กระทู้ล่าสุดของ: sadgs257sa2

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2]
16  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / กระเทียม ที่เรารู้จักกันมีประโยชน์เเละสรรพคุณอย่างไร ?... เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 04:01:07 pm
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
คุณประโยชน์กระเทียม
ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก็เลยเหมาะกับคนเจ็บเบาหวาน
บำรุงเลือด คุ้มครองปกป้องอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
คุ้มครองป้องกันโรคหัวใจ
ลดท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินงานเจริญขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
คุ้มครองปกป้องไข้หวัด ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ แล้วก็ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
กับ 10 คุณประโยชน์ดีๆที่พวกเราอยากให้คุณทานแต่ละวัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิสินในกระเทียมที่มีประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกายของเรา ต้องผ่านการหั่น สับ ตี หรือบด จำเป็นต้องหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนนำมาประกอบอาหาร 5-10 นาที โดยสารอัลลิสินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน เพราะฉะนั้นจะทานสด หรือจะทำกับข้าวในน้ำมันก็ช่างเถอะ
ปริมาณกระเทียมที่ควรจะทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราว4 กรัมต่อวัน แม้กระนั้นไม่ควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน ด้วยเหตุว่าจะเพิ่มความเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อกำเนิดบาดแผล
วิธีเลือกซื้อกระเทียมมาประกอบอาหาร
ควรจะเลือกกระเทียมที่หัวแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น และถ้าเกิดอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วของกินมื้อถัดไปก็บอกให้กุ๊กพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แม้กระนั้นระวังสักนิด ถ้าเกิดทานกระเทียมมากๆโดยเฉพากระเทียม[/url]สด อาจมีอาการเจ็บคอภายหลัง แล้วก็อย่าลืมระมัดระวังกลิ่นปากกันด้วยค่ะ ประเดี๋ยวจะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกประเภทรับประทานหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ด้านนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่ออยู่หลายชั้น ด้านในหัวประกอบแกนแข็งตรงกลาง ข้างนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและก็ใส  มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นรวมทั้งหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย แม้กระนั้นนิยมนำมาปลูกกันมากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องด้วยมีภาวะดินแล้วก็สภาพการณ์อากาศที่เหมาะอย่างยิ่งกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเจริญวัยก้าวหน้า ได้ผลผลิตสูงและก็มีรสชาติที่ดีกว่า
[/b]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเทีย[/b]เป็นไม้ล้มลุกแล้วก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 ซม. มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีต้นเหตุที่เกิดจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบลำพัง (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 30-60 ซม. ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบแล้วก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นแล้วก็เชื่อมชิดกันเป็นวงหุ้มห่อรอบใบที่อ่อนกว่าแล้วก็ก้านช่อดอกก่อให้เกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวและก็สีจะค่อยๆจางลงจนตราบเท่าถึงโคนใบ ส่วนที่ห่อหุ้มหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆเยอะแยะอยู่ปนเปกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบประดับใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 ซม. ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมหุ้มห่อช่อดอกตอนที่ยังตูมอยู่ แต่เมื่อช่อดอกบานใบประดับประดาจะเปิดอ้าออกรวมทั้งแขวนลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านกระโดด เรียบ ทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือติดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวราวๆ 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูและก็ก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงขึ้นยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือออกจะกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและก็ภาคเหนือ แม้กระนั้นกระเทียมที่มีชื่อเสียงว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง ตัวอย่างเช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
วิธีเลือกซื้อกระเทียม
การเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักพิจารที่กล้วยๆเป็น เลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญถ้าจำเป็นต้องทำอาหารที่อยากได้กลิ่นแรงๆจำเป็นต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความเห็นว่ากระเทียมมีสาระและก็คุณประโยชน์มาก ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นฉุน แต่ว่าก้ไม่ยากเกินไปที่จะรับประทานนะครับ โดยเหตุนั้นอย่าลืมเพิ่สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับการกินกระเทียมโดยยิ่งไปกว่านั้นบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
คนที่กำลังมีครรภ์หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในช่วงการมีครรภ์ค่อนข้างไม่มีอันตรายหากรับประทานเป็นอาหารหรือในปริมาณที่เหมาะสม แต่บางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้าหากกินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในตอนการตั้งครรภ์หรือให้นมลูก
เด็ก การกิน[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b]ในปริมาณที่เหมาะสมรวมทั้งในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนและเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจส่งผลให้มีการเคืองที่ดินเดินของกินได้
คนที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจจะส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 สัปดาห์เพราะว่าอาจจะก่อให้เลือดออกมากแล้วก็ส่งผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีภาวการณ์เลือดออกไม่ดีเหมือนปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมสด เนื่องจากอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค อาทิเช่น ไอโซไนอะซิด ด้วยเหตุว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายแล้วก็มีผลต่อสมรรถนะแนวทางการทำงานของยา รวมทั้งไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต่อต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือด[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b]ลงในเมนูอาหารของท่านนะครับ คุณประโยชน์และก็คุณประโยช์จากกระเทียมนั้นร้ายมากจริงๆ [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]
17  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ทับทิม รู้หรือไม่ว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ-ประโยชน์มากอย่างน่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 01:39:04 pm
[/b]
ทับทิ[/size][/b]
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทับทิ[/b] เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือก[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทับทิม
สามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากขอทับทิม[/url]สามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/[/b]
18  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บุก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณประโยนช์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 05:56:55 pm
[/b]
บุก
บุ [/color]มีคุณประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีระดูมาเปลี่ยนไปจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผารวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับรอบเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก อาทิเช่น บุกคุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว หมอยื่อ เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก ถือเป็น พืชล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นอ้วนรวมทั้งมีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบลำพัง ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดและใบแผ่ขึ้นเสมือนร่มกาง ดอกขอบุก
จะมีสีเหลือง จะบานในช่วงค่ำ มีกลิ่นแรง ลักษณะเสมือนดอกหน้าวัว
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราวๆ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปออกจะกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งก้านมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปนเปอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกเดี่ยว รูปแบบของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราวๆ 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุก
สำหรับคุณประโยชน์ของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากและก็เนื้อของลำต้น เนื้อหา ดังต่อไปนี้
หัวบุก มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาแตกต่างจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้รวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้บวมช้ำ
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
[/b]
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการบริโภคบุก
สำหรับข้อที่ไม่อนุญาตในการรับประทานบุกหมายถึงหัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร โดยเหตุนั้น ในกลุ่มคนที่ ม้าม ตับ แล้วก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะเลี่ยงรับประทาน และไม่รับประทานมากจนเกินความจำเป็น ซึงข้อพึงระวังสำหรับในการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) จำนวนไม่ใช่น้อย ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าแล้วก็ก้านใบถ้าปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะมีผลให้ลิ้นพองและก็คันปากได้
ก่อนเอามากินต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่กินกากยาหรือยาสด
กรรมวิธีการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นครั้งแรก แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังกล่าวสำหรับการทำอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เนื่องมาจากวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกภายหลังการรับประทาน แต่ว่าให้รับประทานก่อนที่จะรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคอาหารที่สร้างขึ้นมาจากวุ้น อาทิเช่น วุ้นก้อนและเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังอาหารได้ ด้วยเหตุว่าวุ้นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้ผ่านกระบวนการและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว และการการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องมาจากไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินและธาตุ หรือสารอาหารใดๆที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพร่างกายเลยกลูวัวแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันน้อยลง ซึ่งจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่จะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจก่อให้มีลักษณะอาการท้องร่วงหรืออาการท้องอืด มีลักษณะอาการหิวน้ำมากกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการอ่อนล้าเพราะเหตุว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้http://www.disthai.com/[/b]
19  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 02:21:10 pm
[/b]
บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังการรบอยู่เหรอ เปล่าขอรับ บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงข้าศึกบุก แต่คือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนใดกันที่แห่งไหน แต่เป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่ต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็มิได้แพร่หลายหรือเป็นยอดนิยมเสมือนตอนนี้ด้วยเหตุว่าจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชท้องถิ่นอยู่ดี  คนในท้องถิ่นก็นำบุกมาเข้าครัว ราวกับเผือก เสมือนมันทั่วๆไปพอเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยเปลี่ยนเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการแปรรูปเป็นรูปแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมาก วันนี้เองก็คงไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกท่านมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นปิศาจ  น่าขนลุกครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อตระกูล    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกคุงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราพบบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วๆไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่กับตาม ชายเขา และครั้งคราวก็พบตามพื้นที่ ทำนา ดังเช่นว่าที่ปทุมธานี และก็จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกประเภท แม้กระนั้นจะเจริญวัยเจริญให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินร่วนซุย น้ำไม่ขังและก็ดินที่มีฮิวมัส หรือสารอินทรีย์สูง
ลักษณะของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บอกให้เห็นส่วนประกอบคือใบบุก และหับุก[/url]ลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราว 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษต่างกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเหมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางชนิดมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางโอกาสบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่มากมายมาก  แต่ที่เด่นๆดูง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกึ่งกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่ว่าบาง ประเภทจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนเหมือนหงายร่ม ด้วยเหตุผลดังกล่าวลักษณะของใบบุก มีหลายต้นแบบสังกัดจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าวัว แต่ละประเภทมีขนาด สี และก็รูป ทรงแตกต่างกัน บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกชนิดอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เช่นเดียวกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายหน้าแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถออกดอกได้ในช่วง เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับเพื่อการแก่เต็มที่ ของดอกที่จะติดผลก็ต่างกัน
 ผลบุ[/b](อย่างงมากกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก สืบพันธุ์ก็จะเกิดผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง เพียงพออายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกโดยมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่เม็ดภายในแตกต่างกัน พบว่าโดยมากมีเมล็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางชนิดก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม
[url=http://www.disthai.com/16488234/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81]
[/b]
บุกกับการนำมาเข้าครัว
เป็นพืชของกินพื้นบ้านซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปปรับเปลี่ยนตามแต่ละภูมิภาค ได้แก่ทางภาคอีสาน มีการทำของหวานที่เรียกว่าของหวานบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งรับประทานอาหาร ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวดอย มักเอามา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปทำเป็นของว่าง
*บุกมีหลายประเภทหลายพันธุ์ บางทีอาจขมและมีพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบและก็หัว ซึ่งอาจจะทำให้คัน ก่อนนำมาทำอาหารจำต้องต้มซะก่อน ไม่เช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
ของกินที่แปรรูปมาจากบุก
ปัจจุบันนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง อีกทั้งในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งเป็นสินค้าแปรรูปจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าผู้ใดเคยไปกินเนื้อย่างคงจะเคยเจอบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆแต่ก่อน คือ เจเล่ ผสมผงบุก ถ้าจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาด้วยนะครับ)
สรรพคุณของบุก
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูวัวแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ประเภท คือ ดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) และ (D-mannose) เป็นสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายสลายตัวได้ยาก ดูดซึมได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินการดี ผู้ที่อยากได้ลดหุ่นนิยมทานอาหารจากแป้งบุก อย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากกินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกเหนือจากนี้เองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะว่าความรั้ง ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส โดยเหตุนี้ กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมากมาย ปัจจุบันนี้ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละขอรับคือผลดีจากบุก ทดลองหามาทานกันครับ เป็นประโยชน์ขนาดนี้ สมัยปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว เสนอแนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ รับรองอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/[/b]
20  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขิง เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณที่น่าทึ่งๆ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2018, 09:25:54 am
[/b]
ขิ[/size][/b]
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 สรรพคุณดีๆของ’’ผลดีสำหรับในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บตามข้อ ลดอาการเมื่อยล้ากล้าม
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียภายในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสบาย
5.ขิงช่วยแก้อาการตาลาย หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน แล้วก็เป็นยาระบายอ่อนๆก็เลยแป็นสาเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะสมกับคนป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ แล้วก็อาหารทะเลได้
9.คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเนื้อขิงสดๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงรักษาสายตา คุ้มครองปกป้องโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นเต่า
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน เอามาอม กลัวปากเสมอๆ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆลดลง
13.มีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน เอามาอม กลั้วปากเสมอๆ ช่วย จัดแจงกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง
ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงเสมอๆ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆต่ำลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทอาการโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของน้ำนมคุณแม่ให้ ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับเพศหญิงให้นมบุตรอย่างดีเยี่ยม
17.ขิงช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพยาเสพติด
18.ประโยช์จากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต้านทานการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี
19.ขิงช่วยควมคุมความดันโลหิตได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันสูง รวมทั้ง ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเสมอๆ จะช่วยควบคุมความดันให้ปกติ
20.สรรพคุณของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยทำให้นอนหลับสบาย จึงเหมาะสมเป็นอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยทำนุบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว ปกป้องโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เพราะขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยทำให้ปรับสมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพราะของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนให้เข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนร้ายแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้ราวครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดีขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะแล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้ขิง[/url]สดที่ตำอย่างละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในคนเจ็บที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร และก็ลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าลักษณะของการปวดกระเพราะเหตุว่าลดน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิว มากมายท้องผูก หรือขี้สีดำ (แปลว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความต้องการอาหารดีขึ้น (พบว่าคนป่วยพวกนั้นส่วนใหญ่กลายเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งอาจต้องรักษาต่อเนื่อง หรือควบคุมปัจจัยอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งรับประทานเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.ป้องกันรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ เงินขนาดพอเหมาะพอควรปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
5.รักษาฉี่รดที่พักผ่อนในคนป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาสมุนนไพรศรีฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกให้เข้ากันฟอกในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกั้นจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิ สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือเบาๆรับประทานหมดด้านในครึ่งชั่วโมง การทดลองในคนเจ็บ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกันของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับการขับพยาธิจำนวนร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนเป็นไข้เนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น ยกตัวอย่างเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม
[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]

ชงกับน้ำตาล หรือบางทีอาจใส่หัวหอมทุบ 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วคลุมผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายคราวหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดกินไก่ผัดขิง โดยยิ่งไปกว่านั้นไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงหลังคลอดจะเสียพลังหยางแล้วก็เลือด มีน้ำในร่างกายตกค้างอยู่มากการกินไก่ผัดขิงจะเสริมทั้งเลือดหยางช่วยทำให้การสรุปยดูดซึมอาหาร มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำก้าวหน้าขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อควรระวังสำหรับในการทานขิง
-อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับในการตั้งครรภ์ได้
มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับเพื่อการมีท้อง และการแท้ง แม้กระนั้นในการท้องรายอื่นๆนั้นๆไม่พบการรับประทานขิงจะทำให้กำเนิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นคุณควรจะไปหารือแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับเพื่อการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-ส่งผลให้เกิดแผลร้อนในด้านในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากหารรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุด้านในโพรงปากเกิดการอักเสบจนถึงเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่ควรรับประทานขุงมากจนเหลือเกิน
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การศึกษาเล่าเรียนหนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานที่บันสุขภาพของออสเลียได้ออกคำเตือนเตือนให้งดเว้นการรับประทานขิงในตอนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเนื่องจากจะมีผลให้เกิดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุนั้นถ้าคุณมีอากเลือดออกเลือดออกผิดปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีก เลียงการกินขิง
เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว หวังผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาลักษณะของโรคต่างๆก็น่าจะต้องระวังตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากบางทีถ้าเกิดราใช้ ขิงสำหรับเพื่อการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็อาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการกำเริบได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวน่าจะกินขิงอย่างระมัดระวัง แม้กระนั้นถ้าหากว่ายังไม่มั่นใจล่ะก็ ควรจะขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ

Tags : สมุนไพรขิง
หน้า: 1 [2]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย