กระทู้ล่าสุดของ: watamon

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87.png" alt="" border="0" />
สมุนไพรเต้าหลว�[/size][/b]
เต้าหลวง Macaranga gigantean Muell. Arg.
ชื่อพ้อง M. megatophylla Muell. Arg.
บางถิ่นเรียก เต้าหลวง (กำแพงเพชร) ทะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) มะหัง (จังหวัดปัตตานี) หูช้าง (จันทบุรี).
ต้นไม้ สูงได้ถึง 20 ม. ลำต้นใหญ่ ยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาล แผลใบกลม หูใบใหญ่มาก ยาวได้ถึง 5 เซนติเมตร ใบ คนเดียว เรียงแบบบันไดเวียน รูปไข่ป้อม หรือ ออกจะกลม มี 3 แฉก กว้าง รวมทั้งยาว 25-75 ซม. ปลายใบแหลม หรือ มน ขอบของใบเรียบ หรือ หยักตื้น แล้วก็ห่าง โคนใบกลม เส้นใบมีลักษณะเหมือนใยแมงมุม เห็นกระจ่างทางข้างล่าง ด้านบนมีขนรูปดาวเรี่ยราย ข้างล่างมีขนหนาแน่น ก้านใบติดแบบใบบัวยาว 15-50 ซม. มีขน.[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร  ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเพศผู้ แล้วก็ดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน. ดอกเพศผู้ เป็นช่อแบบกระจาย ยาว 20-37 ซม. ดอกเล็ก ติดเป็นกระจุกๆกลีบรองกลีบ 3-4 กลีบ เกสรผู้ 1 อัน สั้น. ดอกเพศภรรยา เป็นช่อยาว 12-20 เซนติเมตร สีออกฟ้า ติดโดดเดี่ยวๆมีกลีบรองกลีบดอก 4 กลีบ ไม่มีกลีบดอกไม้ รังไข่มี 2 ช่อง ท่อรังไข่สั้น. ผล มี 2 พู กว้างโดยประมาณ 8 มม. ยาวราวๆ 5 มม. ผิวมีต่อมทั่วๆไป แก่จะแตกเป็น 2 ด้าน ภายในมี 2 ช่อง มีเมล็ดช่องละ 1 เมล็ด.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามชายเขาดิบ ป่าโปร่ง รวมทั้งจากที่ลุ่ม.
คุณประโยชน์ : ราก น้ำต้มราก รับประทานแก้อาการท้องร่วง

Tags : สมุนไพร

สมุนไพรมะหั�[/size][/b]
มะหัง Macaranga griffithiana Muell. Arg.
บางถิ่นเรียก มะหัง (ปัตตานี) ดอกไม้หูช้าง (จังหวัดตราด).
ไม้ต้น สูงได้ถึง 7 ม. กิ่งก้าน กลม หมดจด ด้านในกลวง สีขาวนวล. ใบ โดดเดี่ยว เรียงแบบบันไดเวียน รูปไข่ป้อม หรือ กลม กว้าง 12.5-22.5 ซม. ยาว 15-25 ซม. ปลายใบแหลม เป็นแฉกตื้นๆ3 แฉก ขอบของใบเรียบ หรือ หยักตื้นๆโคนใบกลม หรือ สอบแคบ ทำให้คล้ายรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด เนื้อใบดก ด้านล่างใบสีขาวนวล รวมทั้งมีเส้นใบสีชมพู ก้านใบติดแบบใบบัว ยาวโดยประมาณ 20 ซม. ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเพศผู้ รวมทั้งดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน. ดอกเพศผู้ ช่อยาว 15-25 เซนติเมตร [url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอกมีใบตกแต่งหุ้มห่อไว้เป็นรูปไข่ มีขนสีน้ำตาลปนแดง กลีบรองกลีบดอกมีขน และก็มีต่อม เกสรผู้ 3-4 อัน. ดอกเพศภรรยา ช่อสั้น อ้วน และมีขนมากกว่าช่อดอกเพศผู้ กลีบรองกลีบดอกรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 3 กลีบ รังไข่มี 3-5 ช่อง ที่โคนมีต่อม ท่อรังไข่โคนใหญ่ปลายแหลม ตรง หรือ โค้ง. ผล รูปเบาะ สีขาวนวล; มีนอป้านๆ4-5 นอ ฉาบด้วยผงสีเหลืองและเหนียว. เม็ด สีดำ ไม่มีเนื้อหุ้ม.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามริมลำธาร รวมทั้งข้างถนน ชอบที่โล่งแจ้ง และราบลุ่ม.
คุณประโยชน์ : ราก น้ำต้มรากใช้รับประทานแก้ไข้

Tags : สุมนไพร

สมุนไพรเม็�[/b]
เม็ก Macaranga tanarius (Linn.) Muell. Arg.
ชื่อพ้อง M. tomentosa Bl.
บางถิ่นเรียก เม็ก (ใต้) กะลอ บาเหลวมี สะลอ (มลายู-ยะลา) ควรดำ (จังหวัดปัตตานี) ป้าง หูช้าง (เมืองจันท์) รังขาว (จังหวัดสงขลา) ล่อ ล่อขาว (นครศรีธรรมราช) ล้อหูฉีด (พังงา).
ต้นไม้ ขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 6 มัธยม กิ่งใหญ่ สีนวล ตามยอดอ่อน แล้วก็ใบอ่อนมีขนนุ่ม. ใบ โดดเดี่ยว เรียงแบบบันไดเวียน รูปไข่ค่อนข้างกลม กว้าง 5-28 ซม. ยาว 8-32 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมเป็นหางยาว ขอบของใบออกจะเรียบ หรือ หยักตื้นๆโคนใบกลม หรือ เว้าเป็นรูปหัวใจ เนื้อใบบาง ด้านบนเกลี้ยง หรือ มีขนเล็กน้อย ข้างล่างมีขนนุ่ม ก้านใบติดแบบใบบัว ยาว 10-27 ซม. สีขาวนวล สะอาด หรือ มีขน หูใบรูปไข่ป้อมปนขอบขนาน ปลายแหลม ยาวโดยประมาณ 12 มิลลิเมตร มีขนประปราย.[url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกเพศผู้ และดอกเพศภรรยาอยู่ต่างต้นกัน. ดอกเพศผู้ ช่อยาว 10-30 เซนติเมตร แตกแขนงมาก ดอกมีใบเสริมแต่งรองรับ ใบประดับประดารูปไข่ป้อม ยาว 5-10 มม. ขอบหยักเป็นแฉกเล็กๆแหลมๆกลีบรองกลีบดอกมี 3-4 กลีบ เกลี้ยง เกสรผู้ 5-6 อัน. ดอกเพศภรรยา ช่อยาว 6-12 ซม. ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านสาขา รังไข่มีขน ข้างในมี 2 ช่อง ท่อรังไข่ใหญ่. ผล กลม แฝด เส้นผ่านศูนย์กลาง 7-12 มิลลิเมตร มีนอนูน 2-3 นอ มีเม็ดสีเหลืองๆเหนียวๆปกคลุม. เม็ด กลม ผิวหยาบ.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นในป่าดิบ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 150 ม.
สรรพคุณ : ราก น้ำสุกราก กินเป็นยาลดไข้ แก้ไอเป็นเลือด กินผงรากเพื่อช่วยให้อ้วก สำหรับคนเป็นไข้ ต้น น้ำสุกเปลือกต้น กินแก้บิด ใช้เข้าเครื่องยาสำหรับสตรีกินเพื่อช่วยสำหรับการคลอดลูก ใบ ตำพอกแก้รอยแผลอักเสบ สารสกัดใบมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะต่อเชื้อ Staphylococcus

Tags : สมุนไพร

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/0-1.png" alt="" border="0" />
สมุนไพรหล่อง่า�[/size][/b]
หล่อง่าม Macaranga triloba (Bl.) Muell. Arg.
ชื่อพ้อง M. carnuta Muell. Arg.
บางถิ่นเรียก หล่อง่าม (ตรัง) ลอขาว (นครศรีธรรมราช) สลาป้าง (จังหวัดตราด).
ไม้ต้น สูงถึง 12 ม. ลำต้นกลวง เปลือกสีเท่า หมดจด หรือ มีขนน้อยใบอ่อนข้างล่างชอบมีสีม่วงอมแดง หูใบกว้างกว่ายาว โค้งกลับไปด้านหลัง ใบ โดดเดี่ยว เรียงแบบบันไดเวียน รูปไข่ หรือ ค่อนข้างกลม มีขนาดกว้าง แล้วก็ยาว 10-30 ซม. ปลายแยกเป็นแฉกแหลมสามแฉก ขอบของใบเป็นคลื่น มีต่อมยื่นยาวออกมา โคนใบกลม มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบ 3 เส้น เส้นใบย่อยเรียงเป็นขั้นบันได มีขนน้อย หรือ เกลี้ยง ก้านใบติดแบบใบบัว ยาว 5-23 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ มีขนสีน้ำตาลแดงปกคลุม [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร ดอกเพศผู้ และก็ดอกเพศภรรยาอยู่ต่างต้นกัน. ดอกเพศผู้ เล็กมาก ช่อยาว 7.5-12.5 ซม. แตกแขนงเยอะแยะ ใบตกแต่งสีเขียว. ดอกเพศเมีย ช่อยาว 7.5-12.5 ซม. แตกกิ่งก้านสาขามาก มีกลีบรองกลีบดอกไม้ 4 กลีบ มีขน รังไข่ที่โคนมีขน ตอนบนมีต่อมสีเหลือง ด้านในมี 5 ช่อง ท่อรังไข่สั้น มี 5 อัน. ผล กลมแป้น มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-13 มม. ข้างบนรอบนอกมีนอนูนๆ3-6 นอ สีน้ำตาลปนแดง ผลอ่อนมีทาสีเขียวอยู่ที่นอ ผลสุกแต้มจะกลายเป็นสีเหลือง รวมทั้งเหนียว. เม็ด สีดำ มี 3-6 เมล็ด เนื้อห่อสีแดง หรือ ม่วงอมชมพู.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นในป่าดงดิบ หรือ ป่าละเมาะ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 400 ม.
คุณประโยชน์ : ใบ ใช้ข้างนอกตำขัดฝี น้ำต้มใบ และก็ผลเป็นยาฝาดสมาน กินแก้ปวดท้อง ผล เป็นพิษ

[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรตองเต๊�
ตองเต๊า Mallotus barbatus Muell. Arg.
บางถิ่นเรียกว่า ตองเต๊า ขี้เถ้า เต๊าขน ปอเต๊า (เหนือ) กระรอกขน (ชุมพร) กะลอขน กะลอยายทาย (ใต้) บาเละอางิง (มลายู-จังหวัดนราธิวาส) ปอหุน (ประจวบคีรีขันธ์ สละป้าง สละป้างใบใหญ่ (เมืองจันท์) หญ้าขี้ทูด (สกลนคร) หูช้าง (จังหวัดเพชรบูรณ์).
ไม้พุ่ม หรือ  ไม้ต้น ขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 6 ม. ทุกส่วนมีขนเหมือนขนสัตว์ สีขาวอมน้ำตาลอ่อนๆปกคลุมหนาแน่น ใบอ่อนสีชมพู. ใบ คนเดียว เรียงแบบบันไดเวียน รูปไข่ป้อมๆหรือ ออกจะกลม มักจะมีแฉกตื้นๆ3 แฉก กว้าง 7.5-30 เซนติเมตร ยาว 8.5-35 ซม. ปลายใบและก็ปลายแฉกเรียวแหลมเป็นหางยาว ขอบของใบหยักตื้นรวมทั้งห่าง โคนใบกลม เส้นกิ้งก้านใบ 7-10 คู่ นูนเด่นทางด้านล่างของใบ ข้างบนมีขนเป็นรูปดาว และจะค่อยๆหลุดร่วงไป เมื่อใบแก่ สีเขียวอ่อน หรือ เขียวอมเหลือง ก้านใบติดแบบใบบัว ยาว 5-25 ซม. อ้วน. ดอก ออกเป็นช่อตามปลายกิ่งและง่ามใบใกล้ยอด สีแดงอมเหลือง ดอกเพศผู้ รวมทั้งดอกเพศภรรยาอยู่บนต้นเดียวกัน. สมุนไพร[/b] ดอกเพศผู้ ช่อดอกยาว 11-36 เซนติเมตร ก้านดอกยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอก 4-6 กลีบ งอ รูปขอบขนาน ปลายแหลม ยาว 3.5 มม. เกสรผู้ 75-85 อัน. ดอกเพศเมีย ช่อดอกยาวประมาณ 9 ซม. ก้านดอกยาว 2 มิลลิเมตร กลีบ 4-5 หยัก ยาว 3 มม. รังไข่สีแดงสดใส ภายในมี 4-6 ช่อง ท่อรังไข่สีเหลืองมี 4 อัน ปลายท่อแบน ปลายแหลม ยาว 3.5-4.5 มม. ผล กลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 มม. มีขนรูปดาว สีน้ำตาลอ่อน ปกคลุมหนาแน่นคล้ายขนสัตว์ มี 4-6 ช่อง แก่จะแตก. เมล็ด มีเม็ดสีดำช่องละหนึ่งเม็ด ยาว 5.5-6 มม.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามป่าละเมาะใกล้ลำธาร.
สรรพคุณ : ใบ ตำรวมกับ [url=http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2]พริกไทย� แล้วก็ข้าวหัก พอกที่ท้องแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ

Tags : สมุนไพร

สมุนไพรปริ�[/size][/b]
ปริก Mallotus floribundus (Bl.) Muell. Arg.
ชื่อพ้อง M. anamiticus Ktze.
บางถิ่นเรียกว่า ปริก (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช) กาบิงบามอง (มลายู-นราธิวาส) ปิก ล้อ (กระบี่) ลอขน (ตรัง)
ไม้พุ่ม หรือ ไม้ใหญ่ ขนาดเล็ก สูง 5-15 มัธยม หมดจด ใบอ่อนสีน้ำตาลอมชมพู. ใบลำพัง เรียงแบบบันไดเวียน รูปค่อนข้างจะกลม หรือ รูปไข่ป้อมๆบางเวลาความกว้างมากยิ่งกว่าความยาว กว้าง และยาว 4.5-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม หรือ มน ขอบของใบเรียบ หรือ หยักเล็กน้อย โคนใบกลม หรือ ตัดตรง ตรงที่ติดกับก้านใบมีขนเป็นกลุ่มๆด้านล่างสีขาวนวล มีต่อมเล็กๆสีเหลืองกระจายทั่วไป เนื้อใบบาง ก้านใบติดแบบใบบัว ยาว 3.5-17.5 ซม. เล็ก. ดอก ออกเป็นช่อที่ยอด หรือ ตามง่ามใบ ศูนย์กลางช่อเป็นเหลี่ยม มีทั้งยังดอกเพศผู้ ดอกเพศภรรยา รวมทั้งดอกบริบูรณ์เพศ มีกลิ่นหอมหวน. [url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอกเพศผู้ ช่อยาว 15-20 ซม. ก้านดอกยาว 3-3.5 มม. กลีบดอก 3-4 กลีบ งอ รูปไข่ปนขอบขนาน ปลายมีติ่งแหลม ขนาดแตกต่างกันยาว 1-2.5 มิลลิเมตร เกสรผู้ 40-42 อัน อับเรณูมีขน. ดอกเพศภรรยา ช่อยาว 7-15 เซนติเมตร ไม่แตกสาขา มี 5-9 ดอก ก้านดอกยาว 1-3 มม. กลีบดอก 3-4 กลีบ รูปยาวแคบแกมรูปหอก ยาว 3-4 มิลลิเมตร รังไข่มีขน ท่อรังไข่ยาว 8-11 มิลลิเมตร มีขน ด้านในมี 3 ช่อง. ผล เป็นพูกลมๆ3 พู เห็นได้ชัด เส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม. ข้างนอกมีขนแข็ง. เมล็ด กลม มีช่องละ 1 เม็ด เส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 7 มิลลิเมตร

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นทั่วๆไปในป่าดงดิบ หรือ ป่าละเมาะใกล้ลำน้ำ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 100 ม.
 คุณประโยชน์ : ราก น้ำสุกรากรับประทานแก้ไข้หลังการคลอดบุตร แก้ปวดท้อง รวมทั้งอหิวาต์

สมุนไพรเปล้าใหญ�[/size][/b]
เปล้าใหญ่ Mallotus macrostachyus Muell. Arg.
ชื่อพ้อง M. albus Muell. Arg.
บางถิ่นเรียกว่า เปล้าใหญ่ ลัว (นครศรีธรรมราช) ฝามี หลอขน (จังหวัดตรัง) หลอ (จังหวัดนราธิวาส).
ไม้พุ่ม หรือ  ไม้ต้น ขนาดเล็ก มีขนสีน้ำตาล หรือ น้ำตาลอ่อน ใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุมทั้งคู่ด้าน. ใบ ผู้เดียว เรียงสลับกัน หรือ เป็นคู่ตรงข้ามกัน รูปค่อนข้างจะกลม หรือ รูปไข่ค่อนข้างจะกว้างแกมสามเหลี่ยม กว้างแล้วก็ยาว 7-20 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมเป็นหางยาว ขอบใบเรียบ หรือ หยักห่าง และก็แหลมไม่บ่อยนักกัน โคนใบมนป้าน มีต่อม 2 ต่อม เส้นใบนูนเด่นทางข้างล่าง ข้างบนหมดจด ข้างล่างมีขนสั้นๆปกคลุมหนาแน่น ก้านใบยาว 3-20 เซนติเมตร ติดออกจะติดขอบใบ. ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ. ดอกเพศผู้และดอกเพศภรรยาอยู่บนต้นเดียวกัน. ดอกเพศผู้ ช่อยาวประมาณ 20 ซม. แตกสาขามากมาย ดอกกลมๆเล็กๆชิดกันแน่น กลีบรองกลีบ 4 กลีบ รูปไข่แกมขอบขนาน ยาวราว 2 มม. ภายนอกมีขน เกสรผู้หลายชิ้น. [url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอกเพศเมีย ช่อยาว 30-40 ดอกเหมือนกาบ รังไข่มี 3 ช่อง. ผล กลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2-1.6 ซม. มีขนคล้ายสัตว์ปกคลุมหนาแน่น ติดเป็นช่อแขวนยาว ข้างในมี 3 ช่องๆละหนึ่งเม็ด. เม็ด ค่อนข้างกลม ยาวโดยประมาณ 5 มม. สีดำวาว.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นในป่าดงดิบ รวมทั้งชายป่าดงดิบ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 400 ม.
สรรพคุณ : ใบ น้ำต้มใบ ใช้ชำระล้างบาดแผล

สมุนไพรสอยดา�[/size][/b]
สอยดาว Mallotus paniculatus (Lam.) Muell. Arg.
ชื่อพ้อง M. cochinchinensis Lour.
บางถิ่นเรียกว่า สอยดาว สลัดป้าง (เมืองจันท์ จังหวัดตราด) สตีตัน (เลย) แสด (ใต้).
ไม้พุ่ม หรือ  ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. ยอดอ่อนมีขนสีขาว น้ำตาลอ่อน หรือ น้ำตาล. ใบ เดี่ยว เรียงแบบบันไดเวียนห่างๆรูปไข่ รูปไข่แกมข้าวหลามตัด หรือ สามเหลี่ยม กว้าง 3-22 ซม. ยาว 5-24 ซม. ปลายใบเรียวแหลมเป็นหางยาว บางโอกาสเป็นแฉกแหลม 3 แฉก ขอบใบเรียบ หรือ หยักเป็นคลื่นห่างๆโคนใบกลม สอบมนๆโคนสุดมีต่อมใหญ่ 1 คู่ อยู่ข้างบน ด้านล่างมีขนรูปดาวสั้นๆหนาแน่น เส้นแขนงใบมี 5-8 คู่ เส้นใบย่อยเรียงเป็นขั้นบันได ตามเส้นใบ แล้วก็ก้านใบ มีขนสีน้ำตาลอ่อน ก้านใบยาว 3-18 ซม. ดอก ออกเป็นช่อที่ยอด และก็ตามง่ามใบ ยาว 7-35 เซนติเมตร มีขนสีน้ำตาลปกคลุม มีทั้งยังดอกเพศผู้ ดอกเพศเมีย และก็ดอกบริบูรณ์เพศ. ดอกเพศผู้ ก้านดอกยาว 1.5-2.5 มม. [url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอกกลม เล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 มิลลิเมตร กลีบ รูปไข่ 3-4 กลีบ ขนาดแตกต่างกัน ยาว 2.5-2.7 มม. เกสรผู้มี 50-60 อัน. ดอกเพศเมีย ก้านดอกยาว 0.5-1 มม. กลีบดอกไม้ติดกันคล้ายรูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ยาว 2.5-2.7 มิลลิเมตร รังไข่มี 3 ช่อง ปลายท่อรังไข่เป็นรูปยาว 2-3 มม. ผล มี 3 พู กว้างราว 7.5 มิลลิเมตร ยาวราวๆ 4.5 มิลลิเมตร มีขนยาว นุ่มปกคลุม. เม็ด รูปไข่ออกจะกลม เส้นผ่าศูนย์กลางราว 3 มิลลิเมตร สีดำ.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นทั่วไปในป่าดงดิบ หรือ ป่าผลัดใบ.
สรรพคุณ : ราก น้ำต้มราก รับประทานเป็นยาบำรุง ข้างหลังการคลอดบุตร ตำเป็นยาพอกรวมกับสมุนไพรอื่นๆพอกหัวแก้ปวด ต้น น้ำต้มต้น ใช้เป็นยาล้างแผล

สมุนไพรคำป่�[/size][/b]
คำป่า Mallotus philippensis (Lam.) Muell. Arg.
บางถิ่นเรียกว่า คำป่า คำแดง คำแสด ทองคำทวย มะคาย แสด (กลาง) กายขัดหิน ขี้เนื้อ (จังหวัดเชียงใหม่) กือบอ ซาบอเส่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ขางปอย ซาดป่า (นครพนม) กลิ่นเต่า (สุราษฎร์) ทองขาว (เลย) กระทุ่ม (กึ่งกลาง จังหวัดราชบุรี) พลับพลากลิ่นเต่า (นครศรีธรรมราช) พลากวางใบใหญ่ (ตรัง) มะกายคัด (เหนือ) ไม่นยะมายา (มลายู-จังหวัดยะลา) มือราแก้ปูวางท่า (มลายู-นราธิวาส) ลายเพศผู้ (เมืองจันท์) สาก ละว้า (พิษณุโลก สุโขทัย).
ไม้พุ่ม หรือ  ไม้ใหญ่ สูงได้ 5-15 ม. ยอดอ่อนมีต่อมสีแดงเล็กๆตามกิ่งมีขนสีน้ำตาล. ใบ โดดเดี่ยวเรียงแบบบันไดเวียนห่างๆรูปรี หรือรูปไข่ กว้าง 3-10 เซนติเมตร ยาว 6-10 ซม. ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ หรือ หยักบางส่วน โคนใบแหลม มน หรือ ตัด ที่โคนสุดมีต่อม 1 คู่ เส้นใบคู่ล่างออกมาจากโคนใบ ขึ้นสูงเหนือกลางใบ เส้นใบย่อยเรียงเป็นขั้นบันได เส้นนูน เห็นได้ชัดทางข้างล่าง สีเขียวอมเหลือง ด้านล่างสีขาวนวล ก้านใบยาว 2-7 เซนติเมตร มีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุม. ดอก ออกเป็นช่อ เป็นกลุ่ม มีขนสั้นๆปกคลุม ช่อยาว 2.5-16 เซนติเมตร ก้านดอกมีขนรูปดาว. [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/b] ดอกเพศผู้ ก้านดอกยาว 2-3.5 มิลลิเมตร กลีบมี 3-4 กลีบ ยาว 2.5-3 มม. เกสรผู้ 23-32 อัน. ดอกเพศเมีย ก้านดอกยาว 0.5-1 มิลลิเมตร กลีบมี 5 กลีบ โคนกลีบติดกันน้อย ยาว 1-2 มม. รังไข่มีขนรูปดาว ด้านในมี 3 ช่อง ปลายท่อรังไข่รูปยาวๆ2-4.5 มิลลิเมตร ผล รูปกลมแป้น มีพูตื้นๆ3 พู มีต่อมสีแดงปกคลุม, ภายในมีขน กว้าง 7.5-10 มิลลิเมตร ยาว 5.7 มิลลิเมตร เม็ด รูปไข่ออกจะกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มิลลิเมตร
[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/DSC_4352.jpg" alt="" border="0" />
นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นทั่วไปในป่าดงดิบ, ป่าละเมาะ รวมทั้งดังที่โล่งแจ้งพื้นดินผสมหิน เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,100 ม., บางพื้นที่ปลูกไว้เพื่อทำยา.
คุณประโยชน์ : ราก ใบ แล้วก็ ขนผล ตำรวมกับน้ำผึ้ง, ทาแก้สัตว์มีพิษกัดต่อย, ทาแก้ปวดแผลอักเสบ, แก้สิว และลอดฝ้า ผล น้ำสุกผล และก็ใบ กินแก้หวัด ผงจากขนผล แล้วก็ต่อมสีแดง, ใช้เป็นยาระบาย ขับพยาธิตัวตืดที่เป็นกับสัตว์เลี้ยง เม็ด ทำเป็นผง ใช้พอกแผล

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/33.png" alt="" border="0" />
มันสำปะหลั�[/size][/b]
มันสำปะหลัง Manihot esculenta Crantz
บางถิ่นเรียกว่า มันสำปะหลัง มันสำโรง สำปะข้างหลัง (กลาง) ต้างน้อย ต้างบ้าน (เหนือ) มันตัน มันไม้ (ใต้) มันหิ (จังหวัดพังงา) อุบีกายู (มลายู-ใต้).
ไม้พุ่ม สูง 1-5 มัธยม ลำต้นมีรอยแผลใบ ทุกส่วนหากสับจะมียางขาวไหลออกมา รากเป็นที่สะสมอาหาร มี 5-10 ราก รากที่สะสมของกินมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-15 เซนติเมตร ยาว 15-100 ซม. ใบ โดดเดี่ยว เรียงแบบบันไดเวียน เป็นแฉกลึกๆ3-9 แฉก แฉกรูปไข่กลับแกมรูปหอก กว้าง 1-6 เซนติเมตร ยาว 4-20 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบแคบ ข้างบนเกลี้ยง บางครั้งมีสีแดง ด้านล่างสีขาวนวล อาจมีขนน้อยตามเส้นใบ หูใบชอบเป็นแฉกรูปหอก 3-5 แฉก ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หล่นง่าย ก้านใบยาว 5-30 ซม. สีเขียวถึงสีแดงเข้ม. [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด ยาว 3-10 ซม. ใบประดับรูปยาวแคบ หล่นง่าย ดอกแยกเพศแม้กระนั้นอยู่บนช่อเดียวกัน. ดอกเพศผู้ ก้านดอกยาว 0.5-1.0 ซม. กลีบรองกลีบดอกไม้ ยาว 3-8 มม. เชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ปลายแยกเป็นแฉกสามเหลี่ยม 5 แฉก เกสรผู้ 10 อัน เรียงเป็น 2 วง สั้น และก็ยาวสลับกัน ก้านเกสรไม่ชิดกัน อับเรณูมีขนาดเล็ก. ดอกเพศภรรยา มีขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้ ก้านดอกยาว 1-2.5 เซนติเมตร กลีบรองกลีบดอกไม้ 5 กลีบ ชิดกันที่โคนเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ยาวราวๆ 1 ซม. รังไข่มีสัน 6 สัน ไม่มีขน ยาว 3-4 มม. ท่อรังไข่เชื่อมชิดกัน ปลายแยกเป็น 3 กลุ่ม แต่ละกรุ๊ปแยกเป็นกิ่งก้านสาขานิดๆหน่อยๆอีกเยอะแยะ. ผล กลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 ซม. หมดจด มีปีกแคบๆตามทางยาว. เม็ด รี ยาวราว 12 มิลลิเมตร

นิเวศน์วิทยา
: ปลูกได้ทั่วไป เป็นพืชที่ทนแล้งก้าวหน้ามากมาย ชอบดินปนทราย ดินที่มีภาวะชั่วช้าซึ่งใช้ปลูกพืชอื่นไม่ได้รวมทั้งสามารถปลูกมันสำปะหลังได้ และก็ยังสามารถปลูกสลับกับพืชอื่นได้ด้วย.
คุณประโยชน์ : หัวใต้ดิน ใช้ทำแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งใช้ประกอบอาหาร ทำเบียร์ จัดเตรียม glucose รวมทั้ง dextrin ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเม็ดยา เป็นอาหารสัตว์ และก็ใช้ผลิต ethanol ต้น มันสำปะหลังมีสองพันธุ์ร่วมกัน คือประเภทขม รวมทั้งจำพวกหวาน อย่างหลังจะไม่มีสารพิษ ใบ ใบอ่อนต้มให้สุกกินได้ แก้โรคขาดวิตามินบี 1

Tags : สมุนไพร

สมุนไพรแสย�[/size][/b]
แสยกPedilanthus tithymaloides Poit.
บางถิ่นเรียกว่า แสยกกะแหยก มหาประสาน ปิ้ง แสยกสามสี (กลาง) เคียะไก่ให้ (เหนือ) ตาสี่กะมอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) นางกวัก ว่านสลี (แม่ฮ่องสอน).
ไม้พุ่ม สูง 40-100 เซนติเมตร มีน้ำยางมาก ลำต้นหักงอไปๆมาๆทำให้เป็นรูปซิกแซก สีเขียว ผิวเรียบ. ใบ ลำพัง เรียงสลับกันซ้ายขวาในระนาบเดียวกัน รูปไข่ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 3.5-7 เซนติเมตร ฐานในกลม มน หรือ แหลม ขอบใบเรียบ หรือ เป็นคลื่น ปลายใบมน หรือ แหลม เส้นใบเห็นไม่ชัดเจน เนื้อใบหนา ข้างล่างมีขนอ่อน เส้นเล็ก ปกคลุมบางๆทั่วไป ก้านใบยาว 2-7 มม. หูใบมีลักษณะเป็นตุ่มกรุ๊ปเล็กๆ2 ตุ่มอยู่สองข้างโคนก้านใบ หล่นง่าย ต้นจะสลัดใบทิ้งหมด หรือแทบหมดก่อนมีดอก. ดอก สีแดงออกเป็นช่อตามลำต้น ที่ยอดแล้วก็ตามกิ่งกิ้งก้านสั้นๆใกล้ยอด ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ก้านช่อยาว 3-20 มม. มีขน ช่อดอกยาว 1-2.5 ซม. ใบเสริมแต่ง [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%81/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ภายนอกมีขนสั้นปกคลุมหนาแน่น ก้านดอกไม่มีขน ดอกมีลักษณะเหมือนรองเท้า หรือ เรือ มี 5 กลีบ เรียงเป็นสองชั้น ชั้นในมี 3 กลีบ สั้น และแคบกว่ากลีบชั้นนอก มีขนละเอียด ที่ฐานภายนอกมีต่อมน้ำหวานรูปกระทะคว่ำ 1 ต่อม ข้างในมีต่อม 2 หรือ 4 ต่อม เรียงเป็นคู่ ที่ปลายมีแถบยาวหนึ่งแถบอยู่ตรงช่องระหว่างกลีบใหญ่ชั้นนอกสองกลีบ; เกสรผู้สั้น ช่วงเวลาที่ดอกกำลังบานอับเรณูจะหันหน้าออก รังไข่มี 3 ช่อง มีไข่อ่อนช่องละ 1 หน่วย ท่อรังไข่มี 1 อัน ปลายท่อแยกเป็น 3 แต่ละอันแยกเป็น 2 แฉก. ผล เป็นจำพวกแห้งแล้วแตก.

นิเวศน์วิทยา
: ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมนำมาปลูกตามแนวรั้ว ขึ้นง่ายแล้วก็ทนแล้งเจริญ
สรรพคุณ : ต้น น้ำยางต้นใช้กัดหูด ทาผิวหนังแก้เกลื้อน แมลงป่องต่อย ตะขาบกัด แต่ถ้าเกิดกินเข้าไปจะก่อให้อ้วก

Tags : สมุนไพร

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%A1.png" alt="" border="0" />
มะย�[/size][/b]
มะยม Phyllanthus acidus (Linn.) Skeels
ชื่อพ้อง P. distichus Muell. Arg.  มะยม (ทั่วไป).
  ไม้ใหญ่ ขนาดเล็ก สูง 3-10 ม. ลำต้นสั้น คด เปลือกตะปุ่มตะป่ำ สีออกชมพูเรื่อยๆแตกกิ่งก้านกระจาย. ใบ ลำพัง เรียงสลับกันบนกิ่งเล็กๆซึ่งเรียงอยู่บริเวณใกล้ปลายกิ่ง ถ้ามองดูผิวเผินจะมีความเห็นว่าคล้ายใบประกอบมาก ใบรูปไข่เบี้ยวๆหรือ ไข่ปนขอบขนาน กว้าง 1.7-4 เซนติเมตร ยาว 3.5-9 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบกลม และก็ชอบเบี้ยวน้อย เนื้อใบบาง ด้านบนสีเขียวอ่อน หรือ เขียวอมเหลือง ข้างล่างสีนวล ก้านใบยาว 2-3 มม. ดอก สีชมพู ออกเป็นช่อเล็กๆตามลำต้น รวมทั้งกิ่งที่ไม่มีใบ ช่อยาว 2-9 เซนติเมตร ช่อดอกประกอบด้วย [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร ดอกเพศผู้เป็นส่วนใหญ่ มีดอกเพศภรรยาเพียงแค่ 1-2 ดอก หรือ บางคราวไม่มีเลย ก้านดอกยาว 1-1.5 มิลลิเมตร ดอกเล็ก กลม กลีบดอกกลมแกมรูปไข่ สีเขียวอ่อน หรือ เขียวอมเหลือง ข้างล่างสีนวล ก้านใบยาว 1-1.5 มิลลิเมตร ดอกเพศผู้ ต่อมที่ฐานไม่ติดกัน เกสรผู้ยาวกว่ากลีบดอกไม้มาก. ดอกเพศภรรยา ฐานดอกเป็นรูปวงแหวน ขอบหยักมนๆบางเวลามีเกสรผู้ 1-3 อัน รังไข่มี 3-4 ช่อง. ผล กลม ค่อนข้างแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 มิลลิเมตร มีพูตื้นๆ6-8 พู ด้านบนยุบ ด้านล่างแบน เนื้อชุ่มฉ่ำน้ำ สุกนุ่ม สีเขียวอ่อน หรือ ขาวอมเหลือง รสเปรี้ยว ก้านผลยาว 3-4 มม. แขวนเป็นพวงตามกิ่ง และก็ลำต้น. เมล็ด แข็ง เป็นเหลี่ยม มีหนึ่งเมล็ด.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด ชอบดินร่วน น้ำไม่ขัง นิยมนำมาปลูกตามบ้าน.
คุณประโยชน์ : ราก น้ำสุกรากเป็นยาฝาดสมาน ทาแก้คัน สูดไอร้อนแก้ไอ แก้โรคหืดหอบ และแก้ปวดศีรษะ น้ำยางเปลือกรากเป็นพิษบางส่วน ถ้าเกิดกินเข้าไปจะมีลักษณะเจ็บท้องอย่างหนัก ปวดหัวแล้วก็ง่วงซึม ผล ตำรวมกับพริกไทยเป็นยาพอกแก้ปวดกล้าม แล้วก็ปวดหลัง ถ้าหากต้มใบกินพร้อมทั้งผล เป็นยาขับเหงื่อ ผล กินได้อีกทั้งดิบและก็สุก มีรสเปรี้ยว มีฤทธิ์เป็นกรด ใช้ทำขนม หรือ เชื่อมก็ได้ เป็นยาฝาดสมาน แก้หลอดลมอักเสบ รวมทั้งขับปัสสาวะ

Tags : สมุนไพร

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%9A.png" alt="" border="0" />
สมุนไพรลูกใต้ใ�[/size][/b]
ลูกใต้ใบ Phyllanthus amarus Schum. & Thonn.
บางถิ่นเรียก ลูกใต้ใบ (กลาง) มะขามป้อมดิน (เหนือ) หญ้าใต้ใบ (จังหวัดนครสวรรค์ อ่างทอง จังหวัดชุมพร) หญ้าใต้ใบขาว (สุราษฎร์ธานี).
    [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร   ไม้ล้มลุก แก่เพียงปีเดียว สูงได้ถึง 30 ซม. ลำต้นไม่มีขน แตกกิ่งก้านสาขามาก. ใบ เดี่ยว เรียงสลับกัน รูปขอบขนานปนรูปรี กว้าง 3-4 มิลลิเมตร ยาว 5-9 มิลลิเมตร ปลายใบกลม หรือ มน โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ ไม่มีขน ข้างล่างสีอ่อน ก้านใบสั้น หูใบปลายแหลม. ดอก แยกเพศ ดอกเพศผู้ มีขนาดเล็กมากมาย ออกตามง่านใบที่อยู่ต่ำสุด 1-4 ง่าม ชอบออกเป็นกลุ่มๆละ 2-3 ดอก เกสรผู้มี 3 อัน โคนก้านเกสรเชื่อมกันบางส่วน อับเรณูแตกตามแนวนอน. ดอกเพศเมีย มีขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้ 2 เท่า ออกผู้เดียวๆตามง่ามใบที่อยู่เหนือขึ้นไป กลีบรองกลีบรูปไข่ ขอบกลีบสีอ่อน. ผล มีขนาดเล็ก ไปกลมแป้น ผิวเนียน. เม็ด มีสันตามแนวยาวทางด้นหลัง

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นดังที่รกร้าง รวมทั้งตามข้างทาง
สรรพคุณ : ราก ฝนกับน้ำแช่ข้าว กินแก้โรคดีซ่าน และก็แก้ระดูไหลไม่หยุด ต้น น้ำสุกทั้งยังต้นกินเป็นยาระบาย ขับเยี่ยว เป็นยาฝาดสมาน บำรุงธาตุ ขับน้ำดี บำรุงร่างกาย แก้อาการบวมตามร่างกาย โรคตับเหลือง ทางเท้าเยี่ยวอักเสบ แก้ปวดท้อง ช่วยย่อย และขับเมนส์ น้ำสุกเปลือกต้น รับประทานเป็นยาระบาย ใบ น้ำสุกใบ รับประทานเป็นยาแก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ ลดไข้ ขับนิ่วในไต ขับเยี่ยว แก้น้ำเหลืองเสีย และแก้ไอเด็ก ตำเป็นยาพอกบาดแผล แก้บวมน้ำ แล้วก็ถ้าหากผสมเกลือน้อย ใช้พอกแก้อาการคัน แล้วก็อักเสบของผิวหนังบางจำพวก

Tags : สมุนไพร

สมุนไพรมะขามป้อ�[/size][/b]
มะขามป้อม Phyllanthus emblica Linn.
บางถิ่นเรียก มะขามป้อม (ทั่วไป) กันโตด (เขมร-จันทบุรี) กำทวด (ราชบุรี) มั่งลู่ สันยาส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน).
ไม้ต้น ขนาดกลาง สูง 8-12 ม. เปลือกสีเขียวอมเทา ลอกออกเป็นแผ่นๆเนื้อไม้สีแดงอมน้ำตาล. ใบ เดี่ยว สีเขียวอ่อน กว้าง 0.25-0.5 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.2 ซม. เรียงชิดกัน ดูผาดๆราวกับใบเกาะติด ก้านใบสั้นมาก. ดอก เล็ก สีขาว หรือ นวล ดอกแยกเพศ แต่เกิดบนต้นเดียวกัน ออกตามง่ามใบ 6 ดอก มีกลีบรองกลีบดอก 6 กลีบ ไม่มีกลีบดอก. [url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url][/color] ดอกเพศผู้ มีเกสรผู้ 3 อัน ฐานรองดอกมีต่อม 6 ต่อม. ดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี 3 ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยกเป็น 2 แฉก ไม่เท่ากัน. ผล กลม มีเนื้อครึ้ม เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2-2 ซม. ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีเขียวอมเหลือง เนื้อรับประทานได้ มีรสฝาก เปรี้ยว ขม แล้วก็อมหวาน เปลือกเมล็ดแข็ง มีสันตามแนวยาว 6 สัน ข้างในมี 6 เมล็ด.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นห่างๆเป็นหมู่ๆตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง แล้วก็ป่าดิบปกติ
สรรพคุณ : ราก น้ำสุกรากรับประทานเป็นยาลดไข้ เป็นยาเย็น ฟอกเลือด แล้วก็ทำให้อาเจียน ถ้าหากกลั่นราก จะได้สารที่มีคุณลักษณะเป็นยาฝาดสมานที่ดีมากยิ่งกว่าสีเสียด (catechu) (55). ต้น เปลือกเป็นยาฝาดสมาน ใบ น้ำสุกใบใช้อาบลดไข้ ดอก มีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายผิวมะนาว ใช้เข้าเครื่องยาเป็นยาเย็น และก็ยาระบาย. ผล ใช้ได้ผลสด แล้วก็ผลแห้ง มีฤทธิ์กัดทำลาย เป็นยาเย็น ยาฝาดสมาน แก้ไข้ ขับฉี่ ระบาย บำรุงหัวใจ ฟอกโลหิต น้ำคั้นผลสด มีจำนวนวิตามินซีสูขี้ตระหนี่ว่าน้ำส้มคั้นโดยประมาณ 20 เท่า ในปริมาณเท่ากัน ใช้แก้โรคลักปิดลักเปิด (scurvy) ยางผลใช้หยอดแก้ตาอักเสบ รับประทานเป็นยาช่วยสำหรับในการย่อย แล้วก็ขับเยี่ยว เนื้อผลแห้งที่เรียกว่า Emblic myrobalan ใช้เป็นยาฝาดสมาน เพราะมี tannin แก้โรคริดสีดวงทวาร แก้บิด ท้องร่วง ใช้กับธาตุเหล็กแก้โรคดีซ่านแล้วก็ช่วยในการย่อย หากหมักผลจะได้แอลกอฮอล์ รับประทานแก้ของกินไม่ย่อย แก้ไอ และแก้โรคดีซ่าน

Tags : สมุนไพร

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1.png" alt="" border="0" />
[url=http://www.disthai.com/16488243/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1]สมุนไพรมะขามป้อ�[/size][/b]
มะขามป้อม Phyllanthus emblica Linn.
บางถิ่นเรียก มะขามป้อม (ทั่วไป) กันโตด (เขมร-จันทบุรี) กำทวด (ราชบุรี) มั่งลู่ สันยาส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน).
ไม้ใหญ่ ขนาดกึ่งกลาง สูง 8-12 มัธยม เปลือกสีเขียวอมเทา ลอกออกเป็นแผ่นๆเนื้อไม้สีแดงอมน้ำตาล. ใบ โดดเดี่ยว สีเขียวอ่อน กว้าง 0.25-0.5 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.2 ซม. เรียงชิดกัน ดูผาดๆเสมือนใบเกาะติด ก้านใบสั้นมากมาย. ดอก เล็ก สีขาว หรือ นวล ดอกแยกเพศ แต่ว่าเกิดบนต้นเดียวกัน ออกตามง่ามใบ 6 ดอก มีกลีบรองกลีบดอกไม้ 6 กลีบ ไม่มีกลีบ. [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ�[/b] ดอกเพศผู้ มีเกสรผู้ 3 อัน ฐานรองดอกมีต่อม 6 ต่อม. ดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี 3 ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยกเป็น 2 แฉก ไม่เท่ากัน. ผล กลม มีเนื้อดก เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2-2 ซม. ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีเขียวอมเหลือง เนื้อรับประทานได้ มีรสฝาก เปรี้ยว ขม รวมทั้งอมหวาน เปลือกเม็ดแข็ง มีสันตามทางยาว 6 สัน ด้านในมี 6 เมล็ด.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นกระจายเป็นหมู่ๆตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง และก็ป่าดิบธรรมดา
คุณประโยชน์ : ราก น้ำต้มรากกินเป็นยาลดไข้ เป็นยาเย็น ฟอกเลือด และทำให้อาเจียน ถ้ากลั่นราก จะได้สารที่มีคุณลักษณะเป็นยาฝาดสมานที่ดีกว่าสีเสียด (catechu) (55). ต้น เปลือกเป็นยาฝาดสมาน ใบ น้ำสุกใบใช้อาบลดไข้ ดอก มีกลิ่นหอมยวนใจเหมือนผิวมะนาว ใช้เข้าเครื่องยาเป็นยาเย็น แล้วก็ยาระบาย. ผล ใช้ได้ทั้งยังผลสด แล้วก็ผลแห้ง มีฤทธิ์กัดทำลาย เป็นยาเย็น ยาฝาดสมาน แก้ไข้ ขับเยี่ยว ระบาย บำรุงหัวใจ ฟอกเลือด น้ำคั้นผลสด มีปริมาณวิตามินซีสูงกเงินว่าน้ำส้มคั้นราว 20 เท่า ในจำนวนเท่ากัน ใช้แก้โรคลักปิดลักเปิด (scurvy) ยางผลใช้หยอดแก้ตาอักเสบ กินเป็นยาช่วยในการย่อย และขับเยี่ยว เนื้อผลแห้งที่เรียกว่า Emblic myrobalan ใช้เป็นยาฝาดสมาน เพราะมี tannin แก้โรคริดสีดวงทวาร แก้บิด ท้องเสีย ใช้กับธาตุเหล็กแก้โรคดีซ่านและช่วยย่อย ถ้าเกิดหมักผลจะได้แอลกอฮอล์ รับประทานแก้ของกินไม่ย่อย แก้ไอ และก็แก้โรคดีซ่าน

Tags : สมุนไพร