั้งยังต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งยังต้น)
ต้น[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/url]มีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับผู้ป่วยโรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าเกิดใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยากินติดต่อกันประมาณ 3 เดือนจะช่วยให้อาการของแผลพุพองทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประดง รักษากลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำเอาแต่น้ำกิน (ต้น)
ช่วยแก้ผื่นผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดราวๆ 3-4 กำมือ นำมาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันต่อเนื่องกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดเอามาต้มเอาแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภทอีกทั้งด้านในข้างนอก ด้วยการใช้ต้นแล้วก็ใบสดรวมทั้งแห้งประมาณ 1 กำมือ นำมาบดให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือวิธีลำดับที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนกินอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราว 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดเอามาคั่วให้เกรียมแล้วป่นอย่างถี่ถ้วน ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำให้รอบคอบ สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกหมดทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ต้น)
ต้น ถ้าหากนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้อาการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับแต่งข้ออักเสบและแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรักษารากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วหัว จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
25  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างน่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 17, 2018, 06:39:48 pm
[/b]
เหงือกปลาหม[/size][/b]
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในแบบเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อ[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลา
หมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
สมุนไพร เหงือกปลาหมอเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางสูงราว 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นแล้วก็ใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งแล้วก็มีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกจะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถพบได้บ่อยตามชายน้ำ ริมฝั่งคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แม้กระนั้นเมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นอีกทั้งยากินแล้วก็ต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดน้อยลงลงอย่างชัดเจน สำหรับคนป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาและวิธีใช้ยาก็มีหลายแนวทางเป็น
แนวทางต้มยารับประทานและก็อาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่จะกินอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ว่าถ้าหากมีเหงือกปลาหมอเป็นจำนวนมาก อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. ผู้ใหญ่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งก็อาจจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร ตอนเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยกระทั่งจะหาย แต่ว่าถ้าเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องก็ต้องกินตลอดกาล
[/b]
แนวทางการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาแพทย์ที่ผ่านการบินร่อนเป็นผงละเอียดราวกับแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มก. ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะรับประทานอาหาร เด็กลดลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ แล้วก็ใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลากหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำรักษาวัณโรค อาการซูบซีด หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้สรรพคุณทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-ต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษโรคฝีดาษ ฝีทั้งสิ้น ผลกินเป็นยาขับเลือดเมนส์ นอกนั้น ถ้าหากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- ทั้งยังต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะ
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ไม่สบายจับสั่น
- ทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบซีดเหลืองทั้งตัว กินทุกวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดให้งวดจึงยกลง อั้นลมหายใจรับประทานขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนตลอดตัว วิงเวียน ตามัว เจ็บระบมทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาแพทย์" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ อาหารมื้อเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามอยากได้ ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา ยามเช้า กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และก็ต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกวี่ทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกประเภทหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 จำพวก หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงเพราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งผองที่บอกเป็นตำรายาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกเหยียดหยาม ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
26  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ราชพฤกษ์เป็นสมุนไพรที่นำมารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 08:54:55 am
[/b]
ชื่อสกุล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อพื้นเมืองอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/color] (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
ประเภทนี้หนังสือเรียนข้างหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแต่ระดับชนิดย่อยหมายถึงCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชประเภทนี้เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นมาจากกิ่งแก่ที่ร่วงหล่นไป แม้กระนั้นเมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ปุ่มป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ ซม. ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๒-๕ ซม. ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่แล้วก็แข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยเปลี่ยนเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ ซม.ราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบดอกรูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกไม้เป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนปกคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ สะอาด ไม่มีขน ไม่แตก มีเม็ดเยอะมากๆ รวมทั้งรูปแบนเกือบจะกลม สีน้ำตาลเป็นมัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ หมดจด สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราวๆ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ มีดอกแบบสมมาตรข้างๆ มีกลีบดอก 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกไม้เหนือสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมหวนอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ รวมทั้งมีเปลือกแข็ง ภายในมีผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องรวมทั้งมีเม็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เม็ด มีเนื้อห่อนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนแล้วก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วๆไป มีมากทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับรวมทั้งปลูกข้างถนนเพื่อความสวยสดงดงาม
การปลูกแล้วก็แพร่พันธุ์
ปลูกง่ายและเจริญเติบโตได้ในดินดูเหมือนจะทุกจำพวก แม้กระนั้นจะชอบดินร่วนผสมทราย เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้วก็ตอนกิ่ง
[/b]
คุณประโยชน์ทางยา
รสรวมทั้งคุณประโยชน์ในตำรายา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย ทำลายเชื้อโรคกุฏฐัง แก้ขี้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักศีรษะ
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้มาลาเรียแล้วก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้มาลาเรียรวมทั้งเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องเสีย แล้วก็ช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องร่วง
กระพี้ รสเมา ใช้แก้รำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเบื่อ ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ฟอกหรือจ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อรวมทั้งขัดข้อ
เปลือกฝัก รสเฝื่อนฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับรกที่ค้าง แล้วก็ทำให้อาเจียน
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งหมด ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนบริเวณใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำกินแก้โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เอ็นพิการ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะ เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในลำไส้ ระบายท้อง
เมล็ด ช่วยกระตุ้นให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางและก็ปริมาณที่ใช้
แก้ท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักโดยประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือนิดหน่อย ดื่มก่อนนอนหรือรุ่งเช้าก่อนที่จะรับประทานอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกเสมอๆ แล้วก็สตรีตั้งครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักราวๆ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดรวมทั้งเหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/[/b]
27  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 08:58:03 am
[/b]
ตะไคร[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
เป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบทวีปเอเชียเขตร้อน มีลักษณะเหมือนหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะบุคคล นอกเหนือจากประยุกต์ใช้ทำครัว แต่งกลิ่นในของกิน รวมทั้งทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกใช้ประโยชน์ในหลากสาขา ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องแต่งตัว การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเห็นว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ บางทีอาจสามารถช่วยปกป้องการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ทุเลาลักษณะของการปวดแล้วก็ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในระหว่างมีเมนส์ และก็เป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านและเอามาทำอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์และช่วยบรรเทาอาการของโรคบางชนิดได้ แม้กระนั้นหารู้หรือเปล่าว่าจริงๆแล้ว ภายใต้ต้นแข็งๆและใบที่คมของตะไคร้ยังซ่อนคุณค่าเอาไว้มากมายจนถึงไม่คาดฝัน วันนี้พวกเราไปดูคุณประโยชน์ซึ่งมาจากตะไคร้ที่ทราบดีแล้วจำเป็นต้องอัศจรรย์ใจที่นำมาจากเว็บ allwomenstalk กันเลยดีกว่าจ้ะ คนไหนกันแน่ที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน ต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรจำพวกนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
คุณประโยชน์ของตะไคร้ คุณประโยชน์ดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่าคิดว่าตะไคร้มีคุณประโยชน์เพียงแค่ใช้ประกอบอาหารเพียงแค่นั้น ด้วยเหตุว่าที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งธาตุมาก วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินบี ยิ่งไปกว่านี้ยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินเยอะแยะขนาดนี้ครั้งต่อไปพบตะไคร้ในของกินก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกเหนือจากที่จะนำมาทำอาหารแล้ว ตะไคร้ยังเป็นประโยชน์สำหรับการไล่แมลงอีกด้วย ด้วยเหตุว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ในใบและในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยพวกนี้มีคุณลักษณะสำหรับในการไล่แมลงได้อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ ผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้วางจำหน่ายอยู่ในตลาดเยอะแยะ คนใดที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ลองหามาใช้ได้นะคะ
[/b]
ล้างสารพิษ
          สำหรับคนที่รักสุขภาพแล้วก็ถูกใจล้างพิษในร่างกายเป็นประจำไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยจ้ะ เนื่องจากว่ามันมีคุณสมบัติสำหรับการล้างสารพิษในร่างกายด้วยกระบวนการทำให้คุณเยี่ยวหลายครั้งขึ้น เพราะเหตุว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยชำระล้างระบบที่ทำการย่อยอาหาร ดังเช่นว่า ตับ ตับอ่อน ไต รวมทั้งกระเพาะปัสสาวะ ขับพิษรวมทั้งกรดยูริกออกมาจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น รวมทั้งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้นจ้ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยในการย่อยของกิน
          ตะไคร[/b]ช่วยทำให้ระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารดำเนินการได้ดิบได้ดีขึ้นค่ะ ด้วยเหตุว่ามีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มเกิดไคร้จะช่วยย่อย ลดลักษณะของการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในไส้ และท้องเดินได้ นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันรวมทั้งลดก๊าซในไส้ได้อีกด้วย
ช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมและก็บำรุงระบบประสาท
          มีการศึกษาจำนวนไม่น้อยพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างง่ายๆด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะมีผลให้กล้ามของคุณบรรเทามากและลดอาการตะคริวได้ แต่ว่าก็อย่าลืมว่าเมื่อใดก็ตามจะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกบรรเทารวมทั้งบรรเทาลักษณะของการปวดต่างๆได้ นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดต่างๆดังเช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ฉะนั้นถ้าคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทดลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดมองนะคะรับรองว่าหายแน่ๆ
ช่วยบำรุงรักษาผิว
          [url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเหตุนั้นมันก็เลยสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณแผ่รัศมีความมีร่างกายแข็งแรงออกมา แถมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เป็นประจำ และก็ช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งสิ้น ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กก. และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษกระทันหันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเรียนรู้ของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาสิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม และก็ ขี้เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร http://www.disthai.com/[/color]
28  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / มะขามที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถนำมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 11:36:45 am
[/b]
มะขา[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร มะขาม
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ขาม (ภาคใต้) , ม่องโคล้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) , ตะลูบคลำ (วัวราช) หมากแกง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) , อำเปียล (เขมร-จังหวัดสุรินทร์) , ส่าหม่อเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ซึงกัก , ทงฮ้วยเฮียง (จีน)
ชื่อสามัญ  tamarind
ชื่อวิทยาศาสตร์  Tamarindus indica Linn.
สกุล  Fabaceae
บ้านเกิดเมืองนอน เชื่อกันว่ามะขามมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา แถบประเทศซูตานในตอนนี้ แล้วหลังจากนั้นมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ได้นำมะขามมาปลูกเอาไว้ภายในแถบอินเดีย รวมทั้งในประเทศแถเขตร้อนของเอเชียและก็ประเทศแถบลาตินอเมริกา แม้จะมีหลักฐานว่ามะขามมีบ้านเกิดดั้งเดิมอยู่ในทวีปแอฟริกา แม้กระนั้นสำหรับในประเทศไทมะขาม
ก็เข้ามา และมีชื่อเสียงดีเยี่ยมว่า 700 ปีแล้ว ดังปรากฏใจความในแผ่นจารึกหลักที่ 1 ยุคบิดาขุนรามคำแหง ที่เอ๋ยถึงมะขามอยู่หลายที่ ตัวอย่างเช่น ตอนหนึ่งว่า “หมากขามก็หลายในเมืองนี้คนใดกันสร้างได้ไว้แก่มัน” ฯลฯ  จากหลักฐานดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็เลยอาจจะกล่าวว่า มะขามเป็นพืชที่มีการกระจัดกระจายประเภทเข้ามาสู่เมืองไทยกว่า 700 ปีมาแล้ว  ยิ่งกว่านั้นมะขามยังเป็นพืชพันธุ์ไม้พระราชทางและก็ฯลฯไม้ประจำจังหวัดจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย
ทั้งนี้มะขามฯลฯไม้แข็งแรงแข็งแรง และฯลฯไม้ที่มีอายุยืนยาวมากมายชนิดหนึ่ง ในประเทศศรีลังกามีรายงานว่าพบมะขามที่มีอายุมากยิ่งกว่า 200 ปี ส่วนในประเทศไทย เจอมะขามยักษ์ที่วัดแค อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีขนาดลำต้น 6-7 คนโอบ เชื่อว่าแก่กว่า 300 ปี โดยวัดแคนี้มีปรากฏชื่อในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนเณรแก้วเรียนวิชากับคุณครูคงเจ้าวัดวัดแค ว่า
“ทั้งยังพิชัยสงครามล้วนความรู้บางทีอาจจะปราบศัตรูไม่สู้ได้
      ฤกษ์พานาทีทุกอย่างไปทั้งยังเสกใบมะขามเหนือชั้นกว่าแตน”
มีชาวสุพรรณฯ เยอะๆเชื่อว่า มะขามยักษ์ที่วัดแคในปัจจุบัน เป็นมะขามต้นเดียวกันกับต้นที่เณรแก้วฝึกหัดเสกใบมะขามดีกว่าแตนในครั้งนั้น
ลักษณะทั่วไป  มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงใหญ่ สูง 6-20 เมตร เปลือกต้นสีเทา ดำ มีริ้วรอยมากมาย แตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่มีหนาม ใบเป็นใบประกอบ ปลายเป็นใบคู่ ใบยาว 8-11 ซ.มัธยม มีใบย่อย 14-40 ใบ ใบย่อยลักษณะใบยาวปลายมนกลม ยาว 1-2,4 เซลเซียสมัธยม กว้าง 4.5-9 มัธยมม. ปลายใบมน หรือบางเวลาก็เว้าเข้าเล็กน้อย ฐานใบอีกทั้ง 2 ข้างเว้าเข้าไม่เท่ากัน ตัวใบเรียบไม่มีขน ดอกออกที่ปลายก้านหรือจากซอกใบ เป็นช่อบานจากโคนไปปลาย ดอกมีกลีบหุ้มห่อดอกอ่อน 1 กลีบ สีแดง ขอบมีขนสั้นสีขาว เมื่อดอกบานจะหลุดตกไปกลีบเลี้ยงไปกลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ สีเหลืองปลายกลีบแหลมมีสีแดงอ่อนๆกลีบดอกมี 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน สีเหลืองมีลายเส้นกลีบสีแดงเข้ม ริมกลีบดอกไม้มีรอยย่นๆกลีบดอก 2 กลีบข้างล่างจะฝ่อ เล็กหายไป มีเกสรตัวผู้ 3 อัน ก้านเกสรชิดกันจากศูนย์กลางลงมา รังไข่มี 1 อัน เป็นฝักยาว ส่วนปลาย เป็นก้านเกสรตัวเมีย มีเม็ดมากมาย ฝักทรงกระบอก แบนบางส่วน ยาว 3-14 เซลเซียสมัธยม กว้าง 2 ซ.มัธยม เปลือกนอกสีเทา ข้างในมีเมล็ด 3-10 เมล็ด เม็ดมีผิวนอก สีน้ำตาลปนแดงเรียบวาว มีดอกในช่วงพฤษภาคมเป็นต้นไป ฝักแก่ในราวธันวาคม
การขยายพันธุ์  โดยธรรมดา มะขามสามารถแพร่พันธุ์จะได้ด้วยเม็ด แต่ปัจจุบัน มะขามเริ่มมีการปลูกเพื่อการค้ามากขึ้นเรื่อยๆ จึงนิยมนำมาปลูกจากต้นประเภทที่ได้จากการทำหมัน แล้วก็การเสียบยอดเป็นหลัก เพราะสามารถให้ผลผลิตได้เร็วเพียงแต่ไม่ถึงปีข้างหลังการปลูก ทั้ง ต้นที่ปลูกด้วยวิธีการแบบนี้จะมีลำต้นไม่สูงเหมือนการเพาะเม็ด ทำให้ไม่ยุ่งยากต่อการจัดการ และก็การเก็บผลผลิตซึ่งการปลูกขั้นตอนต่างๆดังนี้

  • การเตรียมแปลง จัดแจงแปลงด้วยการไถกลบหน้าดิน แล้วตากดิน และต้นหญ้าให้ตายก่อน 1 ครั้ง ระยะตากดินนาน 7-14 วัน จากนั้น ค่อยไถกลบอีกรอบ แล้วตากดินทิ้งเอาไว้อีก 5-7 วัน ก่อนที่จะทำการขุดหลุมปลูกลงในระยะ 8 x 8 เมตร หรือ 10 x 10 เมตร ขนาดหลุมลึก 50 ซม. กว้างยาว 50 ซม.
  • การปลูก ใช้ต้นประเภทที่ได้จากการทำหมัน หรือการเพาะเมล็ด ควรจะเลือกขนาดต้นพันธุ์ที่สูงประมาณ 0.5-1 เมตร ก่อนปลูกให้โรยตูดหลุมด้วยปุ๋ยมูลสัตว์หรือปุ๋ยธรรมชาติหรือวัสดุทางการเกษตรอื่นๆร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตราที่หลุมละ 1 กำมือ แล้วโกยดินลงคลุกผสมให้หลุมตื้นขึ้นมาเหลือเกิน 25-30 ซม. ก่อนนำต้นพันธุ์ลงปลูก พร้อมกลบดิน และรดน้ำให้เปียกแฉะ จากนั้น ให้นำฟางข้าวมาวางปกคลุมรอบโคนต้น
  • การดูแล การให้น้ำ หลังจากการปลูกแล้วจะทำให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นในระยะเริ่มต้นเพื่อต้นตั้งตัวได้ โดยควรให้น้ำในทุกๆ3-5 วัน/ครั้ง ต่อไป ค่อยให้ลดน้อยลงมาเหลือ 3-4 ครั้ง/เดือน ทั้งนี้ บางทีอาจไม่ให้น้ำเลยแม้เป็นตอนฤดูฝนไม่ต้อง

การใส่ปุ๋ย ให้ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในตอนนี้ตราบจนกระทั่งต้นจะเติบโตพร้อมให้ผล ซึ่งตอนนั้นจึงเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 12-12-24 ร่วม เพื่อรีบผลผลิต ความถี่การใส่ปุ๋ยโดยประมาณ ปีละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ ควรจะให้ปุ๋ยคอกโรยรอบโคนต้นด้วยทุกหนภายหลังจากการปลูกแล้วโดยประมาณเข้าปีที่ 2 หรือปีที่ 3 จึงให้เริ่มติดผลได้
                ยิ่งกว่านั้นมะขามยังสามารถปลูกได้ในประเทศแถบร้อนชื้น ตัวอย่างเช่น ประเทศในแถบอเมริกากึ่งกลาง เอเซียอาคเนย์ แล้วก็อาฟริกา  ก็เลยถือว่ามะขามไม้ผลที่มีค่าทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคโดยยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยแล้วก็ประเทศอินเดียที่เป็นแหล่งปลูกมะขามขนาดใหญ่ซึ่งมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับมะขามเยอะมาก
ส่วนประกอบทางเคมี
จากข้อมูลเบื้องต้นเมล็ดมะขามประกอบด้วยอัลบูมินอยด์ (albuminoids)  โดยที่มีจำนวนไขมัน 14 -20%, คาร์โบไฮเดรต 59 – 60 %,น้ำมันที่ถูกทำให้แห้งบางส่วน  (semi-drying fixed oil) 3.9 – 20 %,น้ำตาลรีดิวซ์  (reducing sugar) 2.8%, สารที่มีลักษณะเป็นมูก  (mucilaginous material) 60% ได้แก่ โพลีโอส (polyose) ซึ่ง       Tannin : Wikipedia
ใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เมื่อพินิจพิจารณามององค์ประกอบสำคัญๆพบว่าเปลือกเม็ดมะขามประกอบไปด้วยโปรตีน 9.1% รวมทั้งไฟเบอร์ 11.3% โดยที่เมล็ดมะขามมีโปรตีน 13 % ลิปิด 7.1 % เถ้าถ่าน 4.2% แล้วก็คาร์โบไฮเดรต 61.7%
โปรตีนหลักที่เจอในเม็ดมะขามคืออัลบูมิน (albumins) และก็โกลบูลิน  (globulins) โปรตีนจากเมล็ดมะขามประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบหมายถึงซิสเทอีนแล้วก็เมทไธโอนีน อยู่มากถึง 4.02% เมื่อเทียบกับมาตรฐาน FAO/WHO (1991) ซึ่งตั้งค่าไว้พอๆกับ 2.50%  นอกนั้นเปลือกหุ้มเม็ดมะขามยังประกอบด้วยสารพวกอทนนิน โดยมีรายงานว่าในเปลือกเมล็ดมะขามประกอบไปด้วยแทนนิน (tannins) ถึง 32% ซึ่งแทนนินนี้แบ่งแยกได้เป็นโฟลบาแทนนิน  (phlobatannin) 35%ที่เหลือเป็นขาเตวัวแทนนิน (Catecholtannin)
ส่วนในเนื้อมะขามที่ให้รสเปรี้ยวยังเจอกรดทาริทาริก (Tartaric acid)  และในใบมะขามพบกรด ทาริทาริก (Tartaric acid) แล้วก็กรดมาลิก (Malic acid) นอกเหนือจากนี้ ส่วนต่างๆของมะขามจะมีเม็ดสี ซึ่งได้มีผู้นำไปใช้ประโยชน์กันอย่างมากมาย โดยมะขามจำพวกแดงมีแอนโทไซยานิน (anthocyanin) คริสแซนทีนิน (chrysanthemin) ส่วน Tartaric acid : Wikipedia
มะขามประเภทอื่นๆมีเม็ดสีพวกแอนทอลแซนติเตียนน (anthoxanthin) ลูทีนโอลีน (lute olin) แล้วก็อาปิเจนิน (apigenin) อยู่ในใบมะขามประมาณปริมาณร้อยละ 2 ฝักมะขามมีแอนทอคแซนว่ากล่าวนน้อย ในดอกมะขามมีแซนโทฟิล (xanthophyll) เพียงแค่นั้น และในเปลือกเมล็ดมะขามมีลิววัวแอนโทไซยานิดิน (leucoanthocyanidin) เป็นต้น
ส่วนค่าทางโภชนาการของมะขามีดังนี้

  • พลังงาน 239 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 62.5 กรัม
  • น้ำตาล 57.4 กรัม Malic acid : Wikipedia       
  • เส้นใย 5.1 กรัม
  • ไขมัน 0.6 กรัม
  • โปรตีน 2.8 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.428 มก.
  • วิตามินบี 2 0.152 มก. Chrysanthemin : Wikipedia       
  • วิตามินบี 3 1.938 มก.
  • วิตามินบี 5 0.143 มก.
  • วิตามินบี 6 0.066 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 9 14 ไมโครกรัม
  • โคลีน 8.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 3.5 มก. Luteolin : Wikipedia           
  • วิตามินอี 0.1 มก.
  • วิตามินเค 2.8 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 74 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 2.8 มิลลิกรัม Apigenin : Wikipedia           
  • ธาตุแมกนีเซียม 92 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 113 มก.
  • ธาตุโพแทสเซียม 628 มก.
  • ธาตุโซเดียม 28 มก. Xanthopyll : Wikipedia           
  • ธาตุสังกะสี 0.1 มก.

ผลดี/สรรพคุณ ประโยช์จากมะขามสิ่งแรกที่พวกเรามักใช้ประโยชน์กันบ่อยครั้งเป็นใช้บริโภคไม่ว่าจะกินสดๆหรือใช้ทำมะขามเปียกไว้สำหรับประกอบอาหาร มะขามเปียกมีกรดอินทรีย์อยู่สูงก็เลยเปรี้ยวมาก ใช้ทำกับข้าวไทยที่อยากได้รสเปรี้ยว ยกตัวอย่างเช่น แกงส้ม ต้มส้ม ต้มโคล้ง และต้มยำโฮกอือ ฯลฯ นอกนั้นยังคงใช้สำหรับการปรุงเครื่องจิ้มน้ำพริกต่างๆหลายแบบ ได้แก่ น้ำปลาหวาน หลนต่างๆน้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกแดนนรก รวมทั้งน้ำพริกคั่วแห้ง เป็นต้น
ทั้งนี้มะขามฝักอ่อนแล้วก็ใบมะขามอ่อน ก็นำมาเตรียมอาหารได้สิ่งเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถนำมะขามมาทำผลิตภัณฑ์แปรรูปได้อีกหลากหลายประเภท ดังเช่น มะขามดอง , มะขามกวน , มะขามแช่อิ่ม , มะขามแก้ว , แล้วก็ไวน์มะขาม ผงมะขาม , สบู่ , และก็แชมพูมะขาม ฯลฯ  ส่วนผลดีด้านอื่นๆก็มีอีกเช่น แก่นไม้มะขาม สำหรับชาวไทยแล้วเขียงกว่าปริมาณร้อยละ 90 ทำมาจากไม้มะขาม เนื่องจากมีคุณสมบัติสมควรกว่าไม้อื่นๆเช่น เหนียว เนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ไม่มีกลิ่นหรือสารพิษที่จะปนไปกับของกิน นอกจากยังหาง่ายอละทนอีกด้วย เว้นเสียแต่ใช้ทำเขียงแล้ว ยังเหมาะกับทำครก สาก เพลา และดุมเกวียน ใช้กลึงหรือแกะ แม้นำมาเผาเป็นถ่าน จะให้ความร้อนสูง  เม็ดมะขาม (แก่) นำมาใช้เป็นอาหารได้หลายแบบ ตัวอย่างเช่น คั่วให้สุกแล้วกินโดยตรง เอามาเพาะให้งอกก่อน (เหมือนถั่วงอก) และจากนั้นจึงนำไปประกอบอาหาร หรือนำไปคั่วให้ไหม้เกรียม แล้วบดละเอียด ใช้ชงดื่มแทนกาแฟ นอกนั้นเมล็ดแห้งนำไปบดเป็นแป้งใช้ลงผ้าให้อยู่ตัวได้ดี
สำหรับสรรพคุณทางยานั้น ตามตำรายาไทยกล่าวว่า ดอก ใบรวมทั้งฝักอ่อน ปรุงเป็นของกินรับประทานแก้ร้อนในหน้าร้อน แก้อาการไม่อยากกินอาหารแล้วก็ของกินไม่ย่อยในฤดูร้อนลดระดับความดันโลหิต น้ำคั้นจากใบ ใช้แก้อาหารไม่ย่อยและก็เยี่ยวตรากตรำ น้ำสุกจากใบให้เด็กกินขับพยาธิ และก็มีคุณประโยชน์ในคนเป็นโรคดีซ่าน ใบสด ใช้พอกรอบๆหัวเข่าหรือข้อพับทั้งหลายที่บวมอักเสบหรือที่เคล็ดลับขัดยอก, ฝี, ตาเจ็บ รวมทั้งแผลหิด ใบแห้งบดเป็นผง ใช้โรยบนแผลเปื่อยยุ่ยเรื้อรัง และใช้ผสมน้ำเป็นยากลั้วคอ ใบมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ใบสดมะขามใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลำไส้ ใบสดมะขามช่วยรักษาหวัด อาการไอ ช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคบิด  ช่วยฟอกโลหิต เอามาต้มผสมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆใช้อาบข้างหลังคลอด เปลือกต้น ฝาดสมานเป็นยาบำรุงรวมทั้งแก้ไข้ ,แก้ท้องเสีย , สมานแผล เนื้อห่อหุ้มเมล็ด (เนื้อมะขาม) มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆบางทีอาจเพราะว่ากรดตาร์ตาริค แต่ถ้าเกิดเอาไปต้มกระทั่งสุก ฤทธิ์ระบายอ่อนๆนี้จะหายไป นอกจากนั้นยังใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน ช่วยในการย่อย ขับลม ขับเสลด , ละลายเสลด  ฝาดสมาน แก้ไข้ แก้อยากดื่มน้ำ ทำให้แจ่มใส ช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกาย  แล้วก็เป็นยาฆ่าเชื้อ และให้กินในรายที่ท้องผูกเป็นประจำ แก้พิษสุรา อาหารไม่ย่อย อาเจียน เป็นไข้แล้วก็ท้องร่วง เนื้อในเมล็ด ใช้ถ่ายพยาธิไส้เดือน รากมะขามมีส่วนช่วยแก้อาการท้องเดิน ช่วยสำหรับเพื่อการสมานแผล รักษาโรคเริม รักษาโรคงูสวัด
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้ แก้ร้อน จากอากาศร้อน เบื่ออาหาร แพ้ท้อง คลื่นไส้อ้วก ท้องผูก เด็กเป็นต้นตานขโมย ใช้เนื้อหุ้มห่อเมล็ด 15-30 กรัม ผสมน้ำ คั้นแล้วอุ่นให้กิน  แก้พิษสุรา ขับเสลด ใช้เนื้อหุ้มห่อเมล็ด 3 กรัม ผสมน้ำตาลกิน  แก้ไข้ ใช้เนื้อหุ้มห่อเมล็ดแช่น้ำ ผสมน้ำตาลให้มีรสหวาน ใช้ดื่มแก้กระหายช่วยลดความร้อน ใช้เป็นยาระบาย รับประทานเนื้อห่อเม็ด แล้วดื่มน้ำตามมากๆใช้ใบต้มน้ำอาบ ข้างหลังคลอดและหลังฟื้นใช้ ทำให้สดชื่น หรือใช้อบไอน้ำ แก้หวัด คัดจมูก ขับเสลด แก้ท้องอืดแน่น ของกินไม่ย่อย ใช้เปลือกต้นผสมเกลือ เผาในหม้อดินจนถึงเป็นเถ้าขาว รับประทานครั้งละ 60-120 มิลลิกรัม และยังใช้ขี้เถ้านี้ผสมน้ำอมบ้วนปากล้างคอ แก้คอเจ็บและปากเจ็บได้อีกด้วย หรืออาจใช้เนื้อหุ้มเม็ดรับประทานทีละ 15 กรัม ช่วยสำหรับในการย่อยของกิน  หรือ   ใช้เนื้อมะขามรักษาท้องผูก       สามารถทำเป็น 3 แนวทาง คือใช้เนื้อจากฝักละลายน้ำแล้วผสมเกลือสวนเข้าทางทวาร หรือใช้เนื้อจากฝักผสมเกลือกิน หรือ เอาเนื้อจากฝักผสมเกลือนิดหน่อย แล้วปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน แก้ท้องเสีย ท้องเดิน ใช้เปลือกเมล็ดสีน้ำตาลแดงเป็นเงา 600 มก. เทียนขาว(Cumin) อย่างละเท่าๆกัน ผสมน้ำตาล ต้มกินวันละ 2-3 ครั้ง แก้อาการไม่ดีเหมือนปกติเกี่ยวกับน้ำดี ใช้เนื้อห่อหุ้มเม็ด รับประทานทีละ 10-60 กรัม เปลือกต้น ใช้ต้มกับน้ำ (จะมีแทนนินออกมา) ใช้เป็นยาสมานฝี แผล กันอักเสบ แก้ท้องเสียรวมทั้งคลื่นไส้รวมทั้งใช้แก้โรคหืด ช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมในไส้ พยาธิไส้เดือน ด้วยการใช้เมล็ดมะขามมาคั่ว กะเทาะเปลือกออก นำเนื้อในเมล็ดมาแช่น้ำเกลือกระทั่งนิ่ม แล้วรับประทานครั้งละ 20 เม็ด เครื่องดื่มประเภทหนึ่งชื่อ “เชอร์เบต” (sherbet) ซึ่งผสมโดยต้มเนื้อมะขาม 30 กรัม ในนม 1 ลิตร เพิ่มเติมลูกเกด 2-3 ลูก กานพลู กระวานรวมทั้งการบูรน้อย ใช้ดื่มแก้ไข้รวมทั้งอาการอักเสบต่างๆดังเช่น เจ็บป่วย อาหารไม่ย่อย อาการผิดปกติเกี่ยวกับกระเพาะ ท้องร่วง รวมทั้งใช้แก้ลมแดดเจริญ ส่วน น้ำชงจากเนื้อมะขาม ตระเตรียมโดยแช่เนื้อมะขามในน้ำ แล้วรินออกมากิน แก้อาการไม่อยากกินอาหาร (ความสามารถของยาชง จะมากขึ้นอีก โดยการเติมพริกไทยดำ น้ำตาล กานพลู กระวานและการบูร ช่วยเพิ่มรส) รวมทั้งในระยะฟื้นไข้ ก็ให้กินเนื้อหุ้มห่อเมล็ดกับนม เนื้อห่อหุ้มเม็ดอุ่นให้ร้อนใช้พอกแก้บวมอักเสบ เนื้อห่อเม็ดผสมเกลือให้เป็นครีมใช้เช็ดนวดในโรครูห์มาติเตียนสซั่ม น้ำมะขามใช้อมบ้วนปากล้างคอแก้เจ็บคอ กระเพาะอักเสบ  นำมะขามเปียกไปแช่น้ำ ลอกเอาใยออก นำมะขามมาถูตัวเบาๆช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยตลอดวัน มะขามแฉะแล้วก็ดินสอพองผสมจนกระทั่งเหมาะ นำมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ราวๆ 20 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับสดใสรวมทั้งสะอาดเพิ่มขึ้น  มะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่นแล้วก็นมสด ใช้พอกผิว ช่วยให้ผิวหนังที่มีรอยดำคล้ำกลับมาขาวสดใส
[/b]
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย   สารสกัดน้ำร้อนจากใบ สารสกัดเอทานอล 95% จากใบ ไม่เจาะจงขนาดที่ใช้  สารสกัดอีเทอร์-เฮกเซน-เมทานอล จากใบ ความเข้มข้น 100 มค.ก. แล้วก็สารสกัดเอทานอล 95% จากผล ไม่ระบุขนาดที่ใช้ ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus สารสกัดน้ำร้อนจากผล ไม่กำหนดขนาดที่ใช้ ให้ผลยั้งเชื้อ S. aureus ไม่ชัดเจน ในเวลาที่สารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 200 มก./มล. ได้ผลยั้งเชื้อดังกล่าวมาแล้วข้างต้นต่ำมาก สารสกัดเอทานอล 95% รวมทั้งสารสกัดน้ำร้อนจากราก ไม่กำหนดขนาดที่ใช้ สารสกัดเฮกเซนและสารสกัดน้ำจากผล ความเข้มข้น 200 มก./มิลลิลิตร รวมทั้งสารสกัดน้ำ ไม่กำหนดส่วนที่ใช้ ความเข้มข้น 1 กรัม/มิลลิลิตร ไม่เป็นผลยั้ง S. aureus สารสกัดส่วนเนื้อมะขามด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในหลอดทดสอบที่เป็นต้นเหตุของโรคท้องร่วง ดังเช่น  Bacillus subtilis, Escherichia coli รวมทั้ง Salmonella typhi แต่สารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม และสารสกัดด้วยน้ำ มีฤทธิ์ยั้งเชื้อดังที่กล่าวมาแล้วอย่างอ่อน
มีการทดลองในสัตว์ (in vivo study) โดยให้เปลือกเม็ดมะขาม หรือเม็ดมะขาม ให้สัตว์ทดสอบรับประทานพบว่าเปลือกเม็ดมะขามที่กำจัดแทนนินออกแล้วมีค่าจำนวนที่เหมาะสมสำหรับในการบริโภคในไก่ คือ 100 มก.ต่อกิโล โดยซึ่งสามารถลดความเครียดจากความร้อน (heat stress) และลดสภาวะออกสิเดทีฟสเตรทได้ อย่างไรก็แล้วแต่การเล่าเรียนอีกฉบับแถลงการณ์ว่าเม็ดมะขามต้มแล้วเอกเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามออกนั้นไม่สารถเพิ่มคุณค่าทางของกินในไก่ได้ ไก่ที่รับประทานเม็ดมะขามดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วพบผลกระทบคือ กินน้ำมากยิ่งขึ้นและก็มีขนาดของตับอ่อนและความยางของลำไส้เล็กเพิ่มขึ้น โดยที่ผลที่ได้นี้ผู้วิจัยชี้แนะว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากโพลีแซคติดอยู่ไรด์ที่ไม่อาจจะย่อยได้
การศึกษาทางพิษวิทยา
          หนูถีบจักรเพศผู้รวมทั้งเพศเมียที่กินอาหารผสมด้วยส่วนสกัดโพลีแซคติดอยู่ไรด์จากเมล็ด ขนาด 5% ของของกิน ไม่พบพิษ แม้กระนั้นหนูถีบจักรเพศเมียที่รับประทานอาหารผสมดังที่กล่าวถึงมาแล้วขนาด 1.2 และ 5% จะมีน้ำหนักน้อยลงตั้งแต่สัปดาห์ที่ 34
          ไก่ (Brown Hisex chicks) ทานอาหารผสมด้วยเนื้อมะขามสุก 2% แล้วก็ 10% นาน 4 สัปดาห์ พบว่าน้ำหนักลดน้อยลง (weight gain) รวมทั้ง feed conversion ratios ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ  มีการเปลี่ยนทางพยาธิภาวะ คือ มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมันของตับ (fatty change) เซลล์ตับ และก็ cortex ของไตตาย (necrosis) ในอาทิตย์ที่ 2 และก็ 4 ไก่กรุ๊ปที่รับประทานอาหารผสม 10% จะมีพยาธิสภาพร้ายแรงกว่าไก่กรุ๊ปที่ทานอาหารผสม 2% ผลการตรวจทางซีรัมพบว่า กรดยูริก total cholesterol, alkaline phosphatase (ALP), glutamic oxaloacetic trans-aminase (GOT) ในซีรั่มเพิ่มขึ้น total serum protein ต่ำลงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม (กรุ๊ปที่ไม่ได้กินอาหารผสมเนื้อมะขามสุก) sorbitol dehydrogenase รวมทั้ง total bilirubin ไม่เปลี่ยนแปลง ค่า ALP กรดยูริก cholesterol รวมทั้ง total protein จะไม่กลับสู่ภาวะปกติในช่วง 2 อาทิตย์ภายหลังจากขาดอาหารผสมแล้ว ผลของการตรวจทางโลหิตวิทยาไม่มีความเคลื่อนไหว
หนูขาวเพศเมียและก็เพศผู้กินอาหารที่มีส่วนผสมของโพลีแซคคาไรด์จากเมล็ดมะขาม 4, 8 และก็ 12% นาน 2 ปี ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของความประพฤติ อัตราการตาย น้ำหนักร่างกาย  การกินของกิน ผลทางวิชาชีวเคมีในฉี่รวมทั้งเลือด ผลการตรวจเลือด น้ำหนักอวัยวะ แล้วก็พยาธิสรีระ
          หนูถีบจักรที่กินสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากดอก พบว่าขนาดความเข้มข้นของสารสกัดสูงสุดที่หนูทนได้ เท่ากับ 1 กรัม/กก. นน.ตัว
          หนูขาว Sprague-Dawley SPF รับประทานอาหารที่ผสมด้วย pigments จากเมล็ดที่เผาในขนาด 0, 1.25, 2.5 รวมทั้ง 5% ของของกิน ตรงเวลา 90 วัน ไม่เจอความผิดปกติอะไรก็แล้วแต่ความเข้มข้นสูงสุดของ pigments ที่ให้โดยการผสมในอาหารในหนูเพศผู้เท่ากับ 3,278.1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน รวมทั้งในหนูเพศเมียเท่ากับ 3,885.1 มก./กก./วัน ไม่พบพิษ
พิษต่อตัวอ่อน  L-(-)-di-Butyl malate ที่ได้จากสารสกัดเมทานอลจากฝักมะขาม เป็นพิษต่อเซลล์ตัวอ่อนของ Sea urchin แม้กระนั้นสารสกัดเอทานอล : น้ำ จากฝักมะขาม ให้ทางสายยางลงไปยังกระเพราะของกินหนูขาวที่ตั้งท้อง ขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. ไม่เจอพิษต่อตัวอ่อนในท้อง และก็สารสกัดเอทานอล 100% จากผล ให้ทางสายยางให้อาหารลงสู่กระเพาะของกินหนูขาวเพศภรรยา ขนาด 200 มก./กิโลกรัม ไม่ทำให้แท้ง และไม่มีผลต่อต้านการฝังตัวของตัวอ่อน
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์    ฝักมะขามขนาด 0.1 มก./จานเพาะเชื้อ นำไปสู่การกลายพันธุ์ของ Salmonella typhimurium TA1535 แต่ว่าไม่เป็นผลต่อ S. typhimurium TA1537, TA1538 แล้วก็ TA98
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรพิจารณา

  • สำหรับในการเลือกซื้อมะขามมาใช้ประโยชน์(โดยเฉพาะมะขามสุก)นั้นควรเลือกมะขามที่ไม่มีเชื้อโรครา เพราะอาจทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • การบริโภคมะขามมากเกินไปอาจจะเป็นผลให้เกิดผลกระทบกับร่างกายได้ดังเช่น ท้องร่วง ท้องร่วง
  • การบริโภคมะขามไม่สมควรหวังผลสำหรับเพื่อการรักษา/สรรพคุณของมะขามมากจนเกินไปควรจะบริโภคแม้กระนั้นพอดีและไม่ควรจะบริโภคต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
  • ยังมีมีผลการศึกษาที่บ่งชัดว่ามะขามสามารถใช้ลดน้ำหนักได้ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงไม่ควรใช้มะขามมาลดความอ้วน
เอกสารอ้างอิง

  • สมพล ประคองพันธ์.วันชัย สุทธนันท์ .การใช้ดพลีแซคคาไรต์จากเมล็ดมะขามในยาอิมัลชั่นและยาแขวนตะกอน.วารสารเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล 1988:53
  • ภัคสิริ สินไชยกิจ,ไมตรี สุทธิจิตต์.คุณสมบัติชีวเคมีและการประยุกต์ใช้ของเมล็ดมะขาม,บทความปริทัศน์.วารสารนเรศวรพะเยา.ปีที่4.ฉบับที่2.พฤษภาคม-สิงหาคม.2554.
  • กองวิจัยทางการแพทย์. สมุนไพรพื้นบ้าน ตอนที่ 1.  กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, 2526.
  • Aengwanish, W. and Suttajit, M. Effect of polyphenols extracted from tamarind (Tamarindus indica L.) seed coat on physiological changes, heterophil/ lymphocyte ratio, oxidative stress and body weight of broiler (Gallus domesticus) under chronic heat stress. Ani Sci J 2010; 81: 264-270
  • เดชา ศิริภัทร.มะขาม.ต้นไม้ประจำครัวไทย.คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่163.พฤศจิกายน.2535
  • Ahmad I, Mehmood Z, Mohammad F.  Screening of some Indian medicinal plants for their antimicrobial properties.  J Ethnopharmacol 1998;62:183-93. http://www.disthai.com/[/b]
  • บวร เอี่ยมสมบูรณ์.  ดงไม้.  กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, 2518.
  • มะขาม.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Pugalenthi M, Vadivel V, Gurumoorthi P, Janardhanan K. Comparative nutritional evaluation of little known legumes, Tamarindus indica, Erythrina indica and Sesbania bispinosa. Tropic Subtropical  Agroecosys 2004; 4(3): 107-123
  • George M, Pandalai KM.  Investigations on plant antibiotics. Part IV.  Further search for antibiotic substances in Indian medicinal plants.  Indian J Med Res 1949;37:169-81.
  • ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.มะขามและผักคราดหัวแหวน.คอลัมน์อื่นๆ นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่15.กรกฎาคม.2523
  • ก. กุลฑล.  ยาพื้นบ้าน.  กรุงเทพฯ:ปรีชาการพิมพ์, 2524.
  • Ross Sa, Megalla SE, Bishay DW, Awad AH.  Studies for determining antibiotic substances in some Egyptian plants. Part 1. Screening for antimicrobial activity.  Fitoterapia 1980;51:303-8.
  • Watt JM, Breyer-Brandwijk MG. The Medicinal and Poisonous Plants of Southern and Eastern Africa. 2nd edition. Edinburgh and London, E&S Livingstone. 1962.
  • พระเทพวิมลโมลี.  ตำรายากล
29  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้มีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 09:56:24 am
[/b]
ตะไคร[/size][/b]
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในสกุลต้นหญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นไม้ล้มลุกเครือญาติหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมเอามาปรุงอาหาร โดยตะไคร้แบ่งได้เป็น 6 จำพวก ตัวอย่างเช่น ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ [url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
หางนาค และตะไคร้หางราชสีห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาปลูกทั่วๆไปในบ้านเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ประเทศพม่า ศรีลังกา และไทย
ตะไคร[/color]เป็นทั้งยังยารักษาโรคและยังมีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ดังเช่นว่า วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ
คุณประโยชน์ของตะไคร้
มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญก้าวหน้า (ต้นตะไคร้)
มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการเบื่อข้าว (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับในการคุ้มครองปกป้องโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้แล้วก็ทุเลาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถทุเลาลักษณะของการปวดได้
ช่วยแก้อาการปวดหัว
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้คลื่นไส้ถ้านำไปใช้ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบรอบๆหน้าอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและก็อาการท้องร่วง (ราก)
ช่วยแก้และทุเลาลักษณะของการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืด (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับในการขับน้ำดีมาช่วยสำหรับการย่อยอาหาร
น้ำมันหอมระเหยจาก[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับในการขับเยี่ยว
ช่วยแก้อาการฉี่พิการและรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาโรคเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้โรคหนองใน ถ้าเกิดนำไปผสมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ
[/b]
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากตะไคร้
นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้หิวได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยสำหรับการบำรุงและรักษาสายตา
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองรวมทั้งเพิ่มสมาธิ
สามารถนำมาใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยจัดการกับปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับเพื่อการนอน
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักชนิดอื่นๆจะช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงได้เป็นอย่างดี
ประยุกต์ใช้เป็นองค์ประกอบของสารหยุดกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยดับกลิ่นคาวหรือกลิ่นคาวของปลาได้อย่างดีเยี่ยม
กลิ่นหอมของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและก็กำจัดยุงได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ชนิดยากันยุงจำพวกต่างๆดังเช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายประเภท อย่างเช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม เอามาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
มักนิยมประยุกต์ใช้สำหรับการเตรียมอาหารหลากหลายประเภท อย่างเช่น ต้มยำ แล้วก็ของกินไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรสชาติ
วิธีทําน้ําตะไคร้หอม
คุณประโยชน์ตะไคร้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำเปล่า 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นท่อน ทุบให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด จวบจนกระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาผสมกับน้ำจนถึงเป็นสีเขียว
รอคอยสักประเดี๋ยวแล้วยกลง หลังจากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้วขั้นตอนการทำน้ำตะไคร้
แนวทางทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร[/color]การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นอย่างแรกให้ตระเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาทุบให้แหลกพอประมาณ แล้วก็ใช้ใบเตยมัดตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้รวมทั้งใบเตยลงไปในหม้อแล้วเพิ่มเติมน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักประมาณ 5 นาที เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้และก็ใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเพิ่มเติมน้ำสุกใหม่ได้ 2-3 รอบ แม้กระนั้นรสบางทีอาจจืดจางลงไปบ้าง นำมาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา แถมช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของตะไคร้
การเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม รวมทั้ง ขี้เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมัน[url=http://www.disthai.com/]ตะไคร้
ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./โล และก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษกะทันหันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ แล้วก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
30  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สรรพคุณ กวาวเครือขาวสมุนไพรน่ารู้ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 02:25:29 am
[/b]
สรรพคุณกวาวเครือขาวอันน่าทึ่งสามารถรักษาโรคคุณได้
ขายกวาวเครือขาว หญิงที่มีปัญหา สิวฮอร์โมน สิวที่ข้างหลัง ผิวมัน ขนดก
ผู้หญิงที่เสื่อมอารมณ์ทางเพศ
รับผลิตกวาวเครือขาว สามารถใช้เป็นฮอร์โมนตอบแทนในหญิงวัยหมดระดู
สาวชนิด 2 ที่ต้องการเพิ่มความเป็นผู้หญิง
แคปซูลกวาวเครือขาว ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น ทำให้ผิวเต่งตึงลดรอยเหี่ยวย่น มีเลือดฝาด ขาวอมชมพู ผ่องใส ออร่า แก้ฝ้า กระ จุดด่างดำ
เนื่องจากว่า กวาวเครือขาว มีสาร Oestrogenic substance ชื่อ miroestrol,3,14,17,18-B-tetrahydroxy miroestrol ซึ่งมีฤทธิ์ ราวกับฮอร์โมนผู้หญิงที่บริเวณอกของหญิงนั้น จะมีตัวรับ ( Receptor ที่เหมาะสมให้สาร Oestrogenic substance ไปจับอยู่ด้วยเหตุนั้นเมื่อรับประทานกวาวเครือขาวที่มีสารที่มีฤทธิ์นี้เข้าไป ก็จะไปจับกับรอบๆที่มีตัวรับพอดิบพอดีขายส่งกวาวเครือขาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศหญิง ก่อให้เกิดขายกวาวเครือขาว[/i] การสะสมไขมัน แล้วก็น้ำมากขึ้น ในบริเวณนั้น และก็ ทำให้กระชับได้รูป และพบว่า การกินสม่ำเสมออย่างน้อย 5 เดือนขึ้นไป เซลล์ไขมันแล้วก็กล้ามเนื้อรับประทานอกจะน้อยลงน้อยมาก ทั้งที่ รีเซปเตอร์รอบๆเต้านมผู้หญิงจะมีแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ทำให้ผลที่ได้ เร็ว ช้า มากมาย น้อย ไม่เหมือนกัน รวมทั้ง จะเท่าที่ธรรมชาติของแต่ละคนที่สร้างได้เท่านั้นซึ่งในปัจจุบันกวาวเครือขาวในแบบอย่างขายกวาวเครือขาวกิน ได้จริง แล้วก็ควรเป็นของแท้ และก็ใหม่สดจริง แค่นั้น แก้อาการอ่อนแรง เหน็ดเหนื่อยของร่างกาย ทำให้นอนหลับสบาย รับผลิตกวาวเครือขาวช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดียิ่งขึ้นสำหรับคนที่ผ่ายผอม เมื่อรับประทานกวาวเครือขาวจะช่วยทำให้ดูอ้วนท้วนบริบูรณ์ขึ้น
ขายกวาวเครือขาว สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดปวดเมื่อยตามร่างกายมีส่วนช่วยลดและรักษาอาการ vasomotor (อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกช่วงเวลากลางคืน)สำหรับคนที่เคยมีบุตรแล้วจะช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับขึ้น แล้วก็ช่วยลดปัญหาพุง บั้นท้าย ต้นขาลายได้สำหรับผู้ที่มีลูกยาก เชื่อว่าจะทำให้มีลูกง่ายมากยิ่งขึ้น
[url=http://www.chiangdaoherb.com/store/product/view/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8_350%E0%B8%A1%E0%B8%81.-28638001-th.html]แคปซูลกวาวเครือขา ที่มีคุณภาพในทางคลีนิค สามารถใช้ชดเชยฮอร์โมนเพศหญิงในวัยหมดระดูได้ รวมทั้งมีแนวโน้มว่าจะใช้ประโยชน์ขายส่งกวาวเครือขาวรวมถึงรักษาอัลไซเมอร์ได้ เพราะวิจัยพบว่า สารสกัดจากกวาวเครือนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการงอกใหม่ของเซลล์สมองได้
ขายกวาวเครือขาว ขายส่งกวาวเครือขาว
รับผลิตกวาวเครือขาว เเคปซูลกวาวเครือขาว
สมุนไพรอื่นๆ
สรรพคุณตรีผลา
[url=http://www.disthai.com/16653544/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2]ตรีผล[/b] ตำรายาไทย  ผลอ่อน แก้ไข้เพื่อขับเสลด และก็ไข้เจือลม เป็นยาระบาย ยาถ่าย ผลแก้ แก้เสมหะจุกคอ ทำให้เปียกคอ แก้โรคตา แก้ธาตุกำเริบเสิบสาน บำรุงธาตุ แก้ไข้ แก้ริดสีดวง แก้ท้องเสียท้องเสีย รักษาโรคโรคท้องมาน เมล็ดในแก้บิดแก้บิดมูกเลือด ประเทศพม่า ใช้ผลแห้งรักษาอาการไอ และโรคตา ในอินโดจีน ใช้เป็นยาฝาดสมาน และก็ยาบำรุง ผลสดเป็นยาถ่ายตำราเรียนยาไทย ผลระบายอ่อนๆแก้ลมป่วง แก้พิษร้อนใน คุมธาตุ แก้ลมจุกเสียด รู้ผายธาตุ รู้ระบายทราบอึ ถ่ายพิษไข้ คุมธาตุในตัวเสร็จ แก้ไข้เพื่อเสลด ผลอ่อน มีฤทธิ์เป็นยาระบาย อุจจาระ ทราบถ่ายรู้ปิดเอง แก้ลมจุดเสียด อาเจียน แก้สะอึก แก้หืดไอ แก้ท้องร่วงเรื้อรัง ทำเป็นยาชงใช้อมล้างคอแก้เจ็บคอ เมล็ด รสขม ทำให้เจริญอาหาร
สรรพคุณเห็ดหลินจือ
[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจื[/b] ประกอบด้วยสารที่ส่งผลต่อการบำบัดรักษาโรคหลายแบบ แบ่งได้ 3 ชนิดใหญ่ๆเป็น สารจำพวกที่ละลายน้ำ 30% สารละลายอินทร์ 65% รวมทั้งสาระเหย 5% มีประโยชน์สำคัญอย่างเช่น polysaccharide, triterpenoids, Germanium, Ganoderic, Essence รวมทั้งวิตามินและแร่ ซึ่งช่วยสร้างภูมิต่อต้านทางโรค ต้านทานมะเร็ง บำรุงตับ บำรุงสมองแล้วก็ระบบประสาท ปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย เหมาะกับบำรุงร่างกายเพราะว่ามีความปลอดภัยสูง โพลีแซคค้างไรค์ (polysaccharide) เป็นสาระสำคัญในเห็ดหลินจือที่จะช่วยสร้างเสริมหลักการทำงานของร่างกาย เป็นกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ต้านทานโรคมะเร็ง คุ้มครองปกป้องการยืนขึ้นลุกลามของเซลล์ของโรคมะเร็ง ช่วยปรับปรุงรูปแบบการทำงานของตับอ่อน ปรับระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยกำจัดสารพิษ แต่เพราะ polysaccharide มีส่วนประกอบที่ซับซ้อนอาจจะเป็นผลให้ย่อยยากจำเป็นที่จะต้องรับประทานวิตามินซีหรือของกินที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยในการดูดซึมสาร polysaccharide ไปสู่ร่างกายเยอร์มาเนียม (Germaniuum) ในดอกเห็ดหลินจือมีเยอร์มาเนียมมากถึง 800 – 2000 ppm สารเยอร์มา – เนียมมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

  • ออกซิเจนในเลือด 4. รักษามะเร็ง
  • กระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย 5. ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดียิ่งขึ้น
  • สมอง บำรุงประสาท 6. กำจัดสารพิษ บำรุงตับ รักษาตับ

ไตรเทอร์ปีนอยด์ (Tritepenoids) มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกายดังนี้

  • ต้านทานมะเร็ง 4. ลดวัวเลสเตอรอคอยล ปรับไขมันในร่างกายให้ปกติ
  • ควบคุมระดับความดันโลหิตให้ธรรมดา 5. สร้างเสริมระบบที่ทำการย่อยอาหารให้
  • ควบคุมภูมิแพ้ 6. กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว

สารกาโนเดอริก (Ganoderic Essence) ช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันในเส้นโลหิตรวมทั้งป้องกันการ
ตันของไขมันภายในเส้นโลหิต
คุณประโยชน์ ดอกดาวเรือง
[url=http://www.disthai.com/16648741/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87]ดอกดาวเรือ รสขม ฉุนบางส่วน ใช้ละลายเสมหะ, แก้วิงเวียน, ตาแดง, ลดไข้, บำรุงตับ, แก้ร้อนใน,ไอหวัด,โรคไอกรน, เต้านมอักเสบ, เป็นแผลมีหนอง, บำรุงสายตาใบ รสชุ่มเย็นมีกลิ่นฉุน ใช้แก้ฝีหนอง อาการบวมโดยไม่รู้เรื่องมูลเหตุ,ลดการต่อว่าเชื้อ น้ำมันหอมระเหย มีสรรพคุณแก้วิงเวียนหัว หน้ามืด เป็นลมเป็นแล้ง สามารถคุ้มครองผิวแห้ง ผิวแตกลาย บำรุงผิว บำรุงเส้นผม
ราก มีรสขมเผ็ดบางส่วน มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอดแล้วก็ตับ ใช้เป็นยาระบายน้ำคั้นจากใบใช้แก้อาการหูเจ็บ ปวดหู ช่วยแก้อาการปวดฟัน ช่วยรักษาปากเปื่อย แผลเน่า ช่วยแก้อาการปวดท้อง ใช้เป็นยาขับพยาธิเภสัชตำรับของเม็กซิโก เคยใช้ดอกและใบต้มน้ำกินใช้ขับลมแล้วก็ขับเยี่ยว  ในประเทศอินเดีย น้ำคั้นจากดอกใช้ฟอกเลือดและแก้ริดสีดวงทวาร ในบราซิล ใช้ดอกชงน้ำหรือต้นน้ำกิน แก้ลักษณะของการปวดตามข้อ
สรรพคุณถั่งเช่า
[url=http://www.disthai.com/16484912/%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2]ถั่งเช่[/b] สรรพคุณถั่งเช่าช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ มีฤทธิ์ชูกำลังทางเพศ ช่วยให้น้ำเชื้อแข็งแรก เพราะการกินถั่งเช่าจะส่งผลให้มีเลือดไปเลี้ยงของลับมากยิ่งขึ้น ถั่งเช่าสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของสเปิร์มในสเปิร์มได้ โดยจากการศึกษาเล่าเรียนในเพศชาย 22 คนพบว่าเมื่อใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริมแล้ว ปริมาณของสเปิร์มในน้ำอสุจิเพิ่มขึ้น 33% อีกทั้งยังลดจำนวนสเปิร์มที่มีความผิดธรรมดาลงได้ถึง 29% และเมื่อศึกษาเล่าเรียนเสริมเติมก็พบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยเพิ่มความจำเป็นทางเพศได้ 66 – 86% ทั้งยังมีคุณสมบัติสำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้องและสร้างเสริมหลักการทำงานของต่อมหมวกไต และเพิ่มช่องทางที่สเปิร์มจะปฏิสนธิได้ช่วยปรับให้การทำงานของหัวใจ  ถั่งเช่า มีสรรพคุณช่วยปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติได้ อีกทั้งยังช่วยทุเลาอาการหัวใจขาดออกซิเจน และก็เพิ่มออกสิเจนให้หัวใจได้เสริมสร้างลักษณะการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ถั่งเช่ามีสรรพคุณช่วยปรับให้ปรุงลักษณะการทำงานของระบบภูมิต้านทานให้ปกติ  ช่วยทำให้ร่างกายสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเพิ่มขึ้นต้านทานโรคมะเร็ง ถั่งเช่าก็ยังมีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง ขึ้นรถคอร์ไดเซปิน (Codycepin) ที่อยู่ในถั่งเช่านับว่าเป็นสารที่มีความจำเป็นสำหรับเพื่อการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง คุ้มครองการเกิดแล้วก็การแพร่ระบาดของเนื้อร้ายลดไขมันในเลือด ถั่งเช่ามีสรรพคุณควบคุมระดับไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และก็ไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภัยอื่นๆฟื้นฟูหลักการทำงานของไต สำหรับคนป่วยโรคไตเรื้อรัง การกินถั่งเช่าจะช่วยทุเลาอาการลง และก็ทำให้สุขภาพไต ทั้งยังยังลดความย่ำแย่ของไตที่เกิดจากสารพิษตกค้างได้เสริมสร้างรูปแบบการทำงานของตับ การกินถั่งเช่าเป็นอาหารเสริมจะช่วยลดผลกระทบจากพิษ แล้วก็คุ้มครองการเกิดพังทลายพืดในตับ สารต้านอนุมูลอิสระก็ยังเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพรูปแบบการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความหลีกเลี่ยงสำหรับการเกิดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ด้วยบำรุงโลหิต สารที่อยู่ในถั่งเช่าก็ยังช่วยสร้างเสริมหลักการทำงานของระบบโลหิต ทำให้ร่างกายสร้างไขกระดูกเยอะขึ้นซึ่งทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแล้วก็เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกผลิตในจำนวนที่เพียงพอต่อสถาพทางร่างกายลดระดับน้ำตาลในเลือด ถั่งเช่านับว่าเป็นสมุนไพรอีกจำพวกที่ช่วยลดน้ำตาลได้ โดยมีการศึกษาพบว่าการรับประทานถั่งเช่าวันละ 3 กรัม จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95%
คุณประโยชน์ว่านชักมดลูก
[url=http://www.disthai.com/16484917/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81]ว่านชักมดลู[/b] ยาสมุนไพรประจำถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ เหง้า ฝนทาแผล แก้พิษสุนัขกัด ตำราเรียนไทย เหง้า รักษาเลือดออกมาจากมดลูกหลังคลอด รักษามดลูกอักเสบ แก้ตับอักเสบ แก้ปวดท้อง ขับน้ำดี รักษาอาการรอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ , เจ็บท้องระหว่างมีระดู ตกขาว ขับน้ำคาวปลา แก้ธาตุทุพพลภาพของกินไม่ย่อย แก้ริดสีดวงทวาร หัวตำดองดัวยเหล้า รับประทานทีละไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ สำหรับคนคลอดลูกใหม่ๆแก้ปวดมดลูก ทำให้มดลูกเข้าอู่หรือเข้าที่เข้าทาง ไม่อักเสบ นิยมนำหัวของว่านชักมดลูกที่เป็นหัวกลมสั้นมาฝานต้มน้ำสำหรับอาบ และดื่ม เพื่อสภาพร่างกาย แล้วก็มดลูกฟื้นได้เร็วขึ้น ส่วนหญิงบางบุคคลในยุคใหม่ไม่ค่อยพบการอยู่ไฟแล้ว แต่ก็ยังนิยมใช้ว่านชักมดลูก/ว่านทรหดมาต้มน้ำอาบ และก็ดื่มบ่อยๆตลอดระยะเวลา 3 เดือน หรือมากยิ่งกว่า ว่านชักมดลูกยังช่วยกระตุ้นการย่อยของอาหาร แก้ริดสีดวง แก้ไส้เลื่อน รักษาแผลในกระเพาะ ป้องกันมะเร็งประเภทต่างๆลดอาการปวดบวมของแผล รวมทั้งต้านการอักเสบของแผล ถ้าหากเป็นแผลข้างในจะใช้การต้มน้ำดื่ม ถ้าหากเป็นแผลข้างนอกบางทีอาจใช้ทั้งยังการต้มน้ำดื่ม ใช้บดทาแผล หรือน้ำต้มล้างทาแผล ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ แล้วก็การบูรณะเซลล์ที่ผุพังหรือเซลล์รอยแผล ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวมองดูผ่องใส ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก กระตุ้นการหลั่งน้ำถุง รวมทั้งช่วยกระตุ้นกระบวนมือย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ

Tags : ขายกวาวเครือขาว,ขายส่งกวาวเครือขาว
หน้า: 1 [2] 3
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย